บ้านคือสิ่งก่อสร้างสำหรับพักอาศัย เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่แสนสงบ มีความสบาย ทำให้หายจากอาการเหนื่อยล้า ซึ่งบ้านไม่ว่าจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ก็คือสวรรค์วิมานของผู้อยู่อาศัยทั้งสิ้น เพราะภายในบ้านมีพื้นที่ให้สมาชิกในบ้านได้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างอบอุ่น แต่บ้านเดิมๆ ที่อยู่อาศัยมาหลายสิบปี เมื่อถึงเวลาก็ต้องได้รับการรีโนเวทปรับปรุงให้ดีขึ้น วิธีนี้ช่วยประหยัดงบกว่าการไปซื้อบ้านหลังใหม่หลายเท่าตัว
วันนี้เราจะพาไปดูการรีโนเวทบ้านหลังน้อยที่มีขนาดพื้นที่สุดแออัดเพียง 20 ตารางเมตร ให้กลับมาสวยปิ๊งน่าอยู่ โดยครั้งแรกที่เห็นนั้นแอบคิดในใจว่างานนี้น่าจะเป็นงานยาก จะแก้ไขอะไรได้มากน้อยแค่ไหนหรืออาจแก้ไขไม่ได้เลย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่างานรีโนเวทนั้นยากกว่างานสร้างใหม่ เราไม่รู้ว่าจะเจอปัญหาอะไรที่หน้างานบ้าง คือไม่สามารถคาดเดาได้นั่นเอง แต่ผิดคาดเพราะเมื่อรีโนเวทเสร็จแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้นั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะออกแบบจัดการพื้นที่ใช้สอยทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่าแล้ว การตกแต่งภายในและภายนอกก็ดูอบอุ่น น่าอยู่ขึ้นมากเลยทีเดียว
บ้านหลังน้อยที่อยู่กันอย่างแออัด แต่ก็อบอุ่นไปด้วยความรักของสมาชิกทั้ง 5 คนของครอบครัว หลังนี้ เป็นของคุณสุวรรณทิพย์ ทิพยธรกุล แม่ค้าขายของชำผู้สู้ชีวิต ที่อาศัยอยู่ร่วมกับสามี และลูกๆ อีก 3 คน ถ้าเทียบพื้นที่อาศัยกับจำนวนสมาชิกแล้วก็เรียกว่าอยู่กันแบบอึดอัดมากๆ ซึ่งจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้มีพื้นที่อยู่ถึง 28 ตารางวา แต่แค่นำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่าเท่านั้นเอง ถ้างั้นโจทย์ก็คือทำการปรับเปลี่ยนรีโนเวทบ้านเก่าให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น เพื่อให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่า และสะดวกต่อการทำกิจกรรมที่มากขึ้นของลูกๆ ทั้ง 3 คน ที่ตอนนี้แม้กระทั่งที่อ่านหนังสือยังไม่มี โดยการปรับแผนผังพื้นที่ด้านข้าง และปรับปรุงพื้นที่ในบ้านให้มีสเปซที่ดี เป็นสัดส่วน และดูน่าอยู่มากกว่าเดิม และแน่นอนจะต้องเชื่อมต่อการใช้พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกให้ได้ประโยชน์ที่สุด
อย่างไรก็ตามก่อนการรีโนเวทบ้านทุกครั้ง เราต้องทำการสำรวจตัวบ้านและบริเวณรอบๆ ให้ทั่วเสียก่อน เพื่อจะได้ทราบว่า จุดไหนมีอะไรต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งจากการสำรวจบ้านของคุณสุวรรณทิพย์แล้ว พบว่าพื้นที่ส่วนหน้าบ้านได้ถูกแบ่งเป็นร้านขายของชำ ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปดูในร้านจริงๆ ก็มีการจัดสิ่งของเป็นสัดส่วนดี เพียงแต่อาจจะต้องหาชั้นวางสินค้าเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ทุกอย่างดูเป็นระเบียบและใช้พื้นที่ได้คุ้มกว่านี้
