29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา IKEA เปิดบ้านหลังใหม่ “IKEA Sukhumvit” ต้อนรับแขก สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์นับร้อยร่วมเยี่ยมชมโชว์รูม IKEA แห่งใหม่ ในศูนย์การค้า Emsphere ริมถนนสุขุมวิท
เพียง 500 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ IKEA Sukhumvit มาด้วยคอนเซ็ปต์ “City-Centre Store” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งตอบผู้ที่ใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมเกาะเส้นทางขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า แต่มากไปกว่าการเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในใจกลางมหานคร ที่นี่ยังมาพร้อมกับเรื่องราวและการออกแบบพื้นที่ใหม่ๆ ที่ทำให้ IKEA ขยับเข้าใกล้และเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนเมืองมากขึ้นอีกขั้น
ด้วยขนาดพื้นที่รวม 12,000 ตารางเมตร IKEA Sukhumvit ประกอบด้วยพื้นที่ให้บริการครบถ้วนไม่แพ้รุ่นพี่บางนาและบางใหญ่ โดยตัวโชว์รูมยังคงความน่าตื่นตาตื่นใจด้วยการจัดแสดงสินค้าเป็นทางเดินเรียงร้อยผ่านห้องต่างๆ ช่วยให้ผู้ชมเห็นภาพตามเอกลักษณ์ของ IKEA ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมด้วยพื้นที่บริการอื่นๆ เช่น Market Hall ที่วางเรียงสินค้ากว่า 3000 รายการแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ให้ซื้อหา และโซน Self-Serve วางเรียงสินค้ามากกว่า 300 รายการในโกดังเฉกเช่นเดียวกับ IKEA สาขาอื่น
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์หนึ่งของห้องโชว์รูมที่ทำให้ IKEA Sukhumvit แตกต่างจากที่อื่นในกรุงเทพฯ คือการออกแบบให้มีห้องที่เรียกว่า “It’s our home” หรือ “บ้านของเรา” ขนาดแตกต่างกัน เป็นโซนจัดแสดงการตกแต่งห้องขนาด 57 ตารางเมตร 35 ตารางเมตร และ 25 ตารางเมตรตามลำดับ ทั้งหมดถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยพื้นที่ใช้สอยครบทุกห้องเหมือนเป็นบ้านหลังหนึ่ง หรือก็คือให้ผู้ชมอนุมานว่าเป็นคอนโดมิเนียมห้องหนึ่งในขนาดต่างๆ ที่มีฟังก์ชันทุกอย่างครบถ้วนนั่นเอง
สำคัญกว่านั้น หนึ่งโซนที่มีในทุกสาขาแต่ถูกเน้นให้สำคัญมากขึ้นไปอีกใน IKEA Sukhumvit คือส่วน IKEA Restaurant โดยห้องอาหารในสาขาสุขุมวิทนี้รองรับแขกได้มากถึง 530 ที่นั่ง บนพื้นที่ 858 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่กล่าวได้ว่าดีที่สุดบนชั้น 3 ของอาคาร คือส่วนที่ติดบานกระจกผืนใหญ่ที่หันออกสู่สวนเบญจสิริบนที่ดินข้างเคียง อันได้ส่งทิวทัศน์ของพื้นที่สีเขียวใจกลางมหานครเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยภายในอย่างเต็มที่ มากไปกว่านั้น ห้องอาหารนี้ยังผ่านการออกแบบโดยสำนักงานออกแบบ JOPIA ทีมคู่หูดีไซเนอร์จากประเทศสวีเดน Pia Kriisin และ Johan Dalin ที่ทำงานร่วมกับ IKEA มานานหลายสิบปี สำหรับที่นี่ ทั้งคู่กล่าวว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้กลับมาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง และยังกล่าวว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งความหลากหลายของสีสัน อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
เหมือนที่ Johan ให้ความคิดเห็นต่องานออกแบบในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “งานออกแบบที่นี่รวดเร็ว และมาไวมาก อาจจะเร็วกว่าทุกๆ เมืองในยุโรป ซึ่งหมายถึงการเต็มไปด้วยความกล้าหาญในการออกแบบ
“ในสแกนดิเนวีย ทุกๆ อย่าง และทุกๆ คนเป็นระเบียบอย่างยิ่ง ตั้งแต่สิ่งของเล็กๆ ไปจนถึงเมือง มันก็ดูสมบูรณ์แบบดี แต่อาจจะดูน่าเบื่อก็ได้ในบางแง่มุม ในขณะที่กรุงเทพฯ นั่นโกลาหลมาก แต่มันก็อาจนำมาซึ่งความน่าสนใจในงานดีไซน์”
เช่นเดียวกัน Pia ก็ได้กล่าวถึงพลังงานของเมืองใหญ่ที่ก็ส่งผลต่อแนวคิดของงานออกแบบของพวกเขาว่า “ที่นี่เป็นเมืองที่พลุกพล่าน และมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงต้องการสร้างพื้นที่เพื่อให้ผู้คนอย่างน้อยได้พักหายใจ และได้มาผ่อนคลายพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม”
