เราๆ ท่านๆ คงเคยได้ยินชื่อของ “อุดรธานี” เมืองใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรม และโบราณคดีอันเก่าแก่ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความทันสมัยและสีสันจนยากจะห้ามใจไม่ให้มาเยือนได้ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเที่ยวกันแบบตะลุยเมืองอุดรฯ ไปดูกันว่าเมืองนี้มีอะไรที่จะทำให้เราหลงรักกันบ้าง
เริ่มต้นทริปนี้เราพามาเที่ยวท่ามกลางบรรยากาศของดอกบัวแดงที่บานเต็มไปหมดที่นี่หนองหาน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงที่ดอกบัวเริ่มบานเต็มพื้นที่ไปหมด มองไปทางไหนก็เป็นเส้นสีชมพูเต็มไปสวยง่ามอร่ามตามากๆ ค่ะ
การเดินทางมาที่ทะเลบัวแดงบึงหนองหานกุมภวาปี หากเริ่มต้นจากตัวเมืองอุดรฯ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 อุดรธานี – กุมภวาปี ตรงไปจนถึงหลักกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกบ้านนาดี หนองเม็ก ขับตรงมาอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดล่องเรือชมดอกบัวแดงค่ะ
บึงหนองหานหรือทุ่งบัวแดงของ อ.กุมภวาปี เป็นแหล่งน้ำจืดที่มีพื้นที่อยู่ประมาณ 12,000 ไร่ มีดอกบัวแดงหรือดอกบัวสายชูช่อออกดอกสีแดงอมชมพูบานสะพรั่งอยู่ทั่วพื้นน้ำ และด้วยสีสันความสวยงามของดอกบัวแดงเหล่านี้ ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.อุดรธานี
เมื่อร่องเรือชมบัวแดงกันจนชื่นใจแล้ว เรามาต่อกันที่หมู่บ้านหนองลาด อ.บ้านดุง ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งขึ้นชื่อของงานประดับมุก (งานประดับมุกเป็นงานช่างไทยแขนงหนึ่งในงานช่างสิบหมู่ ซึ่งใช้เปลือกหอย เช่น หอยแมลงภู่ หอยมุก และหอยนมสาว มาฉลุและตกแต่งลงบนวัสดุจนเกิดความสวยงาม) งานประดับมุกของที่นี่มีตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงชิ้นใหญ่ แต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความพยายามในการทำอย่างมาก เริ่มตั้งแต่การเลือกเปลือกหอยที่จะนำมาติดลวดลาย ไปจนถึงการใช้รักสมุกหรือปูนซีเมนต์ที่ผสมถ่านหินหรือผงดินดำมาถมช่องว่างระหว่างลายจนเต็มช่อง จากนั้นจะนำมาขัดและเจียให้เรียบเสมอกันก็จะเริ่มเกิดเป็นลายมุกที่เด่นชัดขึ้นมา
ได้รู้จักกับงานประดับมุกผลิตภัณฑ์โอทอปของชุมชนบ้านหนองลาดกันไปแล้ว มาต่อกันอีกหนึ่งชุมชนนั่นคือ ชุมชนสันติสุขของ อ.บ้านดุง ที่นี่ก็มีงานฝีมือเช่นกัน แต่ว่าเป็นงานฝีมือของเด็กๆ ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อย่างเช่น งานแกะสลักกระจกที่เด็กๆ ทำไว้จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว โดยภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคลและเกี่ยวข้องกับพญานาค เนื่องจากที่นี่เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปคำชะโนดต้องผ่านเส้นนี้นั่นเองค่ะ
การเดินทางไปคำชะโนดนั้น หากเดินทางจากตัวเมืองอุดรฯ จะใช้ถนนหมายเลข 22 อุดรธานี-สกลนคร ตรงไปจนพบป้ายบอกทางหนองเม็ก เลี้ยวซ้ายเข้า อ.บ้านดุง และตรงไปอีก 9 กม.ก็จะถึงเกาะคำชะโนดแล้วค่ะ
