เพราะนี่คือกล้องที่เปรียบได้กับนวัตกรรมแห่งยุคซึ่งเปลี่ยนวิถีการถ่ายภาพไปตลอดกาล LEICA M Series
“ภาพถ่าย” และ “การถ่ายภาพ” ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็เป็นได้ทั้งงานศิลป์ งานอดิเรก เป็นการหยุดเวลา และความทรงจำไว้ในรูปแบบของภาพนิ่ง ที่ทรงคุณค่าทั้งในแง่ของความงามและความหมายที่แฝงอยู่ภายใน และเมื่อพูดถึงอุปกรณ์ในการเก็บภาพความทรงจำเหล่านั้น “กล้องถ่ายภาพ” ก็คือเครื่องมือที่ผ่านการพัฒนามาอย่างยาวนาน จนถึงวันที่กล้องฟิล์ม 35 mm. หรือกล้อง 135 เป็นอุปกรณ์คุณภาพที่ใคร ๆ ต่างก็สามารถหยิบใช้ และถ่ายภาพด้วยตัวเองได้อย่างคล่องตัว ซึ่งหนึ่งในกล้องที่ใคร ๆ ต่างก็ยกให้เป็น “ที่สุด” ทั้งในแง่ของการผลิต คุณภาพของการผลิต ตลอดจนประสบการณ์ในการใช้งาน LEICA M Series ก็เป็นหนึ่งในชื่อที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องนึกถึงและถือได้ว่าเป็นอีก Icon ของวงการภาพถ่ายตลอดมา
จุดเริ่มของLeica
Leica ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1924 โดยใช้ชื่อว่า Ernst Leitz ตามชื่อของเจ้าของในขณะนั้น และเปลี่ยนมาเป็นชื่อทางการค้าว่า LEICA Camera AG ในเวลาต่อมา ซึ่งชื่อ Leica นั้นมาจากการนำนามสกุล Leitz ในสามตัวแรกมาผสมกับคำว่า Camera จนได้คำว่า Leica นั้นเอง .ในระยะเริ่มแรกนั้น Leica นั้นผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับเลนส์ เช่น กล้องโทรทรรศน์ และกล้องจุลทรรศน์ ด้วยความชอบส่วนตัวผสมกับความต้องการกล้องที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถพกพาอุปกรณ์ถ่ายภาพติดตัวไปด้วยได้ การสร้างกล้องที่มีคุณภาพโดยใช้ฟิล์มขนาด 35 mm. จึงเกิดเป็นความท้าทายขึ้น และเมื่อ Leica 1 กล้องขนาด 35 mm. ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ ออกสู่ตลาดในปี ค.ศ.1930 วงการภาพถ่ายก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
เมื่อกล้องที่มีนั้นยังดีไม่พอ
หลายทศวรรษที่ Leica ยังคงเป็นผู้นำในโลกของกล้องขนาดเล็ก อย่างไม่รอช้าในปี ค.ศ.1954 กล้องที่กลายเป็นภาพจำของบริษัทก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นั่นก็คือ Leica M3 กล้องตัวแรกของ M Series กล้องที่โด่งดังที่สุดในโลกของการถ่ายภาพนั่นเอง
ความพิเศษของ Leica M3 นั้นมีมากมายหลายประการอย่างที่เรียกว่าพลิกวงการไปเลยทีเดียว นับตั้งแต่กลไกการใส่ฟิล์มแบบ Take Up Spool ที่ขึงให้ฟิล์มตึงกำลังดีเป็นผลให้คุณภาพของภาพถ่ายนั้นดีงามตามไปด้วย การขึ้นฟิล์มที่รวดเร็วแบบขันโยกแทนการหมุน ชอบมองภาพที่เปลี่ยนตามระยะเลนส์ และสามารถมองเห็นการโฟกัสแบบ Split Image ความเร็วชัตเตอร์ที่หลากหลาย และม่านชัตเตอร์ที่ทำจากผ้า ซึ่งเป็นผลให้การถ่ายภาพด้วย Leica M3 มีเสียงที่นุ่มนวลเหมาะแก่การนำไป Snap ถ่ายภาพแนว Street หรือ Documentary อย่างมาก
