แปลงปลูกผักสวนครัวเป็นสิ่งที่ทุกบ้านควรมี ยิ่งหากคนในครอบครัวเป็นคนชอบรับประทานพืชผักหลากหลายประเภทด้วยแล้ว การนำผักต่างๆ หลากชนิดมาประยุกต์ปลูกในที่เดียวกันถือเป็นทางเลือกที่ดี สิ่งสำคัญอยู่ตรงการเลือกชนิดของผักที่จะนำมาปลูกซึ่งควรให้เหมาะสมและอยู่ร่วมกันได้ ต้องปลูกง่ายไม่ต่างกัน เพื่อที่จะได้บำรุงรักษาไปพร้อมๆ กันได้ โดยอาจแบ่งแยกการปลูกให้ดูเป็นสัดส่วน และง่ายต่อการดูแลรักษา
ปัจจุบันคนยุคใหม่หันมาปลูกผักเพื่อเอาไว้ทานเองกันมากขึ้น เพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ติดขัดเรื่องพื้นที่ในการปลูกอาจมีไม่มากนัก เช่น อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม หรือบ้านที่มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างน้อย เราจึงอยากนำเทคนิคในการปลูกผักกินเองในสไตล์ของคนที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการดูแลรักษา วิธีการใส่ปุ๋ยที่ถูกต้อง เพื่อให้พืชผักที่ปลูกมีคุณภาพ และได้ผลดีเกินคาดมาฝาก ซึ่งเป็นวิธีที่ทั้งสะดวกและง่าย
หลายคนอาจรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจมีบางเคล็ดลับที่เป็นทางลัดในการช่วยให้สิ่งที่ปลูกได้ผลดีเกินคาด แล้วจะรู้ว่าการปลูกผักไว้รับประทานเองนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณ และคนในครอบครัวได้บริโภคผักที่ปลอดจากสารพิษ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังทำให้ที่พักอาศัยดูร่มรื่นจากประโยชน์ของการปลูกผักกินเองอีกด้วย
เราจะแบ่งผักสวนครัวที่จะปลูกออกเป็น 2 ประเภทหลัก ประเภทแรกคือ ผักสวนครัวอายุสั้น ต้นมีอายุไม่ยืนยาวนัก เหมาะที่จะปลูกในกระถาง กระบะ กล่องน้ำผลไม้ เช่น ต้นหอม ผักชี ประเภทสองคือ ผักที่อายุยาวปลูกแล้วเก็บได้เรื่อยๆ ไม่ต้องปลูกใหม่บ่อยๆ เหมาะที่ปลูกลงดิน หรือปลูกในกระถางก็ได้ เช่น มะนาว พริก กระเพรา โหระพา แมงลัก เป็นต้น
คนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจสีเขียว ที่คิดจะปลูกผักทานเองแต่มีพื้นที่แค่ริมระเบียงคอนโดฯ หรือที่เล็กๆ ข้างบ้าน ก็สามารถปลูกผักทานเองได้ไม่ยาก ก่อนอื่นก็ต้องเช็คดูก่อนว่าเรา และคนในครอบครัวชอบกินผักประเภทไหน ผักอะไรที่ใช้บ่อย แล้วหาพืชผักที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่สามารถปลูกใน “กระถาง” หรือใน “กระบะไม้” ได้ โดยผักที่ปลูกอาจมีจำนวนน้อยแต่หลากหลายชนิด การปลูกก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ให้ยุ่งยาก แค่ไปหาซื้อพืชผักสวนครัวที่มีลำต้นสมบูรณ์ทั้งรากและใบที่วางขายตามตลาด หรือร้านขายต้นไม้ เช่น มะนาว, พริก มาปลูกต่อก็สะดวกไปอีกแบบ
หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่า การซื้อผักจากตลาดแล้วนำมาปลูกนั้น หลังจากปลูกไป 5-7 วัน ผักที่ปลูกก็จะตายลง พอคิดแบบนั้นก็เริ่มท้อตั้งแต่แรกทำให้ไม่อยากปลูกผักอะไรอีก แต่ความคิดเหล่านั้นจะหมดไป หากเรามีความตั้งใจ ใส่ใจที่จะเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มแรกว่าผักที่เราปลูกชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
การปลูกผักสวนครัวในครั้งนี้ เราเลือกผักและพืชที่ทนทาน ปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี ได้แก่ มะนาว พริก กระเพรา แมงลัก สะระแหน่ และผักที่เก็บกินได้เรื่อยๆ แต่อาจมีระยะสั้นกว่าอย่างต้นหอม เมื่อเลือกผักได้แล้วก็มาถึงขั้นตอนการปลูกกันเลยดีกว่า
เริ่มจากเตรียมกระถาง กระบะ หรือภาชนะที่มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร สำหรับใส่ต้นไม้ที่จะปลูก การปลูกผักในกระถาง หรือในกระบะลักษณะนี้ถือว่าสะดวกที่สุด เพราะเราสามารถเคลื่อนย้ายเพื่อหลบ หรือรับแสงแดดที่พอเหมาะกับผักที่ปลูกได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกใหม่ เพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากอาจหาซื้อดินสีดา ดินก้ามปู ที่มีขายสำเร็จรูปอยู่แล้วเป็นถุงๆ มาใช้ก็สะดวกดี ซึ่งดินพวกนี้เป็นดินที่ผสมสำเร็จมาให้แล้ว และได้รับการออกแบบมาให้มีคุณสมบัติระบายน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นได้ดี แถมมีความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่ใช้ได้
เมื่อเตรียมภาชนะและดินเสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการปลูกโดยการเทดินลงในภาชนะที่เตรียมไว้ก่อน 1 ส่วน จากนั้นผสมปุ๋ยหรือสารบำรุงดินที่ให้ความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้พืชผักเติบโต ออกดอกออกผล หรือให้ผลผลิตที่ดี การใส่ปุ๋ยแนะนำให้ใส่รองพื้นเมื่อเวลาเตรียมดิน คลุกลงในดินให้ทั่วก่อนปลูก อาจเป็นปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก หรือถ้าจะให้สะดวกอาจใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดสำเร็จรูปก็ยิ่งดี เพราะจะได้สะดวกและไม่เลอะเทอะ โดยใช้ดินผสม 3 ส่วน ปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน แล้วนำต้นพืชผักที่เตรียมไว้ย้ายมาปลูกรวมกันในภาชนะดังกล่าว โดยควรทิ้งระยะห่างระหว่างต้นให้พอเหมาะเพื่อการเจริญเติบโตได้ดี
ขุดดินในภาชนะให้เป็นรูตรงกลาง นำต้นผักที่เตรียมไว้แล้วมาใส่ลงไป ในกรณีที่พืชผักที่เตรียมไว้มีตุ้มดินติดมากับรากด้วย ต้องค่อยๆ แกะออกจากวัสดุปลูกเดิม เพื่อไม่ให้รากขาดเสียหาย หากเป็นพืชผักที่ซื้อมาจากตลาดอย่างต้นหอม ผักชี ก็สามารถปลูกลงไปทั้งรากได้เลย แล้วกลบด้วยดินที่เหลืออีกชั้นเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการปลูก
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการบำรุงหลังปลูก แนะนำให้ใส่ “ปุ๋ยอินทรีย์ซอยล์เมต” ปุ๋ยออร์แกนิคแท้ 100% ใส่คลุกในดินขั้นตอนแรก บริเวณรอบๆ โคนต้น ซึ่งปุ๋ยซอยล์เมตนั้นเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองจากสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements – IFOAM) ให้เป็นสินค้าที่ผ่านการยอมรับในระดับสากล เพื่อนำมาใช้กับการเพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตร ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน ส่งเสริมการแตกราก เพิ่มประสิทธิภาพการดูดใช้ธาตุอาหาร พืชเติบโตสมบูรณ์ แข็งแรง ผลผลิตมีคุณภาพดียิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นปุ๋ยออร์แกนิคแท้ 100% ที่ผลิตจากเครื่องจักรที่ทันสมัย ปริมาณพอเหมาะสำหรับการนำมาใช้งาน
มาถึงตรงนี้อาจมีบางคนกำลังคิดในใจว่า การปลูกพืชผักกินเองจะต้องปลอดสารพิษและสารเคมี แต่ทำไมถึงแนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในขั้นตอนการเพาะปลูกตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งความจริงแล้วนั้นปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยออร์แกนิค เป็นปุ๋ยที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภครวมทั้งสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อถึงเวลาปุ๋ยอินทรีย์เหล่านี้จะสลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่หลงเหลือสารตกค้างอยู่ในพืชผักที่ปลูกอีกแล้ว
ดังนันจึงมั่นใจได้ว่า “ปุ๋ยอินทรีย์ซอยล์เมต” เป็นปุ๋ยออร์แกนิคแท้ 100% มีธาตุอาหารปุ๋ยครบทั้ง 3 ธาตุ คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
หลังจากใส่ปุ๋ยซอยล์เมตลงในดินเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็รดน้ำให้ชุ่ม แล้วนำภาชนะปลูกผักไปวางไว้ในที่ๆ โดนแสงแดดอย่างน้อยครึ่งวัน จากนั้นรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น เพียงเท่านี้เราก็มีพืชผักสวนครัวแสนอร่อยที่ปลูกเองกับมือไว้รับประทาน เคล็ดลับอีกอย่างที่จะลืมบอกไม่ได้คือ เวลาที่พืชผักแต่ละชนิดสามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว แนะนำว่าถ้าเป็นพืชผักพวกต้นหอม ผักชี สามารถตัดเอาเฉพาะใบมารับประทานได้ ไม่ต้องถอนออกมาทั้งต้น ส่วนของลำต้นที่เหลือจะแตกใบออกมาให้รับประทานได้อีกเรื่อยๆ หรือหากเป็นพวกกระเพรา แมงลัก ให้เด็ดเอาแค่กิ่งเฉพาะที่จะใช้ เดี๋ยวกิ่งก้านใบก็จะแตกแขนงออกมาอีกเรื่อยๆ เพราะผักพวกนี้ยิ่งเด็ดก็ยิ่งแตกยอดให้ได้รับประทานกันตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม หวังว่าเทคนิคการปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองแบบง่ายๆ ที่นำมาฝากในวันนี้ คงจะเป็นประโยชน์ และเป็นแนวทางให้ผู้ที่มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด หันมามีกำลังใจในการปลูกผักไว้ทานเองได้ไม่มากก็น้อย เพราะจะเห็นได้ว่าขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แค่รู้จักวิธีที่เหมาะสม และมีตัวช่วยอันชาญฉลาดอย่าง“ปุ๋ยอินทรีย์ซอยล์เมต” ผู้ช่วยที่รู้ใจในการปลูกพืช เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ เขาก็ใช้กัน!!
ปุ๋ยอินทรีย์ซอยล์เมต มีจำหน่ายที่ HomePro ทุกสาขา