ลายในโลกมีเยอะมากมายจนลายตา แบบที่เป็นเส้น ๆ แบบที่เป็นขด ๆ แบบที่เป็นตาราง เยอะแยะไปหมด จนอธิบายกันไปมา บ้างก็เรียกผิดเรียกถูก room FOCUS จึงอยากชวนมารู้จักชื่อและเรื่องราวของ 15 ลาย ที่เราพบเจอได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็น Pattern ที่มองไปทางไหนก็อาจจะเจอสักลายสองลายได้เสมอ
แล้วลายที่เราเห็นนั้น เรียกว่าลายอะไร ตาม room มาดูกัน !

Argyle (อาร์ไกล์) ลายข้าวหลามตัด ที่มีลักษณะเป็นรูปเพชรหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนซ้อนกัน มักมีเส้นตารางทับขัดกันอยู่ในแต่ละช่อง
ลายนี้มีต้นกำเนิดแถบอาร์ไกล์ (Argyll) ในไฮแลนด์ ภูมิภาคที่ราบสูงของสกอตแลนด์ นิยมนำไปทำเป็นเสื้อผ้าถัก เช่น เสื้อสเวตเตอร์ เสื้อกั๊ก หรือถุงเท้า

Polka Dot (พอลก้า ดอท) ลายจุดวงกลม ที่มักมีขนาดและระยะห่างเท่า ๆ กัน ซึ่งมาจากผลพวงตั้งแต่ยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมและกลายเป็นแฟชั่นคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
และยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการรังสรรค์ผลงานลายจุดของ “ยาโยอิ คุซามะ” ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดังในนาม ‘คุณป้าลายจุด’ โดยคำว่า “Polka Dot” มาจากการเต้นรำที่ได้รับความนิยมในยุโรปช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19

Gingham (กิงแฮม) ลายตารางที่พาหลายคนสับสนกับลายหมากรุก (Check Pattern) หรือบางคนอาจจะเรียกรวม ๆ กันว่าลายสก๊อตลายผ้าขาวม้า
โดยลักษณะที่เหมือนกันระหว่างกิงแฮมกับหมากรุก คือการเป็นตารางสี่เหลี่ยมเท่า ๆ กันเรียงสลับสี แต่หมากรุกจะมีสีที่เท่า ๆ กัน เพียง 2 สี ส่วนกิงแฮมนั้นจะมีช่องสีกลาง ที่เกิดการผสมกันระหว่างสีของด้ายทั้งสองจากกระบวนการทอ

Plaid (แพลด) ลายสก๊อต มีลักษณะเป็นตารางหลายสี คล้ายกับลาย Tartan (ทาร์ทัน) ที่มีเส้นขนาดต่าง ๆ พาดกันเป็นตาราง โดย Plaid มักใช้เรียกในอเมริกาเหนือและวงการแฟชั่น เพราะเป็นลายที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Burberry

Tartan (ทาร์ทัน) ลายสก๊อต หรือลายเส้น แถบสีที่มักความซับซ้อนของสีและลวดลาย ทอไขว้กันทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ความแตกต่างระหว่างลาย Plaid คือความซับซ้อนของลายและสี ที่จะใช้สีทอไม่เกิน 3 สี ส่วน Tartan จะใช้สีในการทอตั้งแต่ 3 สี ขึ้นไป โดย Tartan มีต้นกำเนิดจากเครื่องแบบของชาวสกอตแลนด์แต่ละลายเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลต่าง ๆ

Windowpane (วินโดวเพน) ลายตารางที่เกิดจากเส้นตรงตัดกันเป็นช่องสี่เหลี่ยมเหมือนบานหน้าต่าง ลักษณะเด่น คือมีเส้นขอบชัดเจน

Houndstooth (ฮาวส์ทูธ) ลายเขี้ยวสุนัข อีกหนึ่งลายตารางเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เป็นแฉกคล้ายฟันเขี้ยวของสุนัข แต่เดิม Pattern นี้มักใช้ถักทอบนเสื้อคลุมของกลุ่มคนพื้นเมืองในสกอตแลนด์ ต่อมาได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูง และพัฒนามาสู่วงการแฟชั่นจนกลายเป็นอีกลายคลาสสิกตลอดกาลที่ยังพบเห็นบ่อย ๆ ในปัจจุบัน

Chevron (เชฟรอน) ลายที่มีลักษณะเป็นรูปตัว “V” ซ้อนกันเป็นซิกแซก หรือ สัญลักษณ์รูปตัว V กลับหัว มักพบเห็นบนลายผ้าหรือการออกแบบพื้นไม้ปาร์เกต์ที่ตัดเฉียงมุม 45 องศา เพื่อต่อกันให้เกิดเป็นลวดลายรูปตัว V ที่ต่อเนื่องและสวยงาม