เมื่อเดินถัดมาอีกนิดก็มาถึงพื้นที่ทำครัว ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ขายของ และห้องน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของบ้าน ที่สังเกตได้ชัดเลยก็คือ ทางเดินเชื่อมต่อจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งนั้นแคบมาก เรียกว่าแทบจะต้องตะแคงตัวเดินเลยทีเดียว ยิ่งห้องครัวที่อยู่ติดกับที่ขายของด้วยแล้ว เวลาทำอาหารกลิ่นก็จะกระจายกลับเข้าไปในบ้าน เพราะไม่มีช่องระบายอากาศ เรียกว่าเป็นครัวที่ไม่ถูกสุขอนามัยอย่างมาก เป็นจุดหนึ่งที่ต้องรีบปรับปรุงแบบเร่งด่วน
ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดเล็กมาก มีแค่พื้นที่ส่วนเปียกเท่านั้น ไม่มีแม้กระทั่งที่เปลี่ยนเสื้อผ้า และปัญหาที่เห็นได้ชัดๆ ของบ้านหลังนี้คือ พื้นที่ในส่วนของตัวบ้านที่แออัดและคับแคบ ไม่มีการแบ่งเป็นสัดส่วน ขาดความเป็นส่วนตัว เพราะจากพื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ที่มีอยู่ กับจำนวนสมาชิกถึง 5 คน แม้ว่าทุกคนจะพยายามใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพยังไงก็คงเป็นไปได้ยาก ที่จะทำให้ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้
โดยเฉพาะห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ต้องนอนแออัดรวมกันถึง 5 คน เป็นอะไรที่ลำบากสุดๆ ซึ่งคุณแม่เองอยากให้ลูกๆ ทั้ง 3 คน ได้มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง โดยจัดให้ตามความเหมาะสม รวมถึงพื้นที่ภายนอกบางส่วนยังไม่ได้ใช้งานแบบเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณด้านข้างของบ้านที่ใช้เป็นที่จอดรถให้เช่าแบบรายเดือน เพื่อเป็นรายได้เพิ่มเติมของครอบครัวยังสามารถขยายออกได้อีก
เอาล่ะ เมื่อสำรวจและรู้ถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการรีโนเวทกันจริงๆ เสียที ไปลุ้นและดูพร้อมๆ กันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร
การรีโนเวทเริ่มต้นขึ้นจากการวางแผนงานคือการเก็บพื้นที่เดิมเอาไว้ เพื่อใช้ในการพักผ่อน โดยจะแยกห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับห้องครัวออกมา เพื่อให้ห้องน้ำได้มีพื้นที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสมและสมบูรณ์มากขึ้น และออกแบบห้องครัวใหม่ โดยย้ายออกมาด้านนอกในบริเวณด้านข้างของตัวบ้าน ที่เดิมได้ใช้เป็นพื้นที่เช่าจอดรถนั่นเอง ซึ่งตรงนี้จะทำให้สมาชิกทั้ง 5 คนของบ้านได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยแบ่งบ้านออกเป็นสองหลัง คือ แยกเป็นสองส่วนโดยการขยายพื้นที่ตรงโรงจอดรถออกไป แต่จะมีการทำทางเชื่อมต่อกันเพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น
