Madmatter Studio แบรนด์แฟชั่น รักษ์โลก ที่เริ่มต้นคอนเซ็ปต์มาจากความชอบส่วนตัว สู่ความเป็นไปได้ที่ไม่หยุดยั้งในเรื่องความยั่งยืน พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อมแบบไม่ละทิ้งสไตล์
จากคอลเล็กชั่น Fall Winter 2022 ที่ Madmatter Studio ได้ปล่อยออกมาโดยต้องการให้เป็นคอลเล็กชั่น ที่จริงจังมากขึ้นซึ่งมีจุดเด่นคือเป็นการร่วมกันกับแบรนด์ Knit Circle เพื่อทดลองด้วยการนำวัสดุที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาให้เป็น full-line fashion แบบครบจบทั้งตัวในคอลเลคชั่นเดียว จนเกิดเป็นไอเท็มใหม่ ๆ อย่างเสื้อไหมพรม เสื้อโปโล และเสื้อยืดซึ่งเป็นไอเท็มที่สามารถใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาส แต่อะไรคือแก่นความคิดที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแบรนด์ครั้งนี้ จนได้มาถึงจุดสมดุลระหว่างธุรกิจแฟชั่น และความยั่งยืนใส่ใจสิ่งแวดล้อม รักษ์โลก ก่อเกิดเป็นผลงานที่ดีไซน์มาแล้วใช้ได้จริง นี่คือบทสัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลัง Madmatter Studio ผู้สนใจธุรกิจแฟชั่นดีไซน์บนความยั่งยืน
จุดสมดุลระหว่างธุรกิจกับความยั่งยืนในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อาจไม่เกินจริงนักหากจะกล่าวว่า แนวคิด หรือวิธีการคิดหลักในการออกแบบโปรดักต์เพื่อความยั่งยืน ของ Madmatter Studio คือการตั้งใจให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ โดยมีความโดดเด่นที่ไม่ซ้ำใคร และตั้งใจให้เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิดของการพัฒนาที่ไม่หลงลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งสุนทรียภาพของงานออกแบบ และมีความยั่งยืนตั้งแต่การเลือกวัสดุพร้อมกับวิธีการใช้งานไปพร้อมกัน “เราไม่ได้เพลิดเพลินกับการทำธุรกิจจนมากเกินไป เราอยากให้ผลงานบอกเล่าถึงความยั่งยืน ด้วยการเลือกวัสดุที่มีความยั่งยืนมาใช้” – Madmatter Studio
คำถามว่า จะพัฒนาธุรกิจอย่างไร เพื่อยังคงแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม นั่นคือการใช้วัสดุ Deadstock หรือผ้าที่เหลือจากโรงงานคือคำตอบ
ความเป็นไปได้จากวัสดุ
การเลือกคัดสรรวัสดุต้องคงซึ่งไว้แนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม เมื่อแบรนด์โตขึ้นการที่เลือกใช้แต่วัสดุเสื้อผ้ามือสอง จึงไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า จึงนำมาสู่คำถามว่า จะพัฒนาธุรกิจอย่างไร เพื่อยังคงแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม นั่นคือการใช้วัสดุ Deadstock หรือผ้าที่เหลือจากโรงงานคือคำตอบ เพราะวัสดุเหล่านี้ ไม่ได้ใช้กระบวนการผลิตใหม่ แต่เลือกใช้ของเหลือจากอุตสาหกรรมแฟชั่น นั่นหมายถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ลดลง รวมทั้งมีการเลือกใช้ Oganic Cotton มาเสริมวัสดุ Daedstock ในบางโปรดักต์ที่ต้องการผลิตจำนวนมาก เพื่อให้พอความต้องการของลูกค้า เพราะคำว่า “ดีต่อโลก” นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากความเป็นไปได้ที่หลากหลาย และ Madmatter Studio ก็ตั้งใจที่จะส่งต่อข้อความเหล่านี้ออกไปเช่นกัน
แฟชั่นและรักษ์โลกล้วนไปด้วยกันได้
“การสื่อสารเรื่องใส่ใจสิ่งแวดล้อมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ Madmatter Studio คือการสื่อสารกับลูกค้าอย่างจริงใจ และตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่สร้างความท้าทายให้แบรนด์ไม่น้อยเลย เพราะการเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีจุดเด่นอย่างการใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ทำให้ต้องมีการเสริมข้อมูลด้านวิชาการลงไปด้วย นับว่าเป็นเรื่องยาก การเป็นแบรนด์แฟชั่นนั้นทำให้ลูกค้ามองที่ตัวโปรดักต์ที่สวยงามมากกว่ากระบวนการผลิต เราจึงเน้นดีไซน์ที่ให้ผู้สวมใส่ใส่ออกมาแล้วดูดี ดูสวย และเบลนด์เรื่องใส่ใจสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ปรับการสื่อสารมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจแนวคิดแฟชั่นที่สวย มีคุณภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม จากนั้นเมื่อเขารักในผลิตภัณฑ์ของเราแล้ว ข้อความที่เราแฝงเรื่องใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งวัตถุดิบ หรือวิธีการ แนวคิดต่าง ๆ จะถูกสนใจตามมาเอง”
Madmatterในอนาคตอันใกล้
ในความเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน “จากจุดเริ่มต้นจนเข้าสู่ปีที่ 6 แบรนด์ Madmatter Studio มีคนรู้จักมากขึ้น เพราะการที่สื่อหรือเทรนด์ของโลกปัจจุบันหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์ของเราถูกเข้าใจมากขึ้น การที่เริ่มแนวคิดธุรกิจจากความยั่งยืน เราต้องให้ธุรกิจไปต่อได้ ไม่ตีกรอบจนเกินไป การทำธุรกิจแฟชั่นแม้ว่าเราจะใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ได้ถึง 100% แต่เราเบลนด์จากวัสดุสิ่งเล็ก ๆ ก็ถือว่าเราสร้างเทรนด์ และคอมมูนิตี้เรื่องความยั่งยืนให้ใหญ่ขึ้น มันคือการชาเลนจ์ทั้งธุรกิจแฟชั่น และความยั่งยืนที่ไม่ทิ้ง DNA ของ Madmatter”
จากความชอบ และสนใจการสะสมวัสดุ เสื้อผ้ามือสอง และกราฟฟิคดีไซน์ สู่ธุรกิจแฟชั่นของ Madmatter Studio ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ต้องมีการลองถูกลองผิด ทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา อนาคตเราเชื่อว่า Madmatter studio จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พัฒนาและเติบโต ไปพร้อมกับความยั่งยืน โดยไม่ทิ้งตัวตนของแบรนด์ และยังมีอะไรน่าสนุกให้เราติดตามกันอย่างแน่นอน
ติดต่อ: Madmatter Studio
ภาพ: Madmatter Studio
เรื่อง: Lily J.