SEAVIEW PENTHOUSE

แต่งคอนโด ‘เพ้นต์เฮ้าส์’ ให้รู้สึกรีแล็กซ์ และสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ผ่านกระจกเงาสีดำ

กระแสของอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่คอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ก็มียอดขายคอนโดมิเนียมไม่แพ้ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองชายทะเลอย่างหัวหิน ซึ่งมีศักยภาพดึงดูดผู้ซื้อสูง ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่าง “เพ้นต์เฮ้าส์ริมทะเล” ห้องนี้

ภาพนี้เด่นชัดมากขึ้นระหว่างที่เราอยู่บนชั้นที่ 8 ของเพ้นต์เฮ้าส์สำหรับตากอากาศขนาด 350 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่ดี คุณจึงสามารถฟังเสียงคลื่น มองเห็นท้องฟ้าสีคราม และวิวทะเลที่กลืนหายไปกับเส้นขอบฟ้าได้ตลอดทั้งวัน แถมยังติดกับโรงแรมซึ่งมีแลนด์สเคปที่สวยงาม เพ้นต์เฮ้าส์ห้องนี้ใช้เวลาออกแบบราว 2 เดือน และก่อสร้างทั้งหมดอีก 1 ปี แตกต่างจากบ้านติดทะเลหลังอื่นตรงที่เจ้าของต้องการให้ “รู้สึกรีแล็กซ์ แต่ไม่อยากให้ดูเป็นทะเล” สถาปนิกอย่างคุณอยุทธ์ มหาโสม ที่เคยออกแบบบ้านให้เจ้าของมาแล้ว จึงต้องหันมาตีโจทย์ใหม่แบบไม่ให้ซ้ำกับเพ้นต์เฮ้าส์อีกหลังที่กรุงเทพฯ

หากมองจากแปลนจะเห็นชัดว่า เพ้นต์เฮ้าส์ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีการวางตำแน่งจุดนำสายตาอย่างสวนสไตล์เซนไว้สุดปลายทางเดิน และจัดวางฟังก์ชันตามความสำคัญก่อนหลัง โดยวางตำแหน่งห้องแม่บ้านและห้องครัวเป็นส่วนแรกทันทีที่เปิดเข้ามาในห้อง ตามด้วยห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหาร จากนั้นจึงเป็นส่วนของห้องนอนเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นห้องที่สามารถรับวิวสวยๆ จากทะเลได้เต็มที่

ส่วนการตกแต่งภายในต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเป็นคอนโดมิเนียมแนวราบ (Low Rise) ที่มีความสูงเพียง 8 ชั้น ทำให้เกิดข้อจำกัดต่างๆ เช่น ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานไม่สูงเหมือนคอนโดประเภทอื่น อีกทั้งยังติดเรื่องตำแหน่งที่ตั้งห้องน้ำที่ไม่สามารถย้ายได้ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่สถาปนิกก็สามารถนำเทคนิคด้านงานดีไซน์มาช่วยให้จุดด้อยกลายเป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก อย่างการติดกระจกเงาสีดำไว้เหนือส่วนรับประทานอาหาร เพื่อหลอกตาให้รู้สึกว่าห้องดูโปร่งโล่งขึ้น และการนำหินที่มีลวดลายสื่อถึงเกลียวคลื่นในทะเลมาติดที่เสาโครงสร้างหลัก ดูเป็นงานศิลปะมากกว่าโชว์เสาคอนกรีตทื่อๆ ไว้กลางห้อง

สำหรับการเลือกใช้โทนสี สถาปนิกได้เลือกสีโทนขรึมเข้ม อย่างดำ เทา และฟ้ามาเป็นธีมหลัก เนื่องจากต้องการให้บรรยากาศที่ออกมาแตกต่างจากเพ้นต์เฮ้าส์หลังเดิมที่เน้นสีขาว และเจ้าของบ้านยังขอให้เลือกใช้สีโทนฟ้าและสีโทนขรึม เพื่อขับเน้นให้งานศิลปะซึ่งเป็นของสะสม รวมถึงผนังตกแต่งส่วนต่างๆ ดูเด่นขึ้น ทั้งยังนำไลติ้งเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศอีกทาง ซึ่งทั้งหมดถือเป็นหน้าที่ของสถาปนิกที่ต้องคิดเผื่อและวางแผนออกแบบพื้นที่ล่วงหน้า เพื่อให้เจ้าของบ้านผู้ชื่นชอบเก็บสะสมงานศิลปะขนาดใหญ่สามารถขนย้ายและนำผลงานมาติดตั้งไว้ในมุมที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการและตัวตนของเจ้าของบ้านมากที่สุด

เมื่อมองภาพรวมของเพ้นต์เฮ้าส์แล้ว แม้จะออกมาแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งมักจะดึงกลิ่นอายทะเลเข้ามาเป็นคอนเส็ปต์ในการออกแบบ แต่ถึงอย่างนั้น สถาปนิกก็ไม่ทิ้งความสำคัญของวิวทะเล และยังออกแบบให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ผ่านกระจกเงาสีดำที่นำมาติดไว้ตามมุมอับของแต่ละห้อง ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำ เพื่อดึงวิวทะเลเข้ามาช่วยสร้างบรรยากาศสุดผ่อนคลาย

อย่าให้ความเรียบนิ่งของเพ้นต์เฮ้าส์ห้องนี้หลอกคุณได้ว่า “ง่าย” เพราะกว่าจะออกมาดูลงตัวทั้งฟังก์ชันและความสวยงามนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น ต้องอาศัยความใส่ใจในเรื่องต่างๆ อย่างดี ทั้งเรื่องการวางฟังก์ชันให้ตรงตามรสนิยมของเจ้าของบ้าน อีกทั้งยังต้อง “คิดเผื่อ” ไปจนถึงเรื่องการดูแลรักษาในระยะยาว เพื่อให้ห้องที่เหมือนมีทะเลเข้ามารวมอยู่ด้วยนี้ ชวนผ่อนคลายสมกับการเป็นเพ้นต์เฮ้าส์สำหรับตากอากาศอย่างแท้จริง