หัวใจหลักของการรีโนเวทบ้านหลังนี้ จะเป็นการย้ายตำแหน่งของห้องครัวและลานจอดรถโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นดังนี้ คือลานจอดรถย้ายมาอยู่ที่บริเวณรั้วหน้าบ้าน ทำการต่อเติมโซนอเนกประสงค์ โดยพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน และได้ย้ายห้องครัวจากหลังบ้านมาไว้ตรงโซนอเนกประสงค์นี้ ทำพื้นที่บริเวณร้านขายของชำให้มีความมิดชิดมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม รวมถึงตัวบ้านก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมเช่นกัน เพียงแค่ได้มีการย้ายประตูทางเข้าไปติดกับโซนอเนกประสงค์ที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่เท่านั้นเอง
สัดส่วนภายในบ้านได้มีการแบ่งพื้นที่ ดังนี้คือ ห้องนอนของลูกชายทั้งสองคน และคุณพ่อได้จัดแบ่งมุมกันอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน ถัดมาก็เป็นห้องของคุณแม่และลูกสาวที่มีขนาดกะทัดรัด จัดแต่งด้วยเตียงนอนขนาดพอเหมาะสำหรับนอนสองคน กั้นพื้นที่ทำงานของลูกๆ ให้เป็นสัดส่วน และอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งพื้นที่ตรงนี้นั้นได้มาจากการขยายผนังตัวบ้านออกไปนั่นเอง
มาถึงในส่วนของพื้นที่ตรงโรงรถที่ต้องเทพื้นใหม่ ซึ่งหากใช้ปูนเปลือยแบบเดิมเกรงว่าจะดูแลรักษายาก ดังนั้นจึงใช้วัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีลวดลายไม้ แบบที่สามารถใช้ทดแทนไม้พื้นจริง มาปูทับแทน เพื่อความสวยงาม และการดูแลรักษาง่ายขึ้น โดยเลือกใช้ไม้พื้นเฌอร่า คัลเลอร์ ทรู (SHERA COLOR THROUGH) นอกจากจะให้ความสวยงาม ให้สัมผัสเหมือนไม้ธรรมชาติแล้ว ยังแข็งแกร่งทนทานทุกสภาวะอากาศ เพราะเป็นวัสดุทดแทนไม้ (ไฟเบอร์ซีเมนต์) จึงหมดปัญหาเรื่องปลวกมากวนใจ นอกจากนี้ยังผลิตด้วยเทคโนโลยีคัลเลอร์ ทรู หรือการผสมสีในเนื้อวัสดุด้วยนาโน พิกเมนต์ จึงทำให้สีของเนื้อไม้สวยจากภายในถึงภายนอก ให้ความอบอุ่นเสมือนไม้จริง แม้ว่าจะผ่านการใช้งานที่หนักสีก็ยังคงความสวยทนทานทุกสภาวะอากาศทั้งแดดทั้งฝน จึงสามารถติดตั้งภายนอกได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
การรีโนเวทบ้านหลังนี้ดำเนินงานกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นจากการปรับพื้นที่ลานจอดรถให้กลายเป็นโซนอเนกประสงค์ ซึ่งช่วงนี้งานหลักๆ จะอยู่ที่งานปรับระดับพื้น และงานรื้อถอน ต่อมาก็คือทำการกั้นผนังห้องนอนภายในตัวบ้าน ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่มีการดีไซน์ผนังด้านบน ให้มีช่องว่างสำหรับให้เครื่องปรับอากาศเพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำให้ห้องเย็นได้เหมือนเดิม
ในส่วนของพื้นที่บริเวณร้านค้าก็ได้ต่อเติมขึ้นมาใหม่ โดยปูพื้นด้วยวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ และเมื่องานโครงสร้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็เดินหน้าปรับเรื่องสีของบ้าน โดยจะเลือกสีของผนังเป็นแบบปูนเปลือยทั้งหมด ก็จะให้ความรู้สึกโมเดิร์นขึ้นมาทันที
ความเปลี่ยนแปลงของบ้านหลังนี้ที่เห็นได้ชัดเลยเมื่อเดินเข้าไปครั้งแรก คงเป็นเรื่องของพื้นซึ่งหากเทียบกับช่วงก่อนทำการปรับปรุง พื้นบ้านจะไม่เรียบและไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อทำการปรับพื้นที่ และใช้ไม้พื้นเฌอร่าในการปูพื้นก็ช่วยให้บ้านสวยงามขึ้นทันตาเห็นจริงๆ โดยเฉพาะส่วนของตัวบ้านที่มีความเปลี่ยนแปลงจนแทบจะจำภาพเดิมไม่ได้
