เปิดผลงานบ้านหลังแรกของ “ อันโตนีโอ เกาดี ” เจ้าพ่อ สถาปัตยกรรม Art Nouveau

เปิดผลงานบ้านหลังแรกของสถาปนิก “อันโตนีโอ เกาดี” เจ้าพ่อสถาปัตยกรรมสไตล์ ART NOUVEAU

แบบบ้านที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้ตรงกับแบบดั้งเดิมของเกาดีเสียทีเดียว แต่ผ่านการปรับปรุงและต่อเติมหลายต่อหลายครั้งโดยสถาปนิกท่านอื่น แรกเริ่มเดิมที Casa Vicens นั้นถูกออกแบบให้เป็นบ้านตากอากาศ (Summer House) ของครอบครัวคหบดีหนึ่งในราวค.ศ.1883-1885  ต่อมาถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นบ้านสำหรับ 3 ครอบครัวโดยสถาปนิก Joan Baptista Serra de Martinez ในปี ค.ศ.1925 ผ่านการต่อเติมพื้นที่โดยรอบอีกหลายครั้ง จนถูกยกให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2005 และเมื่อตกมาเป็นของธนาคาร MoraBanc ในปีค.ศ.2014 ก็ถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงสถาปัตยกรรม และแสดงผลงานอื่นของเกาดีทั่วทุกห้อง ซึ่งเพิ่งเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมเมื่อปลายปีค.ศ.2017 ที่ผ่านมา

สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo

สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo

สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo

โดยการปรับปรุงล่าสุดในครั้งนี้ ทีมผู้เชี่ยวชายพยายามรื้อฟื้นสิ่งที่หายไปให้กลับมาคงเดิมให้มากที่สุด ทั้งการซ่อมแซมงานคราฟท์ดั้งเดิม การผลิตของใหม่ด้วยเทคนิคดั้งเดิมในองค์ประกอบของสถาปัตยกรรม การซ่อมแซมงานจิตรกรรมต่างๆ รวมไปถึงสเปซภายใน โดยเฉพาะห้องและบันไดสีขาวที่ถูกออกแบบให้มีเหลี่ยมมุมแบบสมัยใหม่ แตกต่างออกมาจากห้องต่างๆ ที่แวดล้อมในบ้านอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งเป็นการสะท้อนรูปแบบบันไดดั้งเดิมตามอย่างของเกาดีซึ่งสูญหายไประหว่างการปรับปรุงอื่นที่ผ่านมาหลายครั้งจนยากที่จะรื้อฟื้นให้กลับมาเป็นดังเดิม

สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo สถาปัตยกรรม สไตล์ Art Nuevo

หรืออีกนัยหนึ่ง การตั้งใจแทรกภาพของสเปซสมัยใหม่ที่โดดเด่นเข้าไปในอาคารอนุรักษ์นั้นอาจเป็นการสะท้อนคุณค่าอื่น เช่น ความทรงจำ และแนวความคิดดั้งเดิมของสถาปนิกคนสำคัญที่สูญหายไปตามกาลเวลา ให้กลับมาเด่นชัดในการรับรู้ของผู้เข้าชมมากกว่าเดิม ด้วยรูปแบบใหม่ที่ร่วมสมัย  เข้ากับการใช้งานใหม่ และเหมาะกับยุคสมัยใหม่เช่นช่วงเวลาปัจจุบัน


เรื่อง: KORAKADA

ภาพ: Pol Viladoms

อ่าน Meet the Masters ท่านอื่นๆ ต่อ >> คลิกที่นี่ <<

Geoffrey Bawa : สถาปนิกผู้ทำให้เราซึ้งถึงคำว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน”