Central Krabi ศูนย์การค้ายั่งยืน ที่เริ่มจากดูแลผึ้งและป่าชายเลน
REGENERATIVE COMMUNITY

Central Krabi ศูนย์การค้ายั่งยืน ที่เริ่มจากดูแลผึ้งและป่าชายเลน

“กระบี่” เมืองท่องเที่ยวริมฝั่งอันดามันที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติอันสวยงามครบทุกรูปแบบ ทั้งผืนป่าพรุ ป่าดิบชื้น ป่าชายเลน ท้องทะเล ไปจนถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่ จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน และในเร็ว ๆ นี้ ที่นี่ก็กำลังจะมีศูนย์การค้า Central Krabi เข้ามาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัด พร้อมแนวคิดที่จะชุบชูชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำกระบี่ก้าวสู่การเป็นต้นแบบเมืองยั่งยืนตามแนวคิด ‘Krabi Go Green’ ในอนาคตอย่างน่าจับตามอง

ยิ่งกว่ายั่งยืนคือการฟื้นฟูและชุบชูชุมชน

การเข้ามาของศูนย์การค้าใหญ่ครั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) มองไกลกว่าเพียงการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น แต่ Central Krabi จะมุ่งเน้นไปถึงแนวคิด ‘Regenerative Design’ หรือการออกแบบที่ไม่เพียงลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมลง แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวก หรือช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรอบด้วย 

Central Krabi

เช่น การสนับสนุนการทำงานของชุมชนนักอนุรักษ์ในกระบี่อย่าง ‘ชุมชนไหนหนัง’ ที่ดูแลเรื่องการเลี้ยงผึ้งท้องถิ่นอย่างผึ้งโพรงและผึ้งชันโรงที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ ไปจนถึงการออกไปปลูกหญ้าทะเลเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมชายฝั่ง  และทำธนาคารแหอวนแก้ปัญหาขยะแหพลาสติกไม่ใช้แล้ว ทั้งหมดนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระบี่ในฐานะเมืองท่องเที่ยวยั่งยืนให้ชัดเจนขึ้น

ความเชื่อมโยงของผึ้งทะเลและรายได้ชุมชน

‘ชุมชนไหนหนัง’ กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งท้องถิ่นในจังหวัดกระบี่ อย่างผึ้งโพรงและผึ้งชันโรงที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่พ.ศ. 2535 ซึ่งช่วงแรกมีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะคนในชุมชนเองยังไม่เข้าใจว่าป่าชายเลนมีความสำคัญต่อระบบนิเวศในวิถีการดำรงชีวิตและการพัฒนาแหล่งอาหารของผึ้งอย่างไร จนถึงเหตุการณ์สึนามิใหญ่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ทุกคนเห็นภาพชัดถึงความสำคัญของป่า ด้วยการเป็นปราการของคลื่นลูกยักษ์ ทำให้หลังจากนั้นชุมชนก็เข้าใจและมีความร่วมมือกันอนุรักษ์ป่ากันมากขึ้น

ชันโรง แมลงขนาดเล็กในตระกูลเดียวกับผึ้งไม่มีเหล็กใน โดยจะมีลักษณะรังที่แตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ โดยน้ำผึ้งจากชันโรงจะมีรสชาติเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแหล่งอาหารและคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป แต่ใช้เวลาในการผลิตน้ำผึ้งนาน จึงทำให้มีราคาสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไปด้วยเช่นกัน

คุณสุธีร์ ปานขวัญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง จ.กระบี่ มองบริบทของ ‘ป่าชายเลน’ แบบที่ไม่ต่างอะไรกับห้างสรรพสินค้าที่เราสามารถเดินเข้าไปชอปปิ้งแหล่งอาหารต่าง ๆ กลับมากินที่บ้านได้ ถ้าป่าไม่สมบูรณ์ สัตว์น้ำตัวเล็กวัยอ่อนก็ไม่สามารถที่จะมาวางไข่เพื่อขยายพันธุ์ คุณสุธีร์จึงเปรียบการดูแลทรัพยากรให้ยั่งยืนของที่นี่เป็นแบบ ‘บนลงล่าง’ ว่า

