SHIROIYA HOTEL ชีวิตที่สองของโรงแรมจากยุค 70’s ในมะเอะบาชิ

มะเอะบาชิ อดีตเมืองที่เคยรุ่งเรืองด้านอุตสาหกรรมผ้าไหมของจังหวัดกุมมะแห่งนี้ กำลังได้รับการฟื้นฟูจากกลุ่มคนแวดวงสร้างสรรค์ระดับหัวกะทิของประเทศ ให้กลับมาเป็นเมืองที่อยู่ในลิสต์ของการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นอีกครั้งตามวิสัยทัศน์ “Where
Good Things Grow” หนึ่งในนั้นคือการเข้ามาฟื้นชีวิตใหม่ให้ Shiroiya Hotel ของสถาปนิกแนวหน้าอย่าง Sou Fujimoto แห่ง Sou Fujimoto Architects

โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970 โดยมี Jin Tanaka นักธุรกิจท้องถิ่นแห่ง JINS Eyewear Company เป็นเจ้าของกิจการในปัจจุบัน รู้ไหมว่า Shiroiya Hotel นั้นตั้งอยู่บนทำเลเดิมของโรงแรมขนาดเล็กในอดีตอย่าง The Shiroiya Ryokan (Japanese Inn) ที่มีประวัติการเปิดเป็นที่พักรับแขกมานานกว่า 300 ปี หรือตั้งแต่สมัยเอโดะ

แผนการฟื้นฟูโรงแรมขนาด 4 ชั้น ที่ปิดตัวลงไปในปี 2008 ครั้งนี้ของ Sou Fujimoto Architects คือการสร้างภาพจำใหม่ที่ชวนให้นักท่องเที่ยว เพื่อบ่งบอกถึงความตั้งใจของ Tanaka ที่ต้องการสร้างโรงแรมของเขาให้เป็นดั่งห้องนั่งเล่นของเมืองในเขต Machi-naka ที่ผู้มาพักจะได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับงานศิลปะ เรื่อยไปจนอาหาร และพื้นที่สีเขียวทั้งในส่วนเอเทรียมและเนินเขา สัญลักษณ์ใหม่ที่ถูกแทรกเข้ามาใน Shiroiya Hotel

เริ่มจากเนินเขาที่เรียกกันว่า “Green Tower” ซึ่งมีบันไดอิฐให้เดินลัดเลาะไปไปตามแนวเนินเขาเขียวสู่ Cabin เล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ ระคนไปกับงานศิลปะจัดวางของ Tatsuo Miyajima ซึ่งเนินเขานี้อ้างอิงแนวคิดของ “mebuku” หรือ “การแตกยอด” ซึ่งพัฒนาโดย Tanaka และสภาเมือง Maebashi เพื่อบอกถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองขื้นใหม่อย่างแข็งขัน

ต่อมาคือเอเทรียม หรือโถงอาคารขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า ‘Heritage Tower’ ที่เกิดจากการรื้อผนังและพื้นอาคารทั้ง 4 ชั้นออกไป เพื่อเปิดเปลือยให้เห็นโครงสร้างเสาและคานคอนกรีตหยาบกร้านอันพราวเสน่ห์ ที่ถูกร้อยเรียงด้วยโคมไฟท่อพีวีซี หรือ Lighting Pipes ของ Leandro Erlich ศิลปินชาวอาเจนไตน์ ที่ส่องประกายเป็นเส้นตัดเล็ก ๆ ท่ามกลางโครงสร้างมหึมา

ส่วนนี้คือโถงต้อนรับ ห้องอาหาร Joshu ระดับ 2 ดาว Michelin star ของเชฟ Hiroyasu Kawate และเลานจ์บนชั้น 1 ของอาคาร ที่แม้ถูกห่มคลุมด้วยผืนหลังคา แต่ก็สว่างเพียงพอ ด้วยการออกแบบให้มีแสงธรรมชาติลอดผ่านจากช่องเปิดและหลังคาสกายไลท์ รวมถึงแทรกความร่มรื่นชื่นตาจากกลุ่มต้นไม้ ปลูกกระจายอยู่ทั่วพื้นที่

สังเกตว่าแต่ละชั้นถูกเชื่อมด้วยทางเดินและบันไดที่พาดผ่านทับซ้อนกันไปมา เพื่อกระตุ้นให้แขกผู้มาเยือนได้ก้าวขึ้นไปเดินชม และมีความสุขกับประสบการณ์ใหม่ที่เกิดจากการรับรู้ผ่านความคิดและมุมมองของแต่ละคน เมื่อก้าวเดินไปตามแนวอาคารที่เชื่อมถึงกันหมดจากล่างสู่บนอย่างต่อเนื่อง

ความพิเศษของโรงแรมแห่งนี้อีกอย่างคือห้องพักเอกลักษณ์หลากสไตล์ที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิก Sou Fujimoto, Leandro Erlich ศิลปินชาวอาเจนไตน์ Jasper Morrison นักออกแบบชาวอังกฤษ และสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน Michele de Lucchi รวมถึงการประดับประดาด้วยงานศิลปะมากมาย ตั้งแต่ผลงานของศิลปินชาวอเมริกัน Lawrence Weiner บริเวณด้านหน้าอาคาร เรื่อยมาจนผลงานของ Hiroshi Sugimoto ในห้องพัก รวมถึงห้องจัดแสดงผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินแถวหน้าอย่าง Tatsuo Miyajima และ Ryan Gander ที่ช่วยกันสร้างชีวิตชีวาให้โรงแรมแห่งนี้ได้ดีสุด ๆ

Shiroiya Hotel มีห้องพักทั้งหมด 25 ห้อง แยกออกเป็นห้องพักใน Heritage Tower 17 ห้อง และ Green Tower 8 ห้อง ที่พักแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ภูเขา Akagi และภูเขา Haruna แหล่งน้ำพุร้อนและที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมไปโดยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นหากเดินทางด้วยรถยนต์ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.shiroiya.com

ที่ตั้ง: 2-2-15 Honmachi, Maebashi City, Gunma Prefecture, Japan
โทร. +81-(0)-27-231-4618

เรียบเรียง: ND24
ภาพ: Katsumasa Tanaka, Daici Ano + Tomoyuki Kusunose