เมื่อพูดถึงเรื่องการปรุงอาหารในห้องครัว หลายท่านมักจะประสบปัญหาคราบน้ำมันหรือเศษอาหารกระเด็นเปรอะเปื้อนผนังขณะทำอาหาร ทำให้ผนังไม่น่ามองสักเท่าไหร่ แถมยังกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกต่างหาก
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ถ้าเราใส่ใจตั้งแต่เริ่มการออกแบบห้องครัว หรือคิดที่จะรีโนเวทครัวใหม่ โดยให้ความสำคัญกับ Backsplash หรือผนังกันน้ำมันกระเด็นจากการปรุงอาหาร ซึ่งติดตั้งเป็นฉากหลังของเตาทำอาหาร และผนังที่ใกล้กับอ่างล้างจาน ซึ่งวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำ Backsplash ก็มีหลากหลาย เช่น สเตนเลส กระจก หิน กระเบื้องดินเผา ฯลฯ แต่วัสดุเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องความทนทานต่อความร้อน การดูดซึมคราบสกปรกต่างๆ รวมถึงความยากง่ายในการทำความสะอาด
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งด้วยกระเบื้องดินเผา และต้องการนำมาใช้เป็น Backsplash ภายในห้องครัวนั้น เราก็ต้องรู้จักก่อนว่ากระเบื้องดินเผาก็มีหลายชนิด อาทิ กระเบื้องดินเผาแบบธรรมดา (ไม่เคลือบผิว) ที่เห็นกันได้ทั่วไป ซึ่งมีสีส้มอมแดงให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ แต่ผิวหน้ามีรูพรุน จึงมีอัตราการดูดซึมน้ำสูง ทำให้มีปัญหาเรื่องสีของยาแนวไปฝังตามรูพรุนของผิวหน้ากระเบื้อง จึงทำความสะอาดได้ยาก จำเป็นต้องทาน้ำยาป้องกันผิวหน้ากระเบื้องก่อนนำไปปูหรือยาแนว
นอกจากนี้ก็ยังมีกระเบื้องชนิดที่ผ่านการเคลือบผิวมาแล้ว โดยมีให้เลือกใช้งานทั้งกระเบื้องเซรามิก กระเบื้องดินเผาเคลือบผิว โมเสกหรือโมเสกแก้ว ซึ่งเหมาะสำหรับทำเป็น Backsplash เพราะกระเบื้องเหล่านี้จะมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อความร้อนได้ดี ไม่ดูดซับคราบสกปรกหรือน้ำที่กระเซ็นมาโดน และยังทำความสะอาดง่าย
6 สิ่งต้องรู้ ! ก่อนทำ Backsplash ด้วยกระเบื้องดินเผา
1. กระเบื้องดินเผาชนิดเคลือบผิว แม้จะผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิสูงประมาณ 1,250 – 1,300 องศาเซลเซียส ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากระเบื้องเซรามิกมีความแข็งแกร่งและอัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่ากระเบื้องดินเผาแบบธรรมดาแต่กรรมวิธีการผลิตยังใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิม จึงมักมีปัญหาเรื่องขนาดกระเบื้องแต่ละแผ่นไม่เท่ากัน รวมถึงสีสันของกระเบื้องที่ผิดเพี้ยน (สีไม่สม่ำเสมอ) ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบขนาดและสีของกระเบื้องให้มีเฉดสีแบบเดียวกัน
2. โมเสกมีให้เลือกหลากหลายรูปทรง ตั้งแต่สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม หรือรูปทรงอิสระ และแม้จะเป็นวัสดุที่มีมานานแต่การปูโมเสกให้สวยงามนั้น ต้องอาศัยความประณีต ก่อนปูควรนำโมเสกมาเรียงกันก่อน เพื่อตรวจดูเฉดสีและขนาดของกระเบื้องแต่ละแผ่นว่ากลมกลืนกันหรือไม่ โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างแผ่น และการปูโมเสกแบบสลับสีให้แกะเม็ดกระเบื้องที่ปูแล้วด้วยเกรียง ขณะที่การปูกระเบื้องกำลังเซ็ตตัว (ระวังอย่าให้ปูนกาวแข็งตัวจะทำให้แกะออกยาก) แล้วจึงติดเม็ดกระเบื้องสีอื่นๆ ที่ต้องการตกแต่งกลับเข้าไปด้วยกาวปูกระเบื้องโมเสก
3. การปูกระเบื้องดินเผา นิยมเว้นร่องกว้างเพื่อความสวยงามและรองรับการขยายตัวของกระเบื้อง เพื่อป้องกันปัญหาการแตกร้าวหรือยุบตัวและการเลือกใช้ยาแนวที่ออกแบบมาสำหรับร่องกว้าง ซึ่งมีความแข็งแกร่งและไม่แตกร้าวง่าย ที่สำคัญการใช้ยาแนวที่มีคุณสมบัติป้องกันราดำและแบคทีเรีย จะช่วยให้เราเบาแรงในการทำความสะอาดร่องกระเบื้องได้เป็นอย่างดี
4. ขนาดของร่องยาแนวกระเบื้อง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พื้นผิวที่ปูกระเบื้องดินเผาดูสวยแตกต่างกว่าการเว้นร่องตามปกติเหมือนกระเบื้องทั่วไป อาจปูกระเบื้องดินเผาโดยเว้นร่องยาแนวให้ใหญ่กว่าปกติประมาณ 5–6 มิลลิเมตรเพื่อความสวยงาม
5. หลีกเลี่ยงการปูกระเบื้องดินเผาด้วยปูนผสมทรายหรือการปูแบบซาลาเปา เพราะจะทำให้กระเบื้องแตกและหลุดล่อนได้ง่าย ควรปูกระเบื้องดินเผาด้วยกาวซีเมนต์ โดยเลือกเกรดตามลักษณะการใช้งาน และทิ้งให้กาวซีเมนต์แห้งสนิทอย่างน้อย 1 วัน (24 ชั่วโมง) ก่อนยาแนวต่อไป
6. เพื่อความชัวร์ หากต้องการป้องกันการซึมน้ำของกระเบื้องดินเผา เราควรเคลือบผิวหน้าของกระเบื้องด้วยน้ำยากันซึม ซึ่งมีให้เลือกใช้ทั้งชนิดเคลือบผิวแบบเงาและแบบด้าน สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดพื้นผิวได้ง่าย นอกจากนี้ยังป้องกันตะไคร่และเชื้อราได้อีกด้วย
สรุป
ในการตกแต่งห้องครัวให้โดดเด่นมีสไตล์ที่บอกความเป็นตัวคุณ โดยติด Backsplash เป็นวัสดุกระเบื้องดินเผา ควรหลีกเลี่ยงคราบน้ำมันกระเด็น คราบอาหารที่อาจเปรอะเปื้อน ที่ผนังในห้องครัวจาการปรุงอาหาร รวมไปถึงคราบสกปรกที่กระเด็นเปื้อนผนังจากการล้างจาน อาจดูยุ่งยากอยู่สักหน่อย แต่เราก็สามารถช่วยถนอมผนังโจทย์ห้องครัวให้อยู่กับเราไปนานๆ ได้ ด้วยการใส่ใจเป็นพิเศษ ก็ช่วยให้ห้องครัวที่บ้านคุณสวยมีสไตล์ ตอบโจทย์คนพิเศษแบบคุณด้วยการเลือกกระเบื้องที่ใช่ที่
