/ “ตอนตกแต่งบ้านก็เตรียมพื้นที่บ้านให้เป็นสีขาว แล้วนึกภาพว่าเราจะวาดรูปอะไรลงไป
เหมือนเป็นห้องสีขาว แล้วมีเส้นสีดํามาตัด” /
ไอเดียตกแต่งคอนโดมิเนียมแบบสตูดิโอ |
หนุ่มสาวคนรักการสังสรรค์หลายคนน่าจะคุ้นชื่อร้าน moose ร้านอาหารแฮ้งเอ๊าต์สไตล์อินดัสเทรียลแห่งแรก ๆ ในย่านทองหล่อ เบื้องหลังสไตล์จัดจ้านของร้านนี้เกิดขึ้นจากไอเดียของ คุณแดร็ก-วิกรม สุวรรณประทีป ผู้เป็นเจ้าของห้อง คอนโดมิเนียม สีขาวสุดเรียบเท่ที่คุณกําลังเห็นอยู่ขณะนี้
ถัดจากถนนทองหล่อเข้ามาเพียงเล็กน้อย บรรยากาศที่เคยวุ่นวายกลับกลายเป็นความเงียบสงบชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นเหตุผลให้คุณแดร็กเลือกคอนโดมิเนียมแห่งนี้เป็นบ้านหลังใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของทำเลที่อยู่ใกล้กับร้านอาหารของตัวเอง และรูปแบบของพื้นที่ภายในห้องด้วย
“แม้จะเป็นคอนโดเก่า แต่เหตุผลที่เลือกที่นี่เพราะดีไซน์มีองศา แถมมีหน้าต่างเยอะ ช่วยให้ห้องสว่างมาก ไม่เหมือนบ้านเดิม สามารถทุบรื้อได้ตามใจ ได้ขนาดห้องใหญ่ในราคาที่ถูกกว่า”
หลังปลีกตัวจากร้านอาหารที่ดูแลอยู่ทั้ง moose, mellow, รศ.๒๓๔ และร้านล่าสุด The Raw Bar แต่ละร้าน ล้วนได้รับการกล่าวขานถึงสไตล์ในการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่เป็นเอกลักษณ์ บ้านจึงเป็นพื้นที่ที่คุณแดร็กตั้งใจให้มีบรรยากาศเรียบนิ่งมากที่สุด
“บ้านควรจะสบายๆ ไม่ควรจะแฟนซีมาก ตอนตกแต่งบ้านก็เตรียมพื้นที่บ้านให้เป็นสีขาว โดยยังคงพื้นหินอ่อนเดิมไว้ รื้อฝ้าและทาสีทั้งหมดด้วยสีขาว แล้วนึกภาพว่าเราจะวาดรูปอะไรลงไป เหมือนเป็นห้องสีขาวแล้วมีเส้นสีดํามาตัด”
จากเดิมที่ห้องนี้เป็นสตูดิโอคุณแดร็กเลือกปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้วยการแบ่งสัดส่วนพื้นที่นอนพักผ่อนด้วยบานเลื่อนโครงเหล็กกรุกระจกสีดําเพื่อให้แสงสว่างจากหน้าต่างกระจายทั่วห้อง
“จริงๆผมเป็นคนชอบแสงเยอะนะ ส่วนห้องนอนมีไว้นอนอย่างเดียว พอตื่นมาทําอย่างอื่นก็ไม่ได้ใช้ห้องนอนอยู่แล้ว แต่เพื่อความเป็นส่วนตัวจึงติดม่านสองชั้นที่หน้าต่างเอาไว้ นอกจากแผงก้ันส่วนที่นอนแล้ว ยังมีการทําบิลท์อินที่ห้องครัว ห้องน้ํา และห้องแต่งตัว ส่วนเฟอร์นิเจอร์มีทั้ง ของที่สะสมอยู่แล้วและสั่งทําใหม่โดยเลือกวัสดุเอง เช่น นําขาโต๊ะเก่าและท็อปไม้มาให้ช่างประกอบเข้าด้วยกัน”
ความชื่นชอบงานศิลปะและอินทีเรียร์ของคุณแดร็กเริ่ม ก่อตัวขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนดนตรีอยู่ที่อเมริกา อย่างหน้ากากแอฟริกันที่ใช้ตกแต่งอยู่ในร้าน moose ก็มาจากช่วงที่เขาอินกับงานแนว spiritual จึงแวะไปศึกษาที่แกลเลอรี่บ่อย ๆ จนเจ้าของจําหน้าได้และพาไปลุยโกดัง หรือเวลาเดินทาง ไปท่องเที่ยวต่างประเทศก็มักจะแวะฟลีมาร์เก็ต หากเจอเฟอร์นิเจอร์วินเทจชิ้นไหนเตะตาก็จะซื้อกลับมาเก็บไว้จนกลายเป็นของสะสมในที่สุด มีหลายครั้งที่เขาเลือกข้าวของเหล่านี้มาใช้งานจริง ทั้งในบ้านและนำไปตกแต่งที่ร้านด้วย
“เสน่ห์ของของที่ผ่านการใช้งานจริงมันจะไม่เนี้ยบมาก เห็นได้จากเฟอร์นิเจอร์ที่ผมชอบอย่างโคมไฟ หากสังเกตให้ดีห้องนี้จะมีโคมไฟเยอะมาก แต่ตัวที่ชอบมากท่ีสุดเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะสีดําที่หิ้วมาจากฝรั่งเศส 3 ชิ้น ยี่ห้อ Lampe Gras เป็นรุ่นเดียวกับที่ Le Corbusier ใช้งาน ซึ่งถือว่าหายาก พอคนเริ่มเล่นเยอะ ก็ยิ่งแพงมากด้วย”
เมื่อถามว่าในวันว่างคุณแดร็กมักใช้เวลากับมุมไหนมากที่สุด เขาเล่าว่ามักใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่รับแขกหน้าโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นนักชมภาพยนตร์ตัวยงแล้ว กิจกรรมอื่นๆก็ล้วนแล้วแต่รวมอยู่ในบริเวณนั้นทั้งสิ้น ทั้งนั่งเล่นกีตาร์และอ่านหนังสือ ซึ่งทั้งสองอย่างก็เป็นของสะสมด้วย ส่วนงานอดิเรกล่าสุดที่ทําให้ตอนนี้เขาอยู่ติดบ้าน ก็คือ การเลี้ยงปลา
“ปลาตัวแรกที่เริ่มเลี้ยงคือปลาทองฮอลันดายักษ์ ได้มา จากเป้-อารักษ์ จากนั้น จึงเริ่มหาปลาแม่น้ำมาเลี้ยงเป็นเพื่อน ก็ได้ปลาเสือตอซึ่งจะสีสวยขึ้นเวลามีเพื่อนร่วมตู้มาไล่ ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะสีสวยสุด เวลานั่งดูมันก็สนุก เพลินดี กลายเป็นว่าพอมาเลี้ยงปลาแล้วยิ่งอยากอยู่บ้านมากขึ้นอีก”
และจากงานอดิเรกนี้…สัตว์น้ำสมาชิกใหม่ของบ้าน เป็นตัวอย่างให้เราเห็นชัดว่าไลฟ์สไตล์ภายในบ้านแปรผันกับความสุขของผู้อยู่อาศัยได้มากมายเพียงใด