/ สิ่งแรกที่ต้องทําคือ ทําอะไรก็ได้ให้ห้องเล็กๆห้องน้ีดูแตกต่าง
และตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยให้มากท่ีสุด /
ถ้าให้นับกันจริง ๆ แล้ว คนส่วนใหญ่ในประเทศสิงคโปร์มักเลือกอยู่อาศัยกันตามแฟลตและอพาร์ตเมนต์ท่ีเป็นของ รัฐบาลมากกว่าการอยู่บ้านเป็นหลังๆ ไม่ว่าจะมองไป ทางไหนก็เห็นแต่อาคารสูงเหล่าน้ีอยู่เต็มเมือง รวมถึงบ้าน หลังน้ีที่ได้ คุณ Suhaimi Bin Lazim มาเป็นผู้ออกแบบ เปลี่ยนให้พื้นที่เล็กๆ ไม่กี่ตารางเมตรดูแตกต่าง เต็มไปด้วย ความต้องการของคุณ Abdullah Saleh Abdat เจ้าของบ้าน และเพื่อนสนิทของคุณสุไฮมี ที่อยากให้บ้านมีกลิ่นอายความ เป็นลอฟต์และตะวันออกผสมอยู่รวมกันอย่างกลมกลืน แต่น่าเสียดายท่ีวันนี้เจ้าของบ้านไม่สามารถอยู่ร่วมพูดคุยกับเราได้ คุณสุไฮมีจึงรับหน้าท่ีมาคอยต้อนรับและเปิดบ้านให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมชม
“คอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่นี่ผมอยากให้เป็นเหมือน บ้านสไตล์ลอฟต์ของชายโสดที่อยู่คนเดียว โดยจะพยายาม คิดถึงฟังก์ชันของห้องเป็นหลัก และใส่ดีเทลเล็กๆน้อยๆใน จุดต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้านให้มาก ที่สุด ธีมหลักของการตกแต่งเร่ิมมาจากภาพงานศิลปะของ ศิลปินชาวเกาหลีที่ประมูลมาจาก Christie’s ในประเทศ ฮ่องกง โดยนํามาตกแต่งไว้ในมุมที่เห็นได้จากทุกส่วนของบ้าน อย่างมุมโต๊ะรับประทานอาหารท่ีเปรียบเสมือนเป็น ไฮไลท์เด่น แวดล้อมด้วยดีเทลที่บ่งบอกถึงความเป็นลอฟต์และเจือด้วยกลิ่นอายความเป็นเอเชีย แม้จะแตกต่าง แต่ก็ กลมกลืนกันได้อย่างไม่น่าเช่ือ”
คุณสุไฮมีพาเราและทีมงานเดินชมภายในซึ่งเต็มไปด้วยดีเทลต่างๆตามที่เขาพูดถึงมุมแรกเป็นมุมนั่งเล่นติดริมหน้าต่าง เขาเลือกใช้โซฟาสีม่วงบานเย็นมาช่วยเพิ่มสีสันและความน่าสนใจ ตกแต่งด้วยโคมไฟ Arco ที่มีรูปทรงทันสมัยให้ความดิบสไตล์ลอฟต์ และแฝงความนุ่มนวลอบอุ่นอยู่ในที
แต่ด้วยความที่มีพื้นที่ไม่มาก ดีไซเนอร์จึงเลือกใช้แผ่น เหล็กปัดเงามากรุเป็นฝ้าหลอกตาให้เพดานดูสูงขึ้น และช่วย เบนความสนใจออกจากคานขนาดใหญ่ท่ีพาดอยู่กลางห้อง หากมองผ่านๆ อาจทําให้คิดไปว่าห้องน้ีมีดับเบิ้ลสเปซเช่ือมไป ถึงชั้นบน ทั้งๆที่ห้องมีแค่ชั้นเดียวเท่าน้ัน บริเวณที่อยู่ติดกัน คือมุมรับประทานอาหาร โดดเด่นด้วยภาพงานศิลปะท่ีแขวน ไว้เป็นแบ็กกราวนด์ด้านหลัง มุมน้ีออกแบบให้เป็นเหมือน จุดศูนย์กลางของบ้านก็ว่าได้ เพราะอยู่ติดกับมุมนั่งเล่นและ ครัวแบบไร้ผนังกั้น หากเพื่อนๆแวะเวียนมาหาหรือจัดปาร์ตี้ ก็สามารถปรับให้เป็นพื้นที่สังสรรค์ขนาดใหญ่ได้เลย
ถัดจากมุมรับประทานอาหารคือห้องนอน ดีไซเนอร์ เลือกใช้บานเฟี้ยมไม้มาก้ันผนังเพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะหากก้ันเป็นผนังแบบติดตายห้องจะดูแคบและอึดอัดมากกว่าเดิม นี่เองจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทําให้ดีไซเนอร์ต้องออกแบบ สเปซให้เชื่อมต่อถึงกันทั้งหมดโดยไร้ผนังกั้น เพื่อให้ทุกส่วนเปิดรับแสงสว่างได้เต็มท่ี จากห้องนอนเราสามารถเดินทะลุ เข้าไปยังห้องน้ําด้านในที่ดูแตกต่างไปจากมุมอื่นๆ ด้วยกระเบื้องลายโมเสกสีแดง เหมือนเป็นสปาส่วนตัวที่เจ้าของบ้านช่ืนชอบ มีการแบ่งสัดส่วนของห้องน้ําที่มีโถสุขภัณฑ์ และห้องชาวเวอร์แยกไว้ต่างหาก เพื่อเปิดสเปซตรงกลางให้ โล่งสําหรับตั้งอ่างอาบน้ําแบบลอยตัว ใกล้กันคือมุมแต่งตัว ที่เดินทะลุถึงกันได้ ผนังทั้งสองด้านทําเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ บานเลื่อนใช้เก็บเสื้อผ้าและของใช้ให้เป็นสัดส่วนไม่รกตา
สิ่งที่โดดเด่นของบ้านหลังนี้คือ การเลือกใช้วัสดุท่ีไม่ได้ ต้องการให้เป็นลอฟต์แบบดิบๆทั่วไป แต่มีการนําไม้มาใช้ เป็น ลูกเล่นในดีเทลต่างๆ เพื่อให้บ้านดูอบอุ่นและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เช่น การนําไม้มากรุผนังหลังภาพศิลปะ การตีระแนงไม้ปิด คาน รวมถึงการใช้บานเฟี้ยมไม้กั้นพื้นท่ี
พื้นที่ที่มีจํากัดอย่างแฟลต คอนโดมิเนียม หรือ อพาร์ตเมนต์ที่คนในปัจจุบันเริ่มหันมาอยู่อาศัยกันมากขึ้น หากลองบริหารจัดการพื้นที่น้ันดีๆ ก็สามารถเติมแต่งอะไรลงไปได้หลายอย่าง เช่นเดียวกับบ้านที่เราพามาชมวันนี้ แม้จะ มีพื้นที่เพียง 83 ตารางเมตร แต่ก็สามารถเติมความสุขให้แก่ ผู้อาศัยได้แบบเต็มเปี่ยม
เรื่อง : Gobbi Chirawat
ภาพ : จิระศักดิ์,ดำรง
คอลัมน์ : Room To Room
เล่ม : August 2014 No.138