“บนลงล่างคือ เมื่อเราเลี้ยงผึ้ง สุดท้ายคนเลี้ยงก็จะกลายเป็นนักอนุรักษ์ไปในตัว เพราะเราต้องดูแลแหล่งอาหารในพื้นที่ป่าบกและป่าชายเลนให้สมบูรณ์ ไร้สารเคมี เพื่อให้ผึ้งสามารถเก็บน้ำผึ้งได้มาก ๆ เมื่อป่าด้านบนลดการใช้สารเคมีลง ก็จะลดผลกระทบที่มีต่อชายเลนและชายฝั่งด้านล่างด้วย สัตว์น้ำวัยอ่อนก็จะได้ผลกระทบลดลง คนที่ทำประมงเองก็ได้มีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ เมื่อป่าสมบูรณ์ ประโยชน์ก็จะกลับมาที่คนเลี้ยงผึ้งอีกต่อหนึ่ง การเลี้ยงผึ้งจึงตอบโจทย์การรักษาทรัพยากรได้เต็มรูปแบบ” 

คุณสุธีร์ ปานขวัญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง จ.กระบี่

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการดูแลผึ้งท้องถิ่นนี้ ไม่ได้หยุดอยู่ที่แง่มุมการอนุรักษ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชนไปพร้อมกัน โดยน้ำผึ้งของกลุ่มเลี้ยงผึ้งไหนหนังนั้นสามารถสร้างรายได้แก่ชุมชนกว่า 14-15 ล้านบาทต่อปี และมีการขยายกลุ่มผู้เลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย 

เพื่อขยายวงจรการอนุรักษ์ให้เติบโตและมีรายได้แก่ชุมชนที่ยั่งยืนขึ้น เซ็นทรัลได้เข้ามาสนับสนุนการปลูกดอกไม้และหญ้าทะเลเพิ่มความสมบูรณ์ด้านแหล่งอาหารให้กับผึ้งชันโรง อีกทั้งยังสนับสนุนการนำสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่ายในศูนย์การค้าในอนาคต 

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำผึ้งโพรงและน้ำผึ้งชันโรงในชุมชนไหนหนังในชื่อแบรนด์ ‘สองพนา’ ที่มาจากต้นตอของแหล่งอาหารของหมู่ผึ้งทั้งหลายจาก ‘สองป่า’ อันได้แก่ ป่าบนบก และป่าชายเลน 

โดยน้ำผึ้งจากชุมชนไหนหนังจะกลายไปเป็นวัตถุดิบหลักในเครื่องดื่มพิเศษที่ศูนย์อาหารและร้าน So!Coff ของ Central Krabi เพื่อสนับสนุนและต่อยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเพื่อดูแลทั้งระบบนิเวศทางสิ่งแวดล้อมพร้อมกับส่งเสริมกิจกรรมของชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อันหมายถึงการสร้างเสริมเศรษฐกิจให้กับชุมชนเติบโตไปพร้อมกัน ดั่งแนวคิด “การพัฒนาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่แปลว่าทำให้สิ่งที่มีอยู่เดิมแข็งแรงขึ้น” ของ Central Pattana

Central Krabi
 ซึ่งการเพิ่มปริมาณดอกไม้ ดอกบัว และการฟื้นฟูธรรมชาติโดยรอบเช่นนี้ ก็สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์การพัฒนาของจังหวัดกระบี่ ในฐานะการตั้งใจเป็นต้นแบบเมืองท่องเที่ยวยั่งยืน หรือ ‘Krabi Go Green’ ไปพร้อม ๆ กัน 
Central Krabi
เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้เข้ามาสนับสนุนทั้งการเพิ่มปริมาณดอกบัวและดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหารหลักของเหล่าผึ้งกว่า 15 สายพันธุ์ที่กลุ่มอนุรักษ์ผึ้งเลี้ยงไว้ และยังเข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูหญ้าทะเลในป่าชายเลน ซึ่งถูกคลื่นพัดเลนมากลบทำลายเมื่อครั้งสึนามิไปถึง 80%

คุณสุธีร์กล่าวว่า “สิ่งที่พวกเราทำอยู่ทุกวันนี้ เราทำเพื่อลูกหลาน ถ้าหากรุ่นเราไม่ดูแลทรัพยากรชายฝั่งต่าง ๆ คนรุ่นหลังจะกินอะไร การดูแลรักษาจึงเป็นหน้าที่ของพวกเรา รวมไปถึงสืบทอดหน้าที่เหล่านี้กับกลุ่มเด็ก ๆ รุ่นใหม่ต่อไป

“ศูนย์การค้าเซ็นทรัลกระบี่ที่กำลังจะเข้ามาก็เหมือนเป็นตัวชี้วัดว่าจังหวัดกระบี่ที่เดิมเรามุ่งพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนอยู่แล้ว ก็จะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวและนักลงทุน มั่นใจขึ้นได้อีกขั้น ว่ากระบี่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจไปอีกขั้นหนึ่งด้วย” 