อย่างในส่วนของประตูบ้าน ก็ได้ย้ายจากตรงหน้าบ้านมาไว้ด้านข้างที่เชื่อมต่อทางหลักที่จะเดินเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อความสะดวกและเป็นการเชื่อมพื้นที่ใช้สอย 2 ส่วนไว้ด้วยกัน และได้ทำการเปลี่ยนประตูบ้านใหม่ทั้งหมด เพราะประตูเดิมถูกปลวกแทะกัดกินจนเกิดความเสียหายไปพอสมควร ประตูที่เปลี่ยนใหม่เราเลือกใช้ ประตู เฌอร่า ที่แข็งแรง ทนทาน กว่าประตูทั่วไป เพราะเป็นวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ปลวกจึงไม่กิน หมดห่วงเรื่องปลวกแน่นอน ทั้งยังทนน้ำ ทนชื้นทนแดดได้ดี จึงเหมาะแก่การใช้งานทั้งนอกบ้านและในบ้าน และสามารถวางใจในเรื่องของอายุการใช้งานได้เลยว่า ประตูเฌอร่า ใช้งานได้ยาวนาน แถมยังมีดีไซน์ที่สวยงามอีกด้วย
บ้านหลังนี้หลังจากได้รับการรีโนเวทแล้ว เรียกว่ามีสเปซในการใช้งานมากขึ้น มีการกั้นเป็นสัดส่วน มีห้องสำหรับทุกคน อย่างห้องของลูกชายทั้งสองคน และคุณพ่อ ก็เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบเตียง 2 ชั้น เพื่อประหยัดพื้นที่ จะเห็นได้ว่าคอนเซ็ปต์ของการปรับปรุงบ้านในครั้งนี้ จากเดิมที่เป็นบ้านที่ค่อนข้างเล็กแบ่งพื้นที่ไม่เป็นสัดส่วน ก็มีการปรับใช้พื้นที่ทุกมุมให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้งานได้จริงทั้งหมด
นอกเหนือจากการจัดสัดส่วนให้เหมาะสมแล้ว ดีไซน์ต่างๆ ยังเพิ่มความสวยงาม ให้บ้านดูดีมีสไตล์ขึ้นมา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเป็นปลื้มและตื้นตันแทนทุกคนในครอบครัว ความสำเร็จจากการวางสเปซที่ดีและการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม เข้ากันกับสไตล์ของบ้าน อย่างการเลือกใช้ไม้พื้นเฌอร่า คัลเลอร์ ทรู สีในเนื้อเป็นส่วนประกอบของบ้านก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะมีคุณสมบัติเด่นที่ต่างจากการใช้ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยีคัลเลอร์ ทรู ที่ผสมสีลงในเนื้อไม้ ให้มิติและความเป็นธรรมชาติ ให้สีของเนื้อไม้ที่เหมือนจริง คงทนตลอดอายุการใช้งาน ให้ความสวยงามที่โดดเด่นในการออกแบบทุกสไตล์ได้อย่างลงตัวเหมาะสม ที่จะนำมาเป็นส่วนของพื้นบ้านที่ได้ทำการต่อเพิ่มออกมา ซึ่งเป็นส่วนที่มีความชื้นสูง ไม้พื้นเฌอร่าจึงช่วยให้หมดห่วงปัญหาเรื่องปลวก แถมประหยัดงบประมาณ เพราะติดตั้งได้ง่าย แถมยังดูแลง่าย และสวยงาม
ใครที่คิดว่าอยากจะตกแต่งห้อง หรือรีโนเวทบ้านเพิ่มเติมก็ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้ดูได้ เพื่อทำบ้านหลังเก่าของคุณจะกลับมาสวยน่าอยู่อีกครั้ง เมื่อทำเสร็จแล้วจะรู้เลยว่าบ้านในฝันนั้นไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป เพราะในบั้นปลายชีวิตของคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่าการมีชีวิตที่สงบสุขในบ้านน่ารักๆ สักหลังที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเราเอง
