แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ห้องคอนโดมิเนียมมีบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติได้เหมือนกับบ้านเป็นหลัง แต่ถ้าคำว่าธรรมชาติหมายรวมไปถึง “ท้องฟ้า” ก็คงไม่มีบ้านหลังไหนจะทำให้เราสัมผัสกับท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯอย่างใกล้ชิดได้เหมือนเพนต์เฮ้าส์บนชั้น 53 ของคอนโดมิเนียมหรูริมโค้งน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้
จากการตกแต่งมาตรฐานแบบห้องคอนโดมิเนียมสำเร็จรูปทั่วไป ห้องเพนต์เฮ้าส์แบบ Triplex 3 ชั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอย 700 ตารางเมตร ได้รับการแปลงโฉมเสียใหม่ด้วยฝีมือ คุณอาร์ต – อยุทธ์ มหาโสม จาก Ayutt and Associates Design ให้กลายเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ผสมผสานความโมเดิร์นและร่วมสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ท่ามกลางวิวมุมสูงแบบพานอรามาที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของบ้าน
// ถ้าคำว่าธรรมชาติหมายรวมไปถึง “ท้องฟ้า” ก็คงไม่มีบ้านหลังไหน
จะทำให้เราสัมผัสกับท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิด
ได้เหมือนเพนต์เฮ้าส์บนชั้น 53 ของคอนโดมิเนียมหรูริมโค้งน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ //
“เจ้าของเป็นครอบครัวชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานาน และเป็นนักสะสมงานศิลปะด้วย เขาจึงอยากได้บ้านดีไซน์เรียบ เนี้ยบ เหมือนอาร์ตแกลเลอรี่แต่มีความเป็นเอเชียรวมอยู่ด้วย ทั้งยังต้องสามารถแสดงคอลเล็คชั่นของสะสมแอนทีคทั้งหมดของเขาได้ด้วย”
คุณอาร์ตตีโจทย์ออกมาในรูปแบบ “สไตล์ทรอปิคัล โมเดิร์น” ตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้าน ภายในเป็นสเปซดูโปร่งโล่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์เรียบ ๆ เพียงน้อยชิ้นและแอ๊กเซสซอรี่ส์สไตล์โมเดิร์น ช่วยเสริมให้คอลเล็คชั่นงานศิลป์และของสะสมสไตล์แอนทีคดูโดดเด่นขึ้น ท่ามกลางภาพรวมที่ดูกลมกลืนไม่ขัดเขิน พื้นที่บนชั้นหนึ่งออกแบบให้เป็นโอเพ่นสเปซเชื่อมต่อระหว่างห้องนั่งเล่นแพนทรี่และห้องรับประทานอาหาร ช่องแสงรอบ ๆ ติดบานกระจกสูงจรดเพดานกั้นระหว่างบรรยากาศภายในและภายนอกเมื่อเปิดบานประตูโดยรอบเพื่อรับลมเย็น ๆ บ้านจะกลายเป็นพื้นที่กึ่งเอ๊าต์ดอร์ไปในทันที ไม่ต่างอะไรจากพาวิลเลียนขนาดใหญ่กลางท้องฟ้า
“ที่นี่มีวิวและสเปซอาคารสวยอยู่แล้ว เราแค่คิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะดึงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ อย่างเรื่องของวิว เราเลือกกรุผนังด้วยกระจกสีดำ นอกจากจะเป็นพื้นหลังขับให้ชิ้นงานศิลปะดูเด่นแล้ว ยังสะท้อนวิวทิวทัศน์ภายนอกได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมองไปทางมุมไหนของบ้านก็ชมวิวได้เต็มที่”
นอกเหนือไปจากวิวเมือง คุณอาร์ตยังเพิ่มวิวธรรมชาติสีเขียวตามมุมต่าง ๆ ในบ้านด้วยการออกแบบสวนเล็ก ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นบ้าน และทำให้ความโมเดิร์นดูไม่แข็งกระด้างจนเกินไป คุณอาร์ตเลือกผสมผสานระหว่างต้นไม้จริงและเทียมด้วยข้อจำกัดทั้งด้านการรับน้ำหนักและไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ จนไม่มีเวลาดูแลสักเท่าไร
เดิมทีคุณอาร์ตพยายามแปลงโฉมบ้านโดยคงวัสดุเดิมอย่างพื้นไม้และงานระบบไว้ให้มากที่สุด แต่เมื่อการก่อสร้างดำเนินไป สภาพดั้งเดิมของห้องคอนโดมิเนียมกลับได้รับการปรับใหม่ทั้งหมดเพื่อให้บ้านออกมาสมบูรณ์ตามความต้องการ ทั้งด้านประโยชน์ใช้สอยและบรรยากาศการตกแต่ง
“เรารื้อของเก่าออกเกือบทั้งหมด ทำให้เกิดปัญหาด้านการก่อสร้างและนิติบุคคลพอสมควร อาจเป็นเพราะห้องอื่นไม่มีการแก้ไขงานด้านสถาปัตย์และงานระบบเยอะขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นการย้ายผนัง เปลี่ยนโมเสกสระว่ายน้ำ ปรับระดับและเปลี่ยนฝ้าเพดาน ไปจนถึงเปลี่ยนระบบแอร์และเพิ่มโทรศัพท์สายตรง จนบางทีรู้สึกเหมือน ‘สร้างบ้านใหม่’มากกว่าตกแต่งห้องคอนโดแบบที่วางแผนไว้ตอนแรก”
ปัญหาด้านการก่อสร้างว่ายุ่งยากแล้ว ปัญหาที่ตามมาหลังจากบ้านเสร็จสมบูรณ์ดูจะหนักกว่า เมื่อเจ้าของบ้านต้องการย้ายคอลเล็คชั่นงานศิลปะและของสะสมแอนทีคทั้งหมดจากเพนต์เฮ้าส์หลังแรกมาไว้ที่นี่ แต่ด้วยมูลค่าที่ประเมินไม่ได้ของงานศิลปะบางชิ้นทำให้ต้องพึ่งมืออาชีพเท่านั้น
“ตอนก่อสร้างว่ายากแล้ว แต่พอสร้างเสร็จการย้ายอาร์ตเวิร์คทั้งหมดมานี่ยากกว่า เพราะไม่มีใครรับย้ายเนื่องจากมีมูลค่าสูงมาก ไม่มีใครกล้าเสี่ยง สุดท้ายเราจึงต้องจ้างบริษัทที่รับย้ายงานศิลปะให้พิพิธภัณฑ์ และทำประกันอาร์ตเวิร์คแต่ละชิ้น ๆ ไป ซึ่งบางชิ้นขนาดใหญ่มาก จนต้องขนขึ้นบันไดหนีไฟมาจนถึงชั้น 53”
แม้จะกำลังเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ นานา แต่สีหน้าคุณอาร์ตกลับเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม อาจเป็นเพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อโปรเจ็กต์ยาวนานนี้จบลง มันกลับไม่ใช่แค่การออกแบบบ้านให้ลูกค้า แต่คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและการสานความฝันของเพื่อนให้กลายเป็นความจริง
เรื่อง : Mone
ภาพ : นันทิยา, ดำรง
คอลัมน์ : Room To Room
เล่ม : October 2014 No.140