แหอวนเก่าบังขอนำเข้าธนาคาร

นอกเหนือจากการสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อมในแง่การเลี้ยงผึ้งแล้ว ในชุมชนไหนหนังเอง ยังมี ‘ธนาคารแหอวน’ ที่ได้กลุ่มกรีนพาร์ทเนอร์ของเซ็นทรัลกระบี่อย่าง Nets Up เข้ามาส่งเสริมชุมชนในการจัดการซากแหอวนให้กลุ่มประมงพื้นบ้าน

Central Krabi
บังอุส – ภูวดล เล่ชาย ผู้ดูแลธนาคารแหอวน ชุมชนไหนหนัง จ.กระบี่

“บังภูมิใจ เดี๋ยวนี้ไปชายทะเลไม่มีขยะแหอวนแล้ว ชาวบ้านไม่เอาแหอวนไปเผาทิ้ง บางครั้งทีมงานเขาท้อ บังก็ให้กำลังใจว่าอย่าท้อ เพราะว่ามันเหนื่อยครับ แต่ก็ทำ เราทำด้วยใจ จนถึงวันนี้ที่เขาไม่เผาไม่ทิ้งซากอวนกันแล้ว บังภูมิใจมาก ปัญหามลพิษจากการเผาก็ลดลงไปด้วย” 

บังอุส – ภูวดล เล่ชาย ผู้ดูแลธนาคารแหอวน ชุมชนไหนหนัง จ.กระบี่ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ หลังจากชาวบ้านทำประมงจนแหอวนหมดประสิทธิภาพเป็นเวลาราว 6-8 เดือนก็ต้องทิ้งและเปลี่ยนไปใช้อวนใหม่ ทำให้มีซากแหอวนเก่าไร้ทางไปในพื้นที่จำนวนมาก ที่ผ่านมาการจัดการที่ง่ายที่สุดก็คือการนำไปเผาหรือไม่ก็ทิ้งลงทะเล สร้างมลพิษและขยะพลาสติกชายทะเลที่เที่ยวไปติดกับลูกสัตว์ทะเลภายหลัง แต่หลังจากที่มี ‘ธนาคารแหอวน’ รับซื้อขยะจากชุมชนแล้ว ก็ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นกิจกรรมที่สร้างมูลค่าและรายได้กลับมาให้คนในชุมชนได้อย่างภาคภูมิใจ

บังอุสยังเล่าต่อว่า ความตั้งใจของบังและทีมงานกลุ่มธนาคารแหอวน ยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มเลี้ยงผึ้ง และกลุ่มท่องเที่ยวในบ้านไหนหนัง ส่งผลดีถึงกันอย่างต่อเนื่องไปจนถึงชุมชนอื่น ๆ ที่เห็นกระบี่เป็นต้นแบบ และทำให้ต้องการเข้าร่วมกับการอนุรักษ์มากขึ้น เช่น ชุมชนแหลมศักดิ์ อ่าวลึก เครือข่ายอันดามัน ที่ขยายผลจนหลายชุมชนมีส่วนเข้ามาดูแลเรื่องเศษอวนร่วมกัน ข้ามไปถึงตรังและเครือข่ายอ่าวไทย จนครอบคลุมหลายจังหวัดในภาคใต้แล้วในปัจจุบัน

Central Krabi
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเม็ดพลาสติกที่มาจากซากอวนในโครงการ Nets up ร่วมกับแบรนด์พันธมิตรจาก Qualy และกระเป๋าที่อัปไซเคิลจากเศษอวนทะเลจากแบรนด์ท้องถิ่น Souvenirs from the sea
Central Krabi
ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน Central Krabi ที่รีไซเคิลจากซากอวนเก่า 100% อันเป็นโครงการต่อเนื่องกับธนาคารแหอวน

โดย Central Pattana ได้นำแหอวนจากทะเลมาต่อยอดมาเป็นวัสดุในชุดยูนิฟอร์มพนักงานที่ทำมาจากแหอวนรีไซเคิล 100 % และการผนึกพันธมิตรร้านค้าสีเขียว อาทิ Sabina, Hug Craft และ Good Goods ออกแบบเสื้อผ้าและสินค้าคอลเลกชันพิเศษเพื่อจัดจำหน่ายในศูนย์การค้า โดยรายได้ส่วนหนึ่งคืนกลับสู่ชุมชน เรายังได้ร่วมกับทาง KKF หรือ ขอนแก่นแหอวน ผู้ประกอบการไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตแหอวนอันดับ 1 ของโลก นำแหอวนที่เหลือจากการผลิตมาเป็นฟีเจอร์ภายในศูนย์การค้าเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่ความยั่งยืน