ผลที่ตามมาน่ะหรือ? นั่นคือทำให้ Leica M3 ดังเป็นพลุแตก และกลายเป็นอุปกรณ์คู่กายของนักสารคดี ช่างภาพ และนักข่าวไปโดยปริยายน่ะสิ
M5 และM6
จุดเปลี่ยนที่สำคัญนั้นคงต้องกล่าวถึงอีกสองโมเดลนั่นคือ Leica M5 ที่ปฏิวัติวงการอีกครั้ง ด้วยการใส่ตัววัดแสงลงไปในกล้อง โดยใช้ระบบวัดแสงจากหลังเลนส์ที่ให้ค่าแสงที่แน่นอนกว่ากล้องในยุคเดียวกัน รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก
และโมเดลสุดท้ายที่ต้องพูดถึงเป็นอย่างมาก ก็คือ Leica M6 นั่นเเอง อาจกล่าวได้ว่า หากให้ผู้ที่ชื่นชอบใน Leica หลับตานึกภาพกล้อง M Series แล้ว เค้าโครง และหน้าตาของ M6 ก็คงจะเป็นภาพที่ทุก ๆ คนน่าจะนึกได้ในหัวอย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกล้องตัวนี้อยู่ในสายการผลิตอย่างยาวนานตั้งแตปี ค.ศ.1984-2002 และเป็น Leica ที่มีระบบวัดแสงแบบ TTL ที่มาในรูปทรงแบบคลาสสิก (ไม่เหมือน M5) พูดง่าย ๆ คือถ้าเป็นกล้องฟิล์มแบบแอนะล็อกแล้ว M6 คือครบเครื่องที่สุดแล้ว(ในหน้าตาคลาสสิกที่คุ้นเคยเช่นกัน)
สู่ยุคดิจิตัล
หลังจากวันคืนอันรุ่งโรจน์ในช่วงผ่านยุค 2000 Leica ก็ถูกเบียดบังไปบ้างจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีสู่กล้องดิจิทัล แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คุณภาพอันเหนือกาลเวลาก็ยังคงสร้างให้ Leica เป็นตำนานที่ “ตายไม่ลง” อย่างแท้จริง เพราะในช่วงที่กล้องฟิล์มแบรนด์อื่นเรืองอำนาจ “เลนส์ Leica” ก็ยังเป็นที่สุดในความถวิลหาอยู่เช่นเดิม จนกระทั่ง Leica M8 ได้นำพา Leica เข้าสู่โลกของภาพดิจิทัลอย่างเต็มตัว และส่งผ่านมาถึง M9 และ M10 ในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ Leica ยังคงมุ่งมั่นผลิตกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงทั้งแบบฟิล์มดั้งเดิม และแบบดิจิทัลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะ M Series ที่เราคุ้นเคย หรือ SL และ S Series ที่เป็นฟอร์แมตที่ใหญ่ขึ้นสำหรับงาน Studio รวมถึง Q และ C Series สำหรับผู้เริ่มต้นในคุณภาพแบบมืออาชีพ
เพราะ Leica คือ Leica
สุดท้ายแล้ว หลายคนที่เคยใช้ Leica ผ่านมือ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เสน่ห์ที่ทำให้พวกเขาหลงรักนั้นไม่ใช่เพียงคุณภาพงานผลิต หรือคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้เป็นผลลัพธ์ แต่มันคือความสุนทรีย์ของการใช้ได้นวัตกรรม ช่วยให้สัมผัสถึงห้วงเวลาที่กำลังลั่นชัตเตอร์ได้อย่างแท้จริง การที่กล้องเป็นเหมือนส่วนเติมเต็มระหว่างแบบกับช่างภาพ สิ่งที่ Leica ให้ได้คือการทำตัวเนียนหายไปกับห้วงเวลาเหล่านั้น และทำให้การลั่นชัตเตอร์เกิดขึ้นเป็นไปอย่างธรรมชาติที่สุด สิ่งนี้คือสาเหตุว่าทำไมช่างภาพสาย Street มากมายต่างเลือกใช้ Leica เช่น Henri Cartier-Bresson ช่างภาพสาย Street ที่มาก่อนการเกิดขึ้นของคำว่า Street เสียอีก และนี่ก็คงนับได้ว่า Leica M เป็นอีกหนึ่ง Iconic ของโลกการถ่ายภาพไปได้อย่างไร้ข้อกังขาโดยสิ้นเชิง