MY DESTINY : รสนิยมกับพรหมลิขิต

/ ความบังเอิญมักเกิดขึ้นได้ในทุก ๆ รูปแบบ
แม้แต่การได้พบใครสักคนที่มีความชอบตรงกันอย่างน่าประหลาดใจ
สิ่งนั้นเราอาจจะเรียกมันได้ว่าเป็นพรหมลิขิต… /

ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสแวะเวียนไปเยี่ยมบ้านแต่ละหลัง นอกจากจะได้ตื่นเต้นกับการตกแต่งที่แตกต่างกันไปเรื่อย ๆ แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอินและเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของบ้านทุกหลังได้ดีขึ้น นั่นคือการได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในแรงบันดาลใจของแต่ละคน ซึ่งช่วยเสริมลุคให้บ้านแต่ละหลังมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน

เช่นเดียวกับวันนี้ที่เราได้มีโอกาสมาทำความรู้จักกับครอบครัวใหม่ที่แสนน่ารักอีกหนึ่งคู่ กับบ้านของ คุณเต้ย – ต่อศักดิ์ ชื่นประภา ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ บริษัท JWT Bangkok และ คุณแซน – กุสุมา รุจกิจยานนท์ เจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่หลายคนรู้จักในชื่อว่า “The Kasama” เน้นรวบรวมเสื้อผ้าและของใช้สไตล์วินเทจนำมาแชร์ให้คนที่มีรสนิยมเดียวกันได้สัมผัสและเป็นเจ้าของผ่านทางเฟซบุ๊ก จากอาชีพของทั้งคู่ก็พอจะทำให้เราเดาจุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้ได้ว่ามาจากความหลงใหลในเสน่ห์ของของเก่าที่ทั้งคู่ต่างมีเป็นทุนเดิม บวกกับความเป็นนักสะสมข้าวของที่มีดีไซน์ย้อนยุค เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมทั้งคนและของจึงได้โคจรมาเจอกันที่บ้านหลังนี้

“หลังจากที่คุยกันเรื่องแต่งงาน เราก็พยายามมองหาบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง ตอนแรกผมอยากได้คอนโดมิเนียมเพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมือง และอยากอยู่กันแบบง่าย ๆ สองคน แต่พอมาดูของที่เราเก็บไว้มันเยอะมาก ไม่พอวาง ถ้าเป็นห้องที่มีพื้นที่สักหน่อยราคาก็จะสูงไปอีก พอไปดูบ้านเป็นหลัง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ไกลออกไป จนในที่สุดก็มาลงตัวที่ทาวน์โฮมย่านประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นในราคาที่โอเค เดินทางเข้าเมืองสะดวกสบาย แถมยังเดินทางไปหาคุณแม่ได้ง่ายด้วย”

แต่ด้วยข้อแม้ของโครงการทั้งคู่จึงไม่สามารถตกแต่งภายนอกได้มากสักเท่าไร จึงเลือกเนรมิตพื้นที่ภายในให้มีบรรยากาศย้อนยุคตามแบบที่ตัวเองรักแทน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ปรับเปลี่ยนจากประตูไม้ธรรมดามาเป็นประตูโครงเหล็กทำสีดำกรุบานกระจก ได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์ลอฟต์ง่าย ๆ แบบอเมริกันอินดัสเทรียล เมื่อเข้ามาด้านในจะพบกับมุมนั่งเล่นที่โดดเด่นด้วยผนังปูนทำลวดลายจากแผ่นไม้รองแบบ ช่วยให้ผนังมีเท็กซ์เจอร์ดิบ ๆ เข้ากับของเก่าที่เป็นพวกฮาร์ดแวร์ในโรงงานสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างดี รวมถึงบรรดากล้องโบราณ ของสะสมอีกประเภทหนึ่งที่เจ้าของชื่นชอบก็ได้นำมาใช้ตกแต่งด้วยเช่นกัน อีกฝั่งเป็นชั้นเก็บของบิลท์อิน นอกจากจะเก็บของได้จุสมใจแล้ว ยังใช้ปิดทางขึ้นโถงบันไดให้ดูปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย นอกจากดีเทลต่าง ๆ ที่ช่วยเติมเต็มความต้องการของทั้งคู่แล้ว มุมนี้ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์นั่นคือ การออกแบบฝ้าเพดานให้มีลูกเล่นเหมือนหลังคากระจกสกายไลท์ เนื่องจากคุณเต้ยอยากยกฝ้าเพดานให้สูงกว่านี้ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องคานและงานระบบจึงทำไม่ได้ ถัดจากมุมนั่งเล่นเป็นมุมโต๊ะรับประทานอาหารและห้องครัวประตูกระจกเล็ก ๆ ดูปลอดโปร่งล้อไปกับประตูหน้าบ้าน

มุมนี้คุณแซนเล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ทุบดีใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ห้องครัวจะเป็นผนังทึบ มันจะยื่น ๆ ตัน ๆ จึงคุยกับอินทีเรียร์ว่าขอทุบแล้วเปลี่ยนเป็นประตูกระจก แม้จะดูโล่ง ๆ แต่ก็ยังอยากให้สามารถปิดป้องกันกลิ่นได้เหมือนเดิม” เมื่อทั้งหมดแล้วเสร็จ ทั้งคู่ก็ได้ห้องครัวโปร่ง ๆ ซึ่งถูกใจคุณแซนมาก ๆ เพราะเธอสามารถใช้งานได้จริง รอบ ๆ เต็มไปด้วยไอเท็มกระจุกกระจิกตามแบบของผู้หญิงที่ดูน่ารักไปอีกแบบ

ชั้นสองเป็นส่วนของห้องนอนตกแต่งโทนสีเทาอ่อนผสมผสานกับโทนสีอบอุ่นของไม้ ทั้งยังได้นำเหล็กมาใช้ร่วมด้วยเพื่อให้ยังคงมีกลิ่นอายสไตล์ลอฟต์ผสมอยู่ โดดเด่นด้วยผืนธงชาติอเมริกาและพรม ออกแบบสเปซให้เชื่อมต่อถึงกันได้ทั้ง 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นมุมเตียงนอน ห้องแต่งตัวหรือห้องน้ำ โดยมีประตูบานเลื่อนคอยทำหน้าที่ปิด – เปิดแบ่งพื้นที่ใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน

สุดท้ายบนชั้นสามกำหนดให้เป็นห้องทำงานกรุผนังอิฐมอญสีขาวสะอาดตา บางครั้งห้องนี้ก็ใช้เป็นสตูดิโอถ่ายรูปสินค้าเพื่อโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยของสะสมต่าง ๆ เช่น กระเป๋าหนัง “U.S. Mail” ที่เคยใช้เป็นกระเป๋าส่งจดหมายของบุรุษไปรษณีย์ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นของสะสมอีกชิ้นที่คุณเต้ยภูมิใจนำเสนอ

เราสัมผัสได้ถึงความสุขของทั้งคู่ในฐานะนักสะสมไม่ว่าจะหันไปมุมใดก็จะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ซ่อนอยู่ เป็นเรื่องราวที่พวกเขาหลงใหลและจับมาเป็นคาแร็คเตอร์ของบ้านได้อย่างลงตัวจริง ๆ