หากคุณเป็นชาว room คุณคิดว่าภาพยนตร์เรื่องไหนที่สื่อความเป็น room ในตัวคุณได้ดีที่สุด แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีภาพยนตร์เรื่องโปรดหรือเรื่องที่คิดว่าใช่! แตกต่างกัน เพราะรสนิยมและความชอบของคนแต่ละคนย่อมต่างกัน แต่ในความต่างก็ย่อมมีความเหมือนแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงชวนชาว room ผู้รักการชมภาพยนตร์ไปค้นหาความเป็น room ผ่านภาพยนตร์ที่เราคัดสรรค์มานำเสนอทั้ง 10 เรื่อง …ภาพยนตร์เหล่านี้จะใช่! ในแบบที่คุณชอบหรือไม่ ตามไปดูกัน
01 The Nightmare Before Christmas (1993)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฝันร้ายฝันอัศจรรย์ ก่อนวันคริสต์มาส ภาพยนตร์ที่บอกเล่าถึงโลกในจินตนาการของ “Tim Burton” ผู้กำกับสุดติสต์ที่สร้างภาพยนตร์ได้อย่างมีสไตล์ แม้ว่าเรื่องนี้เบอร์ตันจะทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ แต่ต่างก็ยอมรับว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นแฟนตาซีเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานอันโดดเด่นของเขา ความน่าสนในของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่เทคนิคการสร้างอนิเมชั่นในยุคแรกๆ ที่เรียกว่า Stop Motion โดยใช้หุ่นดินเหนียวที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวละคร แล้วค่อยๆ ขยับตัวละครทีละนิด เพื่อถ่ายทีละเฟรมๆ อย่างอดทน ทำให้โลกในภาพยนตร์มีมิติอย่างน่าสนใจ และภาพที่ได้ก็มีความสด แปลกใหม่ และโดดเด่นจนถึงทุกวันนี้
02 William Shakespeare’s Romeo + Juliet (1996)
ภาพยนตร์จากบทประพันธ์อมตะด้วยปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ เขียนขึ้นในปี 1595 เป็นภาพยนตร์ที่มีการรีเมคถึง 3 ช่วงเวลาด้วยกัน นั่นคือ ในปี 1968 , 1996 และ 2013 โดยเวอร์ชั่นที่เราคัดสรรค์มานี้เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Baz Luhrmann ความพิเศษของเรื่องนี้อยู่ที่การดัดแปลงเนื้อหาจากบทละครดั่งเดิมให้มีความร่วมสมัย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ดั่งเดิมที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในเมืองเวโรนา เป็นเหตุการณ์ยุคปัจจุบันและเกิดขึ้นเมืองชายทะเลแห่งหนึ่งในเม็กซิโก รวมทั้งการเปลี่ยนอุปกรณ์ประกอบฉากให้เป็นสิ่งของในยุคปัจจุบัน โดยภาพยนต์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายบัตรที่สูงถึง 147 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน พร้อมเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาการออกแบบศิลป์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
03 Trainspotting (1996)
ภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษรสจัดจ้านของผู้กำกับมือรางวัลออสการ์ Danny Boyle เนื้อเรื่องบอกเล่าถึงยาเสพติด เซ็กส์ และความรุนแรงได้อย่างร้อนแรง บวกกับความเฉียบขาดและสไตล์ที่โดดเด่นของภาพยนตร์ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์อินดี้วัยรุ่นสุดเซอร์แห่งยุคสมัย 90s และยังเปิดมุมมองแปลกใหม่ให้นักทำหนังรุ่นต่อๆ มา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหารุนแรงแต่กลับเล่าเรื่องได้อย่างเมามันส์ คาแร็คเตอร์ตัวละครในสไตล์ Anti-Hero และการตัดต่อภาพที่ถือว่าเป็นการกำเนิดสไตล์ใหม่ ฯลฯ อีกหนึ่งความพิเศษของเรื่องนี้คือการสร้างอิมแพ็คแบบไม่ซ้ำสามารถสร้างการจดจำให้แก่ผู้ชมได้ในหลายๆ ฉาก
04 What Dreams May Come (1998)
ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยาย บทประพันธ์ของ Richard Matheson ยอดนักเขียนแนวแฟนตาซี เจ้าของผลงาน I am legend โดยเรื่องนี้เป็นฝีมือการกำกับของ Vincent Ward ผู้กำกับที่สร้างสรรค์ภาพได้โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรื่องนี้จะได้รับรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษด้านภาพมาครอบครอง นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสอดแทรกหลักธรรมทางพุทธศาสนาเอาไว้ ทั้งบาปบุญ นรกสววรค์ และความไม่จีรังของวัตถุสังขาร ฯลฯ ผ่านความเชื่อเรื่อง “ศรัทธา” และ “ความรัก What Dreams May Come จึงเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่คอหนังไม่ควรพลาด
05 Great Expectations (1998)
ภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีการนำมาสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้ง โดยแต่ละครั้งล้วนถูกตีความในหลายแง่มุม ซึ่งเวอร์ชั่นที่ติดตาต้องใจผู้ชมมากที่สุดคือเวอร์ชั่นที่สร้างในปี 1998 นี้เอง จากฝีมือผู้กำกับ Alfonso Cuarón (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban) ความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่บทเพลงเพราะๆ ตรึงใจอย่าง เพลง Life in mono ผนวกกับภาพศิลป์อาร์ตๆ และการใช้โทนสีเขียวทั้งเรื่องได้อย่างมีสไตล์ ทำให้ใครหลายคนหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
06 American Beauty (1999)
สำหรับเรื่องนี้คงการันตีความยอดเยี่ยมได้จากบรรดารางวัลมากมายที่ American Beauty ได้รับ ตั้งแต่รางวัลออสการ์ที่กวาดได้ถึง 5 สาขา โดยเฉพาะสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังคว้ารางวัลจาก BAFTA ไปถึง 6 รางวัล เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ Sam Mende แม้จะเป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของเขา แต่เรื่องนี้กลับทำให้ Sam Mende เป็นที่จดจำในวงการฮอลลีวู้ด ความยอดเยี่ยมของเรื่องนี้อยู่ที่บทที่บอกเล่าถึงสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะวิกฤติในครอบครัวที่ American Beauty เล่าอย่างเรียบง่ายแต่คมบาดใจ โดยหยิบยกประเด็นใกล้ตัวมาสะท้อนได้อย่างมีชั้นเชิง รวมทั้งการจบเรื่องที่อาจทำให้คุณมองโลกไม่เหมือนเดิม
07 Crouching Tiger, Hidden Dragon (2001)
ภาพยนตร์สัญชาติไต้หวันที่บุกถิ่นอเมริกันได้สำเร็จ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์หนังต่างภาษาที่ทำรายได้สูงสุดในอเมริกาจนถึงปัจจุบันด้วยยอด 128 ล้านเหรียญ ความพิเศษที่ทำให้เรื่องนี้ประสบความสำเร็จคือฉากแอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ ที่ได้ ‘ยุเหวียน เหอผิง’ ผู้ควบคุมฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่อง The Matrix มากำกับฉากต่อสู้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องได้รับความสนใจจากฮอลลีวู้ดจนกลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินแห่งยุค และจากคุณภาพของบทที่จัดเต็มทั้งดราม่า ความรัก และความหมายจอมยุทธตามแบบฉบับภาพยนตร์จีน รวมทั้งคุณภาพของโปรดักชั่นก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นอิทธิพลหลักสำหรับหนังแนว martial arts ยุคต่อมาๆ อีกด้วย
08 Vanilla Sky (2001)
แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับผลโหวตว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วสับสนที่สุดเรื่องหนึ่ง แต่ Vanilla Sky ก็เป็นภาพยนตร์รีเมคที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง โดยความน่าสนใจอยู่ที่เนื้อเรื่องที่บอกเล่าอะไรหลายๆ อย่างแก่ผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการจมอยู่กับความฝันโลกแห่งจินตนาการ การเลือกทางเดินของตนเอง และฉากจบที่หักมุมเกินความคาดหมาย ผนวกกับการนำเสนอข้อเท็จจริงของ ‘คนธรมดา’ ที่มีทั้งความดีและความเลวปะปนกันผ่านการนำเสนอด้วยภาพที่ดูแยบยลตามสไตล์ของ Cameron Crowe ผู้กำกับมือรางวัล ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่น่าหามาดูชม
09 Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
ภาพยนตร์ Romantic Drama ที่ได้รับการกล่าวขานด้วยการใช้ Sci-fi มาเดินเรื่องได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยภาพยนตร์ชื่อยาวเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ Michel Gondry ผู้กำกับอีกคนหนึ่งที่มีสไตล์เฉพาะตัว โดยมี Jim Carrey รับบทเป็นนักแสดงนำ ความน่าสนใจของเรื่องนี้นอกจากการใช้ Sci-fi มาบรรยายความสัมพันธ์ได้ ‘สมจริง’ ที่สุดแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังการันตีความสนุกด้วยรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยมี Charlie Kaufman ที่มีผลงานสร้างชื่อเรื่อง Being John Malkovich อยู่เบื้องหลังการเขียนบทนั่นเอง
10. 21 Grams (2004)
ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายนี้ เป็นผลงานการกำกับของ Alejandro Gonzalez Inarritu ผู้กำกับชาวเม็กซิโกที่เคยได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ แถมยังได้เสนอชื่อเข้าชิงผู้กำกับยอดเยี่ยมทั้งจากออสการ์และ DGA อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์คุณภาพที่น่าชมอีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเรื่องนี้ผู้กำกับมือฉมังชวนผู้ชมมาร่วมต่อจิ๊กซอว์ ด้วยลำดับเหตุการณ์ที่คล้ายจะไม่เกี่ยวข้องกัน แล้วค่อยๆ เผยว่าทุกเหตุการณ์สอดประสานกัน ในห้วงเวลาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ 21 Grams ยังผลักดันให้นักแสดง Naomi Watts ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และส่งให้ Benicio Del Toro ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมอีกด้วย
ชาว room สามารถอ่านเรื่องย่อ พร้อมชมความสนุกจากภาพยนตร์ทั้ง 10 เรื่องนี้ได้ที่ WWW.HOLLYWOOD-HDTV.COM และหากคุณคิดว่าภาพยนตร์เหล่านี้ยังไม่ใช่และยังโดนใจ เราก็ขอชวนชาว room ไปตามหาภาพยนตร์ที่ใช่! กันอีกครั้งที่ HOLLYWOOD HDTV บูธ O18-25, O52-59 ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2015 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. – 8 พ.ย. 58 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้ HOLLYWOOD HDTV มาเสิร์ฟแพ็คเกจสุดคุ้มที่ให้คุณได้ชมภาพยนตร์หลากแนวหลายร้อยเรื่อง พร้อมกับกิจกรรมมากมายและโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณได้ชมภาพยนตร์กันแบบเต็มอิ่ม …แล้วมาดูกันว่าภาพยนตร์ที่ใช่! ในแบบฉบับของคุณจะเป็นเรื่องไหนกันค่ะ
Advertorial
เรื่อง : Taliw
ภาพ : HOLLYWOOD HDTV
ขอบคุณข้อมูลจาก :
– www.facebook.com/MyFavouriteFilms
– smb-awards.blogspot.com/
– www.facebook.com/overhyp
– www.facebook.com/filmfrontierthailand
– pantip.com/topic/31285617
– pantip.com/topic/33930806
– www.apinyagavil.com/av3.php
– www.soccersuck.com/boards/topic/1194434
– www.ac108.com/forum_thai/index.php?topic=376.0