HOME WORK STUDIO เปลี่ยนพื้นที่โรงจอดรถและห้องพักชั้น 1 ของตึกแถวย่านจงเจิงให้กลายเป็นสตูดิโอทำงานและมิวเซียมของเก่ากลิ่นอายรัสติก สะกดสายตาตั้งแต่แรกเห็น
ถึงไต้หวันจะเป็นประเทศบนเกาะเล็ก ๆ ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดไฮเทค แต่คนที่นี่กลับเลิฟความเก่า เห็นได้จากตึกอายุร่วมร้อยปีที่ยังคงสภาพดีอยู่ในทุกตรอกซอกซอยของเมือง ให้หนุ่มสาวไต้หวันรุ่นใหม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมและซึมซับรากวัฒนธรรมกันเพลิน ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่ว่าจะเป็น HUASHAN 1914 Creative Park พื้นที่สร้างสรรค์และย่านอาร์ติสต์ที่นำโรงงานไวน์เก่ามาจัดสรรเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ งานศิลปะ ร้านค้า และคาเฟ่ดีไซน์เก๋ หรือ A.S. Watson & CO ตึกโคโลเนียลอายุร่วมร้อยปีหัวมุมถนนประวัติศาสตร์อย่าง Dihua Street ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นบริษัทและร้านขายยาแบบตะวันตกแห่งแรกของไต้หวัน ภายในได้รับการแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลาย ๆ โซน เช่น 1920s Bookstore ร้านหนังสือที่เข้มข้นด้วยเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ ร้านยาสมุนไพร ร้านชา ไปรษณีย์ ฯลฯ โดยทั้งหมดยังคงความงามดั้งเดิมของตึกไว้อย่างครบถ้วน HOME WORK STUDIO
ไม่ใช่แค่ตึกและอาคารเก่าเท่านั้นที่พวกเขารัก ถ้ามองให้ลึกลงไปในรายละเอียดเล็ก ๆ เราพบว่า คนที่นี่ยังชื่นชอบของเก่าสไตล์แอนทีคที่มีเรื่องราว แถมยังเปิดกว้างให้กับดีไซน์ต่างชาติต่างวัฒนธรรมอีกด้วย ยืนยันได้จาก 4 ร้านแอนทีคที่ยังไม่เคยมีคนไทยแวะไปเยือนเพราะพวกเขาตั้งใจทำสิ่งที่รักอย่างเงียบเชียบ ด้วยความเชื่อว่า คนที่รักของเก่าอย่างจริงใจจะพาตัวเองมาเจอพวกเขาเข้าสักวัน เราจึงขอพาทุกคนไปสัมผัสกับเสน่ห์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในไทเปอย่างเงียบ ๆ
เริ่มกันที่แรก HOME WORK STUDIO นอกจากห้องสี่เหลี่ยมขนาดอบอุ่นในย่านพักอาศัยอย่างจงเจิง (Zhongzheng) จะเป็นสตูดิโอทำงานออกแบบของมาร์โก อินทีเรียร์ดีไซเนอร์หนุ่มไต้หวันผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบ Xiang Se ร้านอาหารสุดรัสติกที่หยิบจับงานแอนทีคมาผสมผสานได้อย่างลงตัวแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นมิวเซียมเล็ก ๆ ที่รวบรวมของแอนทีคที่เขาสะสมไว้เป็นเวลาหลายสิบปี