แนวคิดนี้จึงนำมาซึ่งการจัดการพื้นที่นั่งในห้องอาหาร โดยพื้นที่โถงซึ่งมีลักษณะยาวขนานไปกับผืนกระจกบานใหญ่ที่หันออกสู่สวน ได้ถูกจัดที่นั่งเป็นส่วนๆ ผสมผสานการนั่งหลากหลายรูปแบบที่ออกแบบตามความเร็วของการเคลื่อนไหวของผู้คน นักออกแบบชี้ให้เห็นว่า ที่ทางเข้าผู้มาเยือนจะถูกต้อนรับด้วยรูปแบบเก้าอี้และโต๊ะที่เน้นความคล่องตัว แบ่งเป็นโต๊ะตัวกลมพร้อมเก้าอี้ 4 ที่นั่งสำหรับกลุ่มเพื่อนกลุ่มเล็กๆ กับที่นั่งแบบ Hot seat ด้วยโต๊ะกับสตูลสูงริมขอบหน้าต่าง สำหรับผู้ที่ต้องการเพื่อเข้ามารับประทานอาหารมื้อสั้นๆ ก่อนไปทำงานต่อ ถัดเข้ามาหน่อยจึงจะเป็นโซนที่มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวใหญ่ขึ้น และถูกใช้คู่กับเก้าอี้ชวนเอนหลัง หรือไม่ก็เป็นม้านั่งตัวยาวที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับผู้มาเยือนที่อาจต้องการใช้เวลาในสถานที่นานขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยพื้นที่ด้านในสุดที่จะผสมไปด้วยโต๊ะที่ลดความสูงลงเป็นโต๊ะกาแฟ พร้อมเก้าอี้นั่งแบบคาเฟ่ ซึ่งเน้นความสบายและเอื้อให้ผู้คนใช้เวลาและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้นานขึ้นด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ทั้งคู่ก็กล่าวว่าต้องการออกแบบให้ร้านในภาพรวมดูโล่งสบายแบบแสกนดิเนเวียนดีไซน์ และก็ต้องการให้ดีไซน์นี้คงอยู่ได้นานและทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งนี้ ทั้งหมดได้ทำให้โซนห้องอาหารนี้มีบทบาทสำคัญใน IKEA แห่งใหม่ในใจกลางเมืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแตกต่างจากสาขาอื่นๆ ก่อนหน้า คือแม้ว่าผู้ที่เข้ามาจะไม่ต้องการเดินหาเฟอร์นิเจอร์ตัวใหม่ แต่ IKEA ก็ได้แปลงตัวเองเป็นสถานที่ที่จะยินดีเปิดรับผู้มาเยือนเสมอ ในฐานะพื้นที่ฝากท้อง และพื้นที่พักผ่อนระหว่างวันได้ ตั้งแต่อาหารมื้อแรกจนถึงมื้อสุดท้ายของวัน
แนวทางการผสานตัวเองเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ของผู้คนของ IKEA ยังไม่เพียงหยุดอยู่ที่การให้ความสำหรับกับอาหารและการเป็นพื้นที่หย่อนใจเท่านั้น แต่ในบรรดาสินค้าทั้งหลาย IKEA ก็ยังได้นำเสนอกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์หลายชิ้นควบคู่ไปกับของใช้ในบ้านที่มีอยู่เดิมด้วย
โดยมีคอลเลคชั่นใหม่หลักๆ ที่เปิดตัวพร้อม IKEA Sukhumvit ได้แก่ คอลเล็คชั่นพิเศษ AURTIENDE (ออเทียนเด) เป็นสินค้าหมวก กระเป๋า กระติกน้ำ ปลอกหมอน และเสื้อผ้า โดดเด่นด้วยสีสันจัดจ้านสะดุดตา เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่สาขาสุขุมวิทแห่งนี้ก่อนจะขยับไปเผยโฉมอีกทีที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
และอีกคอลเลคชั่นหนึ่งซึ่งพิเศษยิ่งกว่า คือคอลเลคชั่น SUKHUMVIT (สุขุมวิท) ที่จะมีขายเฉพาะที่ IKEA สาขาสุขุมวิทแห่งนี้เท่านั้น มาพร้อมสินค้าได้แก่ เสื้อยืด กระเป๋า ถุงเท้า เข็มกลัด และสายคล้องคอ โดยสีสันและลวดลายทั้งหมดออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Mess” อันเป็นแรงบันดาลใจมาจากบริบทและสภาพแวดล้อมของย่าน ไม่ว่าจะเป็นภาพของสายไฟพันกันที่ริมฟุตบาท หรือสีสันที่ฉูดฉาดของบรรยากาศทั่วไปบนท้องถนน ผลลัพธ์ของแรงบันดาลใจคือกราฟฟิกดีไซน์บนสินค้าหลากหลายในคอลเลคชั่น รวมถึงได้กลายเป็นการตกแต่งที่ปรากฏอยู่ทั่วพื้นที่ร้านค้าของ IKEA Sukhumvit แห่งนี้ด้วย
นอกจากนั้นแล้ว IKEA Sukhumvit ก็ยังสนับสนุนไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้นในแง่การบริการ เช่น มีบริการจัดส่ง One-day Delivery ด้วยตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องหิ้วสินค้ากลับบ้านเอง รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยี Self-service มากขึ้นในจุดต่างๆ เพื่อความรวดเร็วในการจับจ่าย
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้ IKEA Sukhumvit เป็นก้าวใหม่ที่น่าสนใจ เมื่อร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ต้องการขยับเข้าหาคนเมืองอย่างใกล้ชิดมากขึ้น นอกจากบรรดาเฟอร์นิเจอร์ที่มีลายเซ็นต์ชัดเจนแล้ว อาหารสวีดิช พื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ และสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลาย ก็เป็นอีกสิ่งที่ IKEA เชื้อเชิญให้ไปสัมผัส ง่ายๆ แค่นั่งรถไฟฟ้าไป
IKEA Sukhumvit ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า The Emsphere สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้
ภาพ: สิทธิศักดิ์ น้ำคำ, ภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์
เรื่อง: กรกฎา