"9 เส้นทางตามรอยพระบาท" โครงการในพระราชดำริ ใกล้เมืองกรุง

“9 เส้นทางตามรอยพระบาท” โครงการในพระราชดำริ ใกล้เมืองกรุง

ตามไปชม 9 โครงการในพระราชดำริ ของพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก และทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อประชาชนของพระองค์ ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา…

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศ ป่าชายเลนสิรินาถราชินี จ.ประจวบคีรีขันธ์

“มหัศจรรย์ ป่าคนสร้าง พลิกฟื้นนากุ้งร้างให้เป็นป่าชายเลน”

ในช่วงปีพ.ศ. 2524–2539 ณ เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองเก่า-คลองคอย อำเภอปราณบุรี บริเวณนี้เคยเป็นนากุ้งมาก่อน แต่ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ห่วงใย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จวนอุทยานปรานบุรี ในปี พ.ศ. 2539 และได้ผ่านบริเวณพื้นที่แห่งนี้ แล้วพบว่าพื้นที่ป่าในแถบนี้ได้หายไป เพราะกลายเป็นนากุ้งไปหมดแล้ว
กรมป่าไม้จึง ได้สนองพระราชดำริ ด้วยการการยกเลิกสัมปทานนากุ้งในปีนั้น แล้วได้ยกพื้นที่ส่วนนี้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกำหนดเป็นพื้นที่สำหรับ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพลิกฟื้นนากุ้งแห่งนี้ จนกลายเป็น ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในเป็นสถานศึกษาระบบนิเวศและป่าชายเลน อีกทั้งต้นโกงกางประวัติศาสตร์ 2 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนาถ ทรงปลูกเอาไว้อีกด้วย


โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี

“ต้นแบบการบำบัดน้ำเสียสู่น้ำใส ด้วยกลไกของธรรมชาติ”

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้นแบบการบำบัดน้ำเสียโดยวิธีธรรมชาติ เป็นหนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีที่เป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน
ที่นี่นอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย


โครงการป่าสิริเจริญวรรษ จ.ชลบุรี

“เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งผู้มาเยือนจะได้เรียนรู้วิธีการฟื้นฟูป่าให้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม”

โครงการป่าสิริเจริญวรรษ เมืองสีเขียวชอุ่มที่มีผืนป่าอันอุดม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ด้วยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พื้นที่กว่า 3,900 ไร่ ของป่าสิริเจริญวรรษกลายเป็นโครงการปลูกป่า โดยเน้นการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน จากเดิมซึ่งเคยเป็นป่าเสื่อมโทรม เมื่อผ่านความพยายามในการปลูกป่าตามแนวพระราชดำริ ต้นไม้ที่เพาะกล้าไว้ เริ่มงอกเงยกลายเป็นป่าใหญ่ เหล่าสัตว์ป่า ทั้งหลายก็กลับมีชีวิตชีวา ชาวบ้านในพื้นที่ก็สามารถ ทำมาหากินได้ เก็บของป่าไปจำหน่ายได้ มีทั้ง หน่อไม้ เห็ด และยอดหวาย
ปัจจุบันพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ เปิดประตูต้อนรับ นักท่องเที่ยว ให้เข้าพักผ่อนหย่อนใจ และยังเป็น แหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมทั้งประชาชนที่สนใจในธรรมชาติ ให้มีโอกาสได้มาสัมผัส กับผืนป่ากว้างที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ผืนป่าแห่งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งผู้มา เยือนจะได้เรียนรู้วิธีการฟื้นฟูป่า ให้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม


ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และอนุรักษ์ป่าชายเลน จ.ชลบุรี

“จากมลพิษและน้ำเสียจากชุมชน รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน เกิดเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนขึ้น เพื่อดูแลป่าชายเลนผืนสำคัญนี้เอาไว้ “

อาณาบริเวณ 300 ไร่ ที่อัดแน่นไปด้วยต้นโกงกางผืนใหญ่ มีสารพัดพันธ์ุไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น ทุกต้นต่างทำหน้าที่ในการผลิต โอโซนใสสะอาด พร้อมกับปกป้องสัตว์น้ำต่างๆ ไว้มากมาย
ป่าชายเลนชลบุรีเรียงตัวเป็นแถบขนานไปกับทะเล โดยมีสะพานไม้ทอดยาว กับเส้นทางสะพานไม้นั้นมีความยาวโดยรอบถึง 2,300 เมตร ตลอดสองข้างทางจะสามารถพบเห็นต้นไม้หลากพันธ์ุ ทั้ง โกงกาง ลำพู ตะบูน แสม โปรง ฯลฯ และสัตว์น้ำ อย่าง กุ้งหลากพันธุ์ ปูก้ามดาบ ปูแสม และปลาหน้าตาแปลกหลายชนิดที่ อยู่ตรงชายเลน
ส่วนนักส่องนกทุกท่าน นกหายากที่นี่ก็มีให้เห็น รวมทั้ง นกสีสวยหลายชนิด เพราะที่นี่นับเป็นป่าชายเลนที่ได้การอนุรักษ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนมีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ป่าชายเลนในจังหวัดอื่นๆ


ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

“แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เขตปากน้ำประแสที่มีระบบนิเวศป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์”

จากพื้นที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นแหล่งทำการเกษตรและประมงของชาวบ้านในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแสซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรม ค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟูโดยเทศบาลตำบลปากน้ำประแส ร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ ปรับสมดุล ให้กับผืนป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยองให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง พร้อมกับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ควบคู่ไปกับเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติไปพร้อมกัน เพื่อสร้างความตระหนักให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในเขตชายฝั่ง
เพียงเดินลัดเลาะไปตามสะพานไม้ในระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร จะพบกับความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าชายเลนที่หนาแน่นไปด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด อาทิ แสม ตะบูนดำ ลำพูน โกงกาง โปรงแดง โดยเฉพาะไฮไลต์สำคัญ คือ ทุ่งโปรงทอง ที่เกิดจากการเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นของต้นโปรงใบสีเหลืองอร่าม ซึ่งยามที่แสงแดดส่องปะทะลงมา จะเกิดเป็นภาพทุ่งต้นโปรงสีทอง ท่ามกลางความเขียวขจีของแนวโกงกางที่โอมล้อมรอบทิศ สวยงามจนกลายเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญของจังหวัดระยอง

 หน้าถัดไป คลิกเลย