วัดในฮ่องกง พูดถึง “ฮ่องกง” อันดับแรกเลยทุกคนจะนึกถึงเรื่องกินและช็อปปิ้งแม้ตอนนี้การมาฮ่องกงเพื่อช็อปปิ้งยังคงมีอยู่แต่ไม่ค่อยคึกคักเหมือนเมื่อก่อน
วัดในฮ่องกง อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้คนไม่ค่อยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและเปลี่ยนมาเป็นการหาที่พึ่งทางใจโดยการไปไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของฮ่องกงแทน
ฮ่องกงเป็นเกาะที่ไม่มีอะไรเลย ขนาดน้ำดื่มยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ฮ่องกงก็ติด 1 ใน 5 ของเสือเศรษฐกิจโลก คนฮ่องกงเชื่อกันว่านั่นเป็นเพราะ “ฮวงจุ้ย” ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องอิงหลักวิชา “ฮวงจุ้ย” เสมอ เวลาเราเดินเที่ยวที่ฮ่องกงก็จะเห็นสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการจัดวางฮวงจุ้ย เช่นน้ำพุ รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆตามหน้าสถานที่สำคัญ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าฮวงจุ้ยอย่างเดียวคงไม่ทำให้ฮ่องกงเจริญเติบโตในฐานะผู้นำทางด้านเศรษฐกิจได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนของรัฐบาลภายใต้นโยบายที่ให้คนฮ่องกงนั้นขยันทำมาหากิน ไม่งอมืองอเท้ารอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันทางรัฐบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการศึกษาสูงที่สุด
ชักจะพูดออกไปเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และการปกครองมาพอแล้ว เราวกกลับมาดูกันว่าแนวคิดการบูชาเทพพระเจ้าและการไหว้พระของคนฮ่องกงกันดีกว่าว่าเขาทำกันอย่างไร
การขอพรและการจุดธูปอธิษฐานขอพรของคนฮ่องกงนั้นจะต่างจากคนไทย เวลาเราจุดธูป 3 ดอกเราจะนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่คนฮ่องกงนั้นจะนึกถึงเมืองสวรรค์ เมืองมนุษย์ เมืองนรก ธูป 3 ดอกนี้จะขอพรได้เฉพาะชั้นเทพชั้นเซียนเท่านั้น จะไม่ถึงชั้นเง็กเซียนฮ่องเต้ คนฮ่องกงนั้นเชื่อว่าการขอพรจากเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องใช้เวลาสองอาทิตย์ เขาจะใช้ธูปชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเป็นขดคล้ายยากันยุงบ้านเรา หนึ่งขดอยู่ได้เป็นอาทิตย์ เขาจะใช้สองขดในการขอพรต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือจุดยาวนานถึงหนึ่งเดือนเพื่อให้ข้อความที่อธิษฐานสื่อถึงเทพโดยไม่ขาดตกหล่น เวลาอธิษฐานขอพร จิตต้องนิ่ง ใจเปิด บารมีเกิด ที่กล่าวมานี้ก็อิงจากคนฮ่องกงที่บอกเล่าข้อมูลนี้ให้เราฟัง
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยมาฮ่องกงกันแล้ว บางท่านอาจเคยมาวัดที่ผมจะกล่าวถึงก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะพูดถึงคือจุดเด่นของวัดแห่งนั้นเป็นหลักครับ เพราะข้อมูลด้านอื่นๆนั้นน่าจะค้นหาได้ไม่ยากวัดและศาลเจ้าสำคัญในฮ่องกงที่ผู้คนนิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรมีดังนี้
1. ศาลเจ้าแม่กวนอิม ริมหาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay)
หรือเรียกอีกอย่างว่า“หาดน้ำตื้น” ที่นี่จะขอพรได้ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าแม่กวนอิมคนไทยจะขอพรเรื่องสุขภาพ เจ้าแม่ทับทิม ก็จะขอเรื่องหน้าที่การงานการเดินทาง และเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ก็จะขอเรื่องโชคลาภเงินทอง จุดเด่นก็คือการใช้มือลูบองค์เทพเจ้า ข้างๆกันก็จะมีองค์พระสังกัจจายน์ซึ่งคนไทยหลายๆคนรู้จักกันดีสำหรับคนที่มีลูกยาก ก็จะมาขอลูกกันที่นี่เช่นเดียวกันจากนั้นจะเดินไปที่สะพานต่ออายุ เดินข้ามหนึ่งรอบต่ออายุได้ 3 วันบนสวรรค์( 3 วันบนสวรรค์จะเท่ากับ 3 ปีบนโลกมนุษย์) เดินไปอีกนิดจะพบหินแห่งความรัก คนไหนไม่มีคู่ก็ให้ใช้มือซ้ายลูบบนหินเพื่อขอให้พบเนื้อคู่ สุดท้ายเดินไปที่ศาลาแปดทิศ ซึ่งจะมีแผ่นป้ายเขียนว่า “สุขภาพแข็งแรง”ถึง 100 คำ สำหรับขอพรให้ตัวเราและคนในครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง
2. วัดหมั่นโหมวหมิว
เป็นวัดที่มีเทพเจ้าสององค์อยู่จุดเดียวกัน มีเทพหมั่นกับเทพโหมว คือออกแนวบุ๋นกับบู๊วัดนี้จะขอในเรื่องการสอบแข่งขันให้ลูก เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ ฉะนั้นคนฮ่องกงก็จะขอพรเรื่องธุรกิจการงานด้วย จุดเด่นของที่นี่คือจะมี “ประตูจอหงวน” ในสมัยก่อนใครที่สอบได้เป็นจอหงวนก็จะเดินผ่านประตูนี้ จึงเชื่อกันว่าถ้าใครอยากสำเร็จการศึกษาหรือสอบเข้าเรียนที่ไหนให้มาเดินผ่านประตูนี้จะได้สำเร็จวิชาเหมือนจอหงวน
3. วัดนาจา
เป็นที่รวมของเทพเจ้าหลายพระองค์ตั้งอยู่ในย่านซัมซุยโป๋ (Sham Shui Po) ซึ่งเป็นย่านค้าส่งของฮ่องกง ที่เป็นหลักเลยคือเทพนาจาใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ก็จะมาขอพรที่นี่ ส่วนใครที่มีคนปองร้ายคิดไม่ดีก็มากราบไหว้ขอพรกับเทพสิวหยั่น เพื่อให้คนที่คิดร้ายกลายเป็นดี ใครที่ครอบครัวมีปัญหาทะเลาะกัน สามีภรรยาเริ่มนอกใจกัน ก็จะมีเทพเจ้ากำฟ้าเหลิ่งเหลิ่ง ซึ่งตรงกับภาษาไทยว่า เจ้าแม่ดอกทอง เพื่อให้ครอบครัวกลับมารักกันดังเดิมจุดเด่นอีกอย่างของวัดนี้คือถ้าใครมาขอพรเกี่ยวกับการศึกษาทางวัดจะมีหมวกบัณฑิตเป็นแผ่นประมาณโปสต์การ์ดเขียนชื่อลูก คณะ และมหาวิทยาลัยที่ลูกอยากเข้าเรียนไปแขวนไว้ในวัดอีกด้วย