Central Krabi ต้นแบบศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของไทย

เป้าหมายสำคัญของ Central Krabi คือความตั้งใจจะเป็นต้นแบบศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศไทยที่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านของสิ่งแวดล้อม ชุมชน และเศรษฐกิจ โดยได้สร้างความร่วมมือครั้งใหญ่ในสังคมระหว่างชุมชน ภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในทุกด้าน รวมถึงสร้างผลดีทางเศรษฐกิจของพื้นที่กระบี่ เพื่อทำให้เห็นว่า ความยั่งยืนกับการทำธุรกิจนั้นสอดคล้องกันได้จริง 

คุณอุทัยวรรณ อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
ฝ่ายบริหารความเป็นเลิศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

ในมุมมองคุณอุทัยวรรณ อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารความเป็นเลิศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) การส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน มีความสำคัญที่ 3 แกนหลัก ที่เซ็นทรัลพัฒนามุ่งส่งเสริมในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสร้างพื้นที่ในการใช้ชีวิตของผู้คนที่ยั่งยืน ได้แก่

  1. เศรษฐกิจ ในฐานะพื้นที่ของศูนย์การค้า ต้องเปิดให้ผู้คนได้เข้ามาค้าขาย ทำธุรกิจ และสร้างให้คนในชุมชมเกิดอาชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
  2. สังคมและชุมชม เซ็นทรัลใส่ใจไปถึงการรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนต่าง ๆ ให้ยังคงอยู่ในแต่ละจังหวัดในศูนย์การค้าขยายไป เพราะเซ็นทรัลเชื่อว่า การพัฒนาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่คือทำให้อัตลักษณ์ของพื้นที่แข็งแรงขึ้น 
  3. สิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตของผู้คนที่มีการใช้ทรัพยากรอยู่ตลอด การดูแลสิ่งแวดล้อมจึงเป็นโจทย์สำคัญ โดยต้องให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน หรือทางกลับกันต้องสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สิ่งแวดล้อมไปในตัวได้
Central Krabi

ที่โครงการนี้มีการผสมผสานความเป็นท้องถิ่นเข้ามาในโครงการด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ตัวมาสคอตจากปูดำ หรือเรือหัวโทง เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาการใช้ชีวิตเฉพาะถิ่นของคนกระบี่ 

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ค้าขายสินค้าให้คนในท้องถิ่น ที่จัดในรูปแบบกระจายตัวคล้ายกับหมู่เกาะ และตั้งชื่อแต่ละพื้นที่ให้มีกลิ่นอายชายทะเลกระบี่ เช่น Krabi Bay, Andaman Market, Fisherman Village ไปจนถึงการนำวัสดุรีไซเคิลต่างๆ มาทำเป็นองค์ประกอบตกแต่งในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น บรรดาแหอวนทั้งหลาย รวมถึงเทอราซโซจากเศษขวดแก้วต่างๆ อีกด้วย 

คุณอุทัยวรรณ ยังกล่าวต่อว่า องค์ประกอบทั้งหมดนี้ เป็นการผสมผสานวัฒธรรมท้องถิ่น ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เข้ากับการทำธุรกิจ โดยมีความตั้งใจใหญ่ที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ ภาคส่วนให้เห็นว่า การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนนั้นสามารถทำได้จริงในเชิงธุรกิจ และผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนพื้นที่นั้นจะได้สัมผัสความยั่งยืนรอบ ๆ ตัวทุกขณะ แม้ไม่รู้ตัวแต่มีอยู่จริง ดังที่เธอปิดท้ายว่า

“การที่ทำโครงการและพัฒนาความยั่งยืนจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ความภูมิใจของโครงการ Central Krabi ครั้งนี้เลยเป็นการร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างภาครัฐ เทศบาล ชุมชน และเอกชน ที่มาร่วมกันสร้างต้นแบบความยั่งยืนและดึงทุกภาคส่วนเข้ามาเติบโต สร้างอนาคตและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีไปด้วยกันได้จริงตามวิสัยทัศน์ Imagining Better Futures For All ของพวกเรา” 

Central Krabi

โดยนอกจากการสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนแล้ว สิ่งที่น่าติดตามต่อคือ  ‘ดีไซน์’ ที่จะสะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองยั่งยืนอย่าง ‘กระบี่’ ว่า Central Krabi จะออกมาวาดลวดลายผ่านสถาปัตกรรมและ Landscape โดยรอบได้อย่างไร โปรดติดตามเส้นทางการออกแบบศูนย์การค้าแห่งความยั่งยืนด้วยแนวคิด Regenerative Design ได้ที่ room Books เร็ว ๆ นี้