TREND 2017 แนวโน้มการออกแบบในปีนี้ เมื่อเทียบกับ ปีที่แล้ว เรามองว่าคงไม่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เสียทีเดียว เพราะแม้กระแสโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่ถึงกับพลิกสลับขั้วแบบฮือฮา หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคยังพอสรุป ได้เป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ อย่างการเปิดกว้างและ ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล การหลอมรวม ของเชื้อชาติและวัฒนธรรม การโหยหาธรรมชาติ และที่มองข้ามไม่ได้คือเรื่องราวของ “เทคโนโลยี”ซึ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มากขึ้นทุกวัน เทรนด์นี้จึงเป็นสิ่งที่ room ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และขอสรุปแนวโน้มงานดีไซน์ปี 2017 ที่ “คาด” ว่า จะเกิดขึ้นจากอิทธิพลของ “โลกดิจิทัล” ในแบบกระชับ เจาะเฉพาะประเด็นที่น่าจับตาและใกล้เคียงกับไลฟ์- สไตล์ชาว room มาฝากกัน
01
ATTITUDE / LIFESTYLE – ทัศนคติ / รูปแบบการใช้ชีวิต
เราอยู่ในยุคที่ท่วมท้นไปด้วยเทคโนโลยีมาเกือบทศวรรษ หากนับจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ย่อม ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแต่ในเชิงเทคโนโลยีอย่างเดียว หาก แต่เป็นการประยุกต์ใช้เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของผู้คนมากขึ้น โดยในปี 2017 นี้คาดการณ์ว่า บรรดา เทคโนโลยีที่มีแนวคิดแบบ Internet of Things หรือระบบสมองกลต่าง ๆ จะได้รับการคิดค้นให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ ค่อย ๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตเราทีละน้อย ในขณะเดียวกันยังมีอีก หนึ่งแนวโน้มที่กำลังมาแรงนั่นคือ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality หรือ VR) และ เทคโนโลยีการผสมผสานโลกจริงเข้ากับโลกเสมือน (Augmented Realityหรือ AR) ที่ได้รับการพัฒนาจนมาถึงจุดที่ทุกคนเข้าถึงได้
Ericsson ConsumerLab ประเมินว่าเทคโนโลยี VR จะบูมมากในปี 2017 และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ยุคใหม่ภายในสามปีข้างหน้า เห็นได้จากพฤติกรรมการรับ ข่าวสารของผู้คน จากที่เคยรับคอนเทนต์ในรูปของข้อความ เป็นหลัก ตอนนี้เรามักเลือกรับข้อมูลในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น โดยเฉพาะวิ ดี โอจากเทคโนโลยี AR ซึ่ งไม่ ได้ เป็ นแค่ แก็ดเจ็ต เพื่อการเล่นเกมหรือความบันเทิงแบบ Pokemon GO เพียงอย่างเดียว แต่ยังขยายขอบเขตไปสู่ที่อยู่อาศัยและ การออกแบบบ้าน เชื่อมต่อคุณได้ตลอดเวลาผ่านเครือข่าย รูปแบบต่าง ๆ และเพื่อให้ VR และ AR มีการใช้งานเต็ม ประสิทธิภาพ แปลว่าเราต้องมุ่งหน้าสู่ความเร็วสปีด 5G เพื่อให้ทุกอย่างฉับไวไร้ดีเลย์
ในขณะเดียวกันแม้ผู้คนจะดำดิ่งไปในกระแสเทคโนโลยี แต่บางครั้งพวกเขาก็ต้องการ Digital Detox พักตัวเอง ถอยห่างจากโลกดิจิทัล แล้วหันมาใส่ใจสุขภาพร่างกาย และจิตใจมากขึ้น TCDC จึงนำเสนอแนวโน้มหนึ่งที่อยู่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Reality Blur” (ขอบเขตโลกจริงและ โลกเสมือนที่ค่อย ๆ เชื่อมต่อกันอย่างไร้เส้นแบ่ง) ส่งผลให้ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจและการผ่อนคลายได้รับ ความนิยมและเติบโตอย่างมากในตลาดเทคโนโลยี ไม่ว่า จะเป็นอุปกรณ์ Wearable ที่เพียงสวมใส่ก็สามารถบันทึกการ ทำงานของระบบต่าง ๆ และตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้น ผลิตภัณฑ์และบริการประเภทสุขภาพและสปา งานออกแบบ ภายในสำหรับพื้นที่ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ รูปแบบของเทคโนโลยีเองที่พัฒนาด้วยการผสมผสานศิลปะ เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น หรือแก็ดเจ็ตต่าง ๆ
เมื่อพูดถึงกระแสเทคโนโลยีแบบสุดโต่งไปแล้ว กระแส ขั้วตรงข้ามอย่างเทรนด์ชีวิตแบบแอนะล็อกก็ดูเหมือนจะมา แรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้คนที่เฝ้ามองหาเสน่ห์ย้อนยุคซึ่ง เป็นสิ่งหายากในปัจจุบัน เช่น การหันกลับมาระบายสีไม้ ด้วยมือเพื่อสร้างความผ่อนคลายแทนการเล่นสมาร์ทโฟน หรือบางทีเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ถูกทำให้กลายเป็นระบบ แอนะล็อกได้อย่างย้อนแย้ง เช่น กล้องโพลารอยด์ เกมบอย กลิ่นอายยุค 90 ฯลฯ ต่อเนื่องมาถึงไลฟ์สไตล์แบบ Nomad อีกหนึ่งแนวโน้มที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนยุคนี้ต่างต้องการหลบลี้หนีห่างจากจอคอม- พิวเตอร์ และโหยหาการออกไปใช้ชีวิตข้างนอก โดย ออกเดินทางไปซึมซับบรรยากาศของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ราวกับชนเผ่าเร่ร่อน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่นำไปสู่งานดีไซน์ หลากหลายรูปแบบ