ด้วยความหลงรักเรื่องราว ความละเอียดอ่อนและคุณภาพของงานดีไซน์ย้อนยุค มาร์โกเริ่มสะสมของเก่าจากชิ้นที่มีขนาดกะทัดรัด สภาพดีหรือสามารถซ่อมแซมใหม่ได้ ทั้งจากญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส เบลเยียมbและอเมริกา อย่างแว่นตา นาฬิกา กล้องฟิล์ม กระเป๋าเดินทาง เครื่องเล่นเกมกด และเครื่องเพลย์สเตชั่น ก่อนขยับมาสู่ของชิ้นใหญ่ เช่น โคมไฟเครื่องเสียง โทรทัศน์สมัยสงครามโลก โซฟา ฯลฯ เรียกได้ว่านอกจากตอบสนองความชอบส่วนตัวแล้ว ยังเป็นการเอาใจลูกค้าที่รักการแต่งบ้านสไตล์แอนทีคคนอื่น ๆ จนกลายเป็นจุดเด่นของร้านไปโดยปริยาย
แต่กว่าจะออกมาเป็นร้านที่มีสไตล์ชัดเจนขนาดนี้ มาร์โกเล่าว่า เขาได้แปลงโฉมห้องแถวธรรมดา ๆ ให้มีกลิ่นอายเก่า ๆ เหมือนนัดกันมากับข้าวของที่เขาสะสมไว้ โดยแบ่งพื้นที่ร้านออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ โซนกึ่งเอ๊าต์ดอร์ด้านหน้าที่ถือเป็นพื้นที่ไฮไลต์ไว้ดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมา มีไว้สำหรับโชว์ของสะสมชิ้นใหญ่ และเป็นสตูดิโอถ่ายรูปโปรดักต์ขนาดมินิจึงไม่แปลกหากบางวันคนที่เดินผ่านมาจะเห็นหนุ่มไต้หวันลุคเซอร์ ๆ คนนี้กำลังง่วนกับการจัดวางข้าวของอย่างสนุก ส่วนโซนอินดอร์ด้านในเป็นพื้นที่สำหรับทำงานออกแบบ สเก็ตช์งานให้ลูกค้า และทำโปรดักต์ดีไซน์ภายใต้แบรนด์ Home Work ท่ามกลางข้าวของย้อนยุคราวช่วง ค.ศ. 1920 – 1980ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง นำมาจัดวางราวกับเป็นมิวเซียมย่อม ๆ ถ้าลูกค้าชมแล้วถูกใจชิ้นไหนสามารถสอบถามแล้วซื้อกลับไปประดับบ้านได้เลย
“ในวันที่เก้าอี้สามารถปั๊มออกจากโรงงานได้ครั้งละหลายตัว ก็ไม่มีใครเสียดายที่จะทิ้ง ต่างจากของแอนทีคซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความสวยงามประณีต คุณภาพดี และมีเส้นทางการผลิตที่ไม่ง่าย ทำให้เกิดคุณค่า ที่ใครหลายคนอยากเก็บ อยากรักษา และทำให้ผมอยากนำข้าวของพวกนี้ กลับมาใช้อีกครั้งในชีวิตประจำวัน”
1 ร่มกันฝนด้ามจับไม้ไผ่จาก ญี่ปุ่น เป็นของผลิตใหม่โดยอิงดีไซน์เก่า
2 โคมไฟเพดานทรงแปลกตาเข้ากันดีกับหลอดไส้ ดีไซน์ยุค 50 จากเยอรมนี
3 แว่นกันแดดทรงกลมสุดเก๋าอารมณ์ติสต์ ยุค 20 จากฝรั่งเศส
4 เก้าอี้สนาม สำหรับพกพา ขาไม้ เบาะหนังทำมือ แบรนด์ Home Work
5 กระเป๋าจิตรกร หนังแท้ยุค 20 จากอังกฤษ
6 โคมไฟตั้งพื้นโครงสวยปรับองศาได้ ดีไซน์ยุค 50 จากอเมริกา
FB : https://web.facebook.com/homework172
เรื่อง polarpoid ภาพ ศุภกร ศรีสกุล
ในวันพรุ่งนี้ เรายังคงพาชาว room เดินทางไปใต้หวันด้วยกันอย่างต่อเนื่อง เตรียมพบกับ RUSTIC JOURNEY 02 – TRUFFLES LIVING จะเก๋ คูล สู้ที่นี่ได้หรือเปล่า ต้องลองติดตามดูค่ะ