และอีกสัญลักษณ์ที่จะทำให้เรารู้ว่าเราเดินทางมาใกล้ถึงคำชะโนดแล้ว นั่นก็คือร้านขายบายศรีที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง และความน่ารักของคนในชุมชนนี้ นอกจากการรวมกลุ่มกันทำพานบายศรี โดยใช้ชื่อกลุ่มสัมมาชีพบายศรีบ้านสันติสุข แล้วยังเปิดสอนให้กับผู้ที่สนใจทำบายศรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เรียกว่าเป็นการสร้างอาชีพและกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถมาเรียนและนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่เกาะคำชะโนดก็สามารถแวะไปอุดหนุนบายศรีของชุมชนแห่งนี้ได้ค่ะ
เมื่อหาซื้อบายศรีกันแล้วก็เดินทางไปต่อกันเลยที่เกาะคำชะโนด เพื่อนำบายศรีที่ซื้อมาไปสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านต่างมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า เดิมทีชาวบ้านที่นี่จะเรียกว่า วังนาคินทร์คำชะโนด และที่ป่าคำชะโนดนี้ จะเต็มไปด้วยต้นคำชะโนดที่มีอายุมาอย่างยาวนาน ซึ่งในประเทศไทยมีต้นคำชะโนดอยู่ที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้นมาถึงที่นี่เริ่มต้นจะต้องไปสักการะเจ้าปู่เจ้าย่าที่เป็นที่นับถือของผู้คนมากมาย และยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะฤดูไหนบ่อน้ำแห่งนี้ก็จะมีน้ำอยู่ตลอดทั้งปี ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าน้ำแห่งนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์เมื่อนำกลับบ้านหรือนำมาล้างหน้าล้างตา จะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาที่เกาะคำชะโนด นอกจากเรื่องของการแต่งกายที่ต้องให้เกียรติสถานที่แล้วยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องกฏข้อห้ามต่างๆ ด้วยอย่างเช่น ไม่รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่นอกทางเดิน เพราะอาจจะทำให้ต้นอ่อนของต้นชะโนด พืชท้องถิ่นประจำเกาะได้รับความเสียหายค่ะ และอีกหนึ่งอย่างที่ห้ามเลยคือ การจุดธูปเทียนบริเวณพื้นที่ เพราะอาจจะทำให้ต้นไม้และพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหายนั้นเอง ซึ่งข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้ ก็เพื่อเป็นการรักษาเกาะคำชะโนดเอาไว้ให้คงความสมบูรณ์เหมือนในอดีตที่ผ่านมานั่นเองค่ะ อ่อ! นอกจากนี้เรื่องบายศรีที่เราเอามาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เมื่อเมื่อบูชาเสร็จแล้วเราสามารถเอากลับไปบูชาต่อที่บ้านได้ จะได้ไม่กลายเป็นขยะที่นี่เพราะมีจำนวนมากนั่นเองค่ะ
หลังจากเราได้ไปเที่ยวหลายๆ สถานที่ที่มีชื่อเสียงของ จ.อุดรธานีกันแล้ว คราวนี้เราจะไปต่อกันยังร้านอาหารที่ต้องบอกว่ารวบรวมของดีของอุดรธานีเอาไว้หลายอย่าง นั่นก็คือ “ร้านอาหารทองกวาว” ตั้งอยู่บริเวณทุ่งศรีเมือง เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ก็มีหลากหลายมากๆ อย่าง เค้กบัวแดง ที่ความโดเด่นอยู่ที่เนื้อเค้กมีสายบัวเชื่อมผสมอยู่ด้วย ซึ่งมีน่าตาน่ารับประมานมากๆ และอีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดของร้านนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นของดีของอุดรฯ ก็คือเมนูจากปลากะพง อย่างปลากะพงนึ่งแจ่ว ผัดฉ่าปลากะพง ปลากะพงทอดน้ำปลา และปลากะพงลวกจิ้ม ซึ่งปลากะพงที่นำมาประกอบเป็นอาหารของร้านนี้ก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกลเลยเป็นปลาที่ชาวบ้านในพื้นที่เลี้ยงไว้นั่นเอง ถือเป็นการกระจายรายได้ให้คนในชุมชนอีกด้วย
ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้วขอแวะไปดูแหล่งเลี้ยงปลากะพงที่นี่กันหน่อยว่าชาวบ้านเขาเลี้ยงกันอย่างไร ถึงได้ปลาที่มีเนื้อที่อร่อยแบบนี้กันค่ะ
มาถึงแหล่งเลี้ยงปลากะพงที่ อ.บ้านดุง จะเห็นบ่อปลาจำนวนหลายบ่อ โดยบ่อปลาที่นี่เมื่อก่อนเป็นสถานที่ทำนาเกลือมาก่อน ต่อมาราคาเกลือเริ่มตกต่ำชาวบ้านที่นี่จึงพลิกผืนนาเกลือหันมาเลี้ยงปลากะพง ซึ่งปัจจุบันปลากะพงทองที่เลี้ยงจากที่นี่กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากค่ะ
ที่นี่นอกจากเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงในนาเกลือที่พ่อค้าแม่ค้าสามารถมาเลือกซื้อปลากะพงสดๆ กันได้ถึงปากบ่อแล้ว ใครที่สนใจอยากลองเลี้ยงปลากะพงในนาเกลือก็สามารถมาเลือกซื้อปลากะพงสดๆ กันได้ถึงปากบ่อ หรือใครที่สนใจอยากลองเลี้ยงปลากะพงในนาเกลือก็สามารถมาเรียนรู้จากที่นี่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วยค่ะ
หลังจากที่เราได้ไปดูบ่อปลากะพงกันแล้ว เราไปต่อกันที่แหล่งผลิตเกลือที่ อ.บ้านดุง กันต่อค่ะ ไปดูขั้นตอนการผลิตเกลือว่าเขาทำกันอย่างไร ทั้งขั้นตอนการทำนาเกลือ การต้มเกลือที่ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ชาวบ้านทำสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ชาวบ้านที่นี่ยังขาดเรื่องของบรรจุภัณฑ์ในการใส่เกลือ ดังนั้น วันนี้เราจะมาทำการออกแบบผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อนำมาบรรจุเกลือที่ผลิตได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ากันค่ะ
โดยครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มคนในหลากหลายหน่วยงานที่คลุกคลีกับบรรจุภัณฑ์มาช่วยในเรื่องการสร้างบรรจุภัณฑ์ให้คนที่นี่ ให้มีความทันสมัยและถูกใจตลาดมากขึ้น โดยจากข้อสรุปของการทำบรรจุภัณฑ์ในครั้งนี้ทำให้ได้ตราสินค้า “พลังสามัคคี” เมื่อออกแบบกันแล้วได้ให้ชาวบ้านที่นี่นำไปใช้ต่อยอดสินค้าได้ ถือเป็นความภูมิใจอย่างมากเลยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ อิ่มเอมใจไปตามๆ กันเลยกับ ทริปอุดรฯ ของเราที่ ได้รับทั้งความสนุกสนาน ความประทับใจใหม่ๆ จากความยิ่งใหญ่งดงามของทะเลบัวแดง และได้มีพลังศรัทธาที่เพิ่มขึ้นอย่างแรงกล้าจากป่าคำชะโนด ซึ่งเรียกได้ว่านอกจากจะเที่ยวสนุกแล้วยังได้ขอพรอิ่มบุญไปตามๆ กัน ใครผ่านมาภาคอีสาน อย่าลืมแวะอุดรธานี เมืองที่จะทำให้ทุกคน ม่วนหลายเด้อ!!!
ติดต่อเยี่ยมชุมชน
- กลุ่มมุกประดับบ้านหนองลาด โทร. 097-967-3127
- กลุ่มสัมมาชีพพานบายศรีบ้านสันติสุข โทร. 096-756-2316
- บ่อเลี้ยงปลากะพงทองบ้านดง โทร. 089-944-6838
- วิสาหกิจชุมชนผลิตเกลือไอโอดีนบ้านดุงเหนือ โทร. 098-630-1165