การเลือกแก้วไวน์ ให้เหมาะกับไวน์นั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีการจําแนกได้หลายสิบชื่อเรียก ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและแหล่งผลิตทั้งยังต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ในการดื่มพอสมควรจึงส่งผลให้แก้วไวน์ มีหลากหลายรูปทรงตามไปด้วย เพื่อให้ ได้ทั้งรูป รส และกลิ่นอย่างครบถ้วน
THE TYPE
01 Red Wine Glass : โดยปกติไวน์แดงจะมีความฝาด เพราะ เกิดจากการหมักผลองุ่นทั้งเปลือกและก้านรวมกัน รสและกลิ่นที่ได้จึงมีความหนักและแน่นกว่าไวน์ประเภทอื่นๆ แก้วที่เหมาะต้องเป็นแก้วที่มีกระเปาะกว้างและอ้วน เพื่อให้ไวน์สัมผัสกับ อากาศ ปล่อยกลิ่นหอมเข้า สู่จมูกได้เต็มที่
02 Dessert Wine Glass : หรือที่เรียกกันว่าไวน์หวาน เพราะมีปริมาณน้ำตาลตั้งแต่ 3 – 28% ( ไวน์ปกติจะมีน้ำตาลแค่ 1% เท่านั้น ) ลักษณะแก้วที่เหมาะกับไวน์ประเภทนี้จะต้องมีรูปทรงเป็นกระเปาะคล้ายดอกทิวลิปและมีขนาดกะทัดรัด เพื่อให้รสชาติที่หวานสัมผัสกับลิ้นได้ง่ายและเร็วขึ้น
03 Champagne Glass : เป็นชื่อที่ใช้เรียกเฉพาะสปาร์คกลิ้งไวน์ที่มาจากเมืองแชมเปญ ประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น รสและสัมผัสจะออกซ่าและหวานกว่าสปาร์คกลิ้งเล็กน้อย สามารถใช้กับแก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ หรือจะเลือกแก้วที่มีกระเปาะเป็นทรงดอกทิวลิปก็ได้เช่นกัน
04 Sparkling Wine Glass : สปาร์คกลิ้งไวน์เป็นไวน์ที่ทําการหมัก 2 ครั้งทําให้น้ำไวน์เกิดปฏิกิริยามีความซ่าและขึ้นฟอง ดังนั้นแก้วไวน์จะต้องมีก้านและกระเปาะทรงสูงเพรียว เพื่อรักษาความซ่าและฟองเอาไว้ขณะหรือยกขึ้นจิบ
05 White Wine Glass : ไวน์ขาวจะพัฒนากลิ่นและรสชาติขณะที่อยู่ในขวด ดังนั้นแก้วไวน์ขาวจึงไม่จำเป็นต้องมีปากกว้างเหมือนไวน์แดง และเนื่องจากไวน์ขาวนิยมเสิร์ฟแบบเย็น ดังนั้นแก้วจึงต้องมีรูปทรงเพรียวและสูง เพื่อช่วยกักความเย็นของไวน์เอาไว้ไม่ให้ ระเหยออกไป
THE PARTS
01 Bowl (กระเปาะ) : กระเปาะมีความสัมพันธ์กับ ชนิดไวน์ เช่น ไวน์แดงที่พัฒนากลิ่นและรสชาติใน แนวนอน กระเปาะจะต้อง กว้าง เพื่อให้กลิ่นหมุนวน และระเหยเข้าจมูก
02 Stem (ก้าน) : การดื่มไวน์จะมีการหมุน แก้วเพื่อให้ไวน์ได้พัฒนา กลิ่นและรสชาติขณะยก ขึ้นดื่ม ดังนั้นก้านแก้วจึง ต้องดูสูงเพรียวเพื่อให้หมุน แก้วได้ถนัดมือ
03 Base (ฐาน) : โดยมากมักมีเส้นผ่านศูนย์กลางใกล้เคียงกับปากแก้ว เพื่อรักษาสมดุลขณะ วางหรือหมุนน้ำไวน์
TIPS :
• การจับแก้วไวน์ที่ถูกต้อง ควรจับที่ก้านด้วยนิ้วแต่ไม่ใช่กํารอบก้าน จับยกเบาๆ เท่านั้นพอ ข้อห้ามคือ ห้ามจับที่กระเปาะ เพราะอุณหภูมิจากมือจะเข้าไปรบกวนไวน์ ทําให้รสชาติด้อยลง
• หลายคนชอบก้มหน้าเอาจมูกใส่เข้าไปในกระเปาะเพื่อดมกลิ่นไวน์ ที่จริงไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไวน์คุณภาพดีจะพัฒนากลิ่นแล้วระเหยเข้าสู่จมูกเมื่อเรายกขึ้นจิบโดยอัตโนมัติ
• แก้วไวน์ยิ่งบางและใสจะช่วยส่งเสริมคุณภาพของไวน์ให้ดียิ่งขึ้น เพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มที่ต้องสัมผัสทั้งรสและกลิ่น หากแก้วมีความหนาเกินไปจะทําให้น้ำไวน์มีรสและกลิ่นผิดเพี้ยนไปได้
• เนื่องจากความใสเป็นปัจจัยสําคัญของสุนทรีย์แห่งการดื่มไวน์ ผู้ผลิตจึงมีการพัฒนามาใช้คริสตัลในการทําแก้วไวน์ เพื่อให้ได้ความใสและความคงทนกว่าแก้วปกติ
• ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นเริ่มหันมาดื่มสาเกด้วยแก้วไวน์กันแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเสิร์ฟในแก้ว ไวน์ขาว
• Wine Decanter หรือที่พักไวน์ เป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้รองรับไวน์จากขวดก่อนรินใส่แก้ว เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสอากาศได้เต็มที่ โดยเฉพาะไวน์ที่บ่มไว้นานหลายปี
• เนื้อแกะหรือเนื้อวัวจะมีกลิ่นแรง การปรุงอาหารจึงมักใช้ซอสที่เข้มข้น เมื่อจับคู่กับไวน์แดงที่มีรสฝาดนิด ๆ จะกลมกล่อมลงตัวกันพอดี
• ไม่ผิดถ้าอยากจิบไวน์แดงคู่กับอาหารประเภทเนื้อปลา เพียงแต่เลือกชนิดของไวน์ให้อ่อนลงมาสักหน่อย อาทิ ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์พิโนนัวร์ (Pinot Noir)
• ไม่ควรดื่มไวน์สลับกันไปมา เพราะรสชาติและความเข้มข้นที่ต่างกันจะทําให้คุณเกิดอาการเมาขั้นรุนแรง
• หากต้องการดื่มไวน์สองชนิด ควรเริ่มด้วยไวน์ขาวและตามด้วยไวน์แดง เพราะรสฝาดและความเข้มข้นของไวน์แดงจะติดอยู่ที่ลิ้น ทําให้การรับรสไวน์ขาวที่มีรสอ่อนกว่าด้อยลงไป
เรื่อง : มนตรา ศิริขันธ์
ภาพ : นันทิยา บุษบงค์