เลือกติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด - room

เลือกติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

กระแสรักษ์โลกและใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ ด้วยสภาพแวดล้อมที่วิกฤตขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเราทั้งทางตรงและทางอ้อม และหนึ่งในวิธีที่ช่วยโลกแบบใกล้ตัวเราคือการใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ หรือที่เราคุ้นชินกันในนาม “โซลาร์เซลล์” สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูล หรือสนใจในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร  วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

เริ่มจากมาทำความรู้จักก่อนว่าระบบโซลาร์มี 3 ระบบ คือ

  1. ออนกริด (On-Grid) ใช้ทั้งไฟจากโซลาร์  และการไฟฟ้า  ไม่มีแบตเตอรี่
  2. ออฟกริด (Off-Grid) ใช้ไฟจากโซลาร์ได้อย่างเดียว  โดยมีแบตเตอรี่กักเก็บไฟ  เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลที่การไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
  3. ไฮบริด (Hybrid) ใช้ทั้งไฟจากโซลาร์  และการไฟฟ้า  และมีแบตเตอรี่กักเก็บไฟไว้ใช้กลางคืน  แต่ปัจจุบันแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพยังราคาสูง  ไม่คุ้มค่าแก่การติด

ดังนั้นปัจจุบันการติดโซลาร์จึงเหมาะกับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าเยอะในช่วงกลางวัน เพราะเป็นช่วงที่แผงโซลาร์เซลล์ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยจะแปรเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับเป็นไฟฟ้ากระแสตรงที่ใช้งานได้ทันทีและด้วยกระบวนการ Photovoltaic Effect กระแสไฟจะส่งไปยังอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับเพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องไฟฟ้าภายในบ้านได้หรือหากเหลือก็ยังสามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้อีกด้วย  โดยสามารถใช้ได้กับโครงการทุกประเภท ทั้งบ้านพักอาศัย ออฟฟิศ สำนักงาน ฯลฯ แต่การขายไฟคืนสามารถทำได้เฉพาะบ้านเท่านั้น

หัวใจสำคัญของระบบนี้คือ “แผงโซลาร์เซลล์” (Solar Panel) และ “อินเวอร์เตอร์” หรือ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟ ที่ต้องมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน  รวมไปถึงหากใช้วิธีการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะเสี่ยงรั่ว  และต้องดำเนินการขออนุญาตจากภาครัฐก่อนถึง 3 หน่วยงาน  คือ 1) ที่ทำการเขต หรือ อบต.  2)  การไฟฟ้าภาคนครหลาง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)  และ 3) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในส่วนนี้หากเจ้าของบ้านต้องดำเนินการเองจะค่อนข้างใช้เวลาและยุ่งยาก SCG Solar Roof Solutions จึงดำเนินการให้ครบวงจร  ให้ติดโซลาร์ได้ถูกต้องตามกฎหมาย

แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panel) ที่ใช้กับงานหลังคาส่วนใหญ่เป็นแผงเทคโนโลยี Crystalline ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1) Monocrystalline  เป็นเซลล์แบบผนึกเดียว  ที่ผลิตจากซิลิคอนบริสุทธิ์ (เกรดดีที่สุด)  ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
2) Polycrystalline เป็นเซลล์แบบผนึกรวม ที่ผลิตจากซิลิคอนทั่วไป  ประสิทธิภาพต่ำกว่าแบบผนึกเดียว

อุปกรณ์แปลงกระแสไฟ หรือ Inverter
Inverter ถือเป็นหัวใจของระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell)   ถ้าใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน  การทำงานไม่เสถียร  จะส่งผลต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น ทำให้ไฟกระชาก  ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเสียหาย นอกจากนี้ยังต้องเป็น Inverter ที่ได้รับการรับรองจาก MEA และ PEA อีกด้วย

นอกจากเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานแล้ว  วิธีการติดตั้งก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหลายคนคงกังวลว่าจะต้องรื้อหลังเดิมหรือไม่ หรือเมื่อติดตั้งแล้วจะส่งผลให้มีปัญหาหลังคารั่วในอนาคตมากน้อยแค่ไหน   โดยส่วนใหญ่แล้วบริการติดตั้งโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ของแบรนด์ทั่วๆ ไป มักจะเจาะกระเบื้องหลังคาเพื่อใช้อุปกรณ์ยึดแผงโซลาร์ (Solar) เข้ากับผืนหลังคาของบ้านหลังนั้นๆ  แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีการดังกล่าว  ส่งผลเสียทำให้หลังคาเสี่ยงรั่วเป็นอย่างมาก  แทนที่จะผลิตไฟฟ้าเพื่อลดค่าไฟได้อย่างสบายใจ  กลับกลายเป็นปัญหาหลังคารั่วให้เจ้าของบ้านปวดหัวมากกว่าเดิม

ดังนั้นการติดตั้งระบบหลังคาโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ที่แนะนำคือวิธีที่ไม่ต้องเจาะกระเบื้องหลังคา ซึ่งในขณะนี้มีกระเบื้อง Solar FIX ที่ได้สิทธิบัตรเฉพาะ SCG เท่านั้น  คือแผ่นหลังคาที่มาพร้อมอุปกรณ์ยึดติดสำหรับติดตั้งแผงโซลาร์โดยเฉพาะ โดยสามารถถอดกระเบื้องแผ่นเดิมออกแล้วนำไปแทนที่ได้เลย ทำให้ไม่ต้องเจาะกระเบื้องซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาหลังคารั่วในอนาคต ทั้งยังมั่นใจเรื่องความแข็งแรง คงทน

ประเด็นเรื่องวิธีการติดตั้งระบบหลังคาโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ที่ไม่ก่อให้เกิดการเสี่ยงรั่วแล้ว  ก่อนหน้าที่จะดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์ (Solar) ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ทาง SCG  ที่ปรึกษาด้านหลังคา ที่มีบริการ Roof Health Check เป็นการตรวจสภาพหลังคาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนติดตั้งโซลาร์ (Solar)  เช่น ความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคา, ปัญหารั่วเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้า  ซึ่งหากพบปัญหาจะแนะนำ รวมถึงมีบริการในการซ่อม-ปรับปรุงหลังคาให้อยู่ในสภาพดีก่อนที่จะติดตั้งโซลาร์ (Solar) อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้หลังคาอยู่คู่กับระบบโซลาร์ (Solar) ได้ตลอดอายุการใช้งาน  ซึ่ง SCG Solar Roof Solutions รับประกันตัวแผง และประสิทธิภาพการผลิตไฟยาวนานถึง 25 ปีและเป็นแผงโซลาร์ที่ได้รับ Tier 1 หรือดีที่สุดอีกด้วย

ครบวงจรเรื่องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ตั้งแต่วัสดุ อุปกรณ์ ไปจนถึงการให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบให้ลูกค้าได้อุ่นใจ และด้วยประสบการณ์ในวงการที่อยู่อาศัย ทำให้คุณวางใจและหายห่วงกับปัญหากวนใจไปได้เลย

สำหรับผู้อ่านท่านใดที่กำลังวางแผนติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://bit.ly/3nyJ1Y3 หรือติดต่อ SCG Home Experience , SCG Home Solution , SCG Roofing Center และ SCG Home บุญถาวร ทั่วประเทศ หรือสามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SCG HOME Contact Center 02-586-2222 หรือเปิดสำรวจหน้างานผ่านออนไลน์ได้ที่ SCGHome.com