Herringbone (แฮริ่งโบน) ลายก้างปลา ลายที่มีลายเส้นทแยงสลับกันเป็นรูปตัว “V” คล้ายกระดูกปลาแฮริ่ง นิยมใช้ทั้งในงานตกแต่งภายใน เช่น การปูพื้นไม้ หรือการทอผ้าบนเสื้อโค้ท และเสื้อแจ็คเก็ต โดยจะมีความแตกต่างกับลายเชฟรอนตรงที่การเชื่อมต่อกันของลายต่อจะซ้อนกันสลับฟันปลาไม่ต่อเนื่องเป็นเส้นเดียวกัน

Ikat (อิกัต) ลายมัดหมี่ หรือ ลายอิกัต ในภาษาอินโดนีเซีย – มลายู เป็นลายที่มีชื่อเรียกจากกระบวนการทำลวดลายด้วยการนำการมัดเส้นด้ายที่จะนำเส้นด้ายมัดให้เป็นเปลาะ ๆ ตามลวดลายที่กำหนดก่อนนำไปทอเป็นผืนผ้า

Toile De Jouy (ตวล เดอ ฌูย์) ลายพิมพ์สีเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะของลายเส้นจิตกรรมฝรั่งเศสในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งลายต่าง ๆ มักเป็นภาพธรรมชาติและสัตว์ตามชนบทที่สวยงาม หรือฉากที่บอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์
ปัจจุบันลายนี้ยังคงนำมาประยุกต์ใช้ในวงการแฟชั่นและของตกแต่งบ้านอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นลายผ้า ทำกระเป๋าของแบรนด์ลักชัวรี่ ไปจนถึงลายวอลล์เปเปอร์และผ้าม่าน ที่ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์ฝรั่งเศส

Quatrefoil ควอเตอร์ฟอยล์ ลวดลายทางเรขาคณิต ที่ซ้อนกันจนมีลักษณะคล้ายลายดอกจิกสี่แฉก ลายนี้มีที่มาจากใบโคลเวอร์ 4 กลีบ ที่้สื่อถึงความโชคดี
นิยมใช้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นลายผ้า เครื่องใช้ เครื่องประดับ ไปถึงการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมและการออกแบบกราฟิก

Greek Key (กรีก คีย์) หรือ Meander (มิแอนเดอะ) ลายเส้นที่นิยมใช้ตกแต่งในศิลปะกรีกโบราณไปจนถึงอีกหลากหลยวัฒนธรรม เช่น โรมัน รวมถึงจีน มีลักษณะลายเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสม้วนคดเคี้ยว มักจะซ้ำๆ ต่อกันโดยไม่ขาดตอน
ลวดลายนี้ยังถูกหยิบมาใช้ในการออกแบบอยู่บ่อยครั้ง ด้วยอิทธิผลของวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ และเรื่องราวที่ยาวนาน

Moorish (มัวร์ริช) ลวดลายเรขาคณิตรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดจากการซ้อนกันของเรขาคณิตขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็น Pattern ที่พบเห็นได้ตามสถาปัตยกรรมของกลุ่มมุสลิมยุโรปตะวันตกที่เรียกว่า “ชาวมัวร์” (Moors) ในช่วงยุคกลางซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวโมร็อกโกในปัจจุบัน
เรียกได้ว่านี่เป็นลวดลายที่เกิดจากศิลปะอิสลาม แสดงความโดดเด่นในด้านของความรู้เรื่องสถาปัตยกรรม ความก้าวหน้าทางด้านฟิสิกส์และวิศวกรรม ไปพร้อมกับแสดงสัญญะที่สื่อถึงความศรัทธาต่อศาสดาผ่านลวดลายต่าง ๆ

Paisley (เพสลีย์) ลายลูกน้ำ หรือ ลายหยดน้ำ มีที่มาจากลักษณะเหมือนหยดน้ำ Pattern นี้พัฒนามาจากลวดลายผ้าทอเก่าแก่ในแถบแคชเมียร์และเปอร์เซียที่เรียกว่า Boteh แปลว่า “ช่อดอกไม้” หรือ “กอใบไม้” และยังเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความเป็นนิรันดร์ตามความเชื่อของนิกายโซโรแอสเตอร์
ลวดลายเหล่านี้มักใช้บนผืนผ้า พรม ผ้าคลุมไหล่ ที่มีลวดลายสวยงาม แปลกตา จนได้รับความนิยมสูงในหมู่ชาวยุโรป และเริ่มตกลงหลังลายผ้าทอนี้ได้ถูกนำเข้าอุตสหากรรมการทอและพิมพ์ลายที่ถูกและผลิตจำนวนมาก ๆ ได้ง่าย
สุดท้ายลายลูกน้ำได้กลับมาเฟื่องฟูตลอดกาลอีกครั้งหลังยุค 60’s เมื่อกลุ่มศิลปินระดับโลกอย่าง The Beatles นำผ้าลายนี้มาประดับตกแต่งรถและการแต่งกาย สร้างเทรนด์แฟชั่นที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งลากยาวมาถึงปัจจุบัน