“SHAKKEI” ปรัชญาแห่งการหยิบยืมพื้นที่ธรรมชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับตัวบ้าน ที่ AIRI พระราม2 และ AIRI แจ้งวัฒนะ

“SHAKKEI” ปรัชญาแห่งการหยิบยืมพื้นที่ธรรมชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับตัวบ้าน ที่ AIRI พระราม2 และ AIRI แจ้งวัฒนะ

หากทุกองค์ประกอบของที่อยู่อาศัยถูกออกแบบและจัดวางในแบบที่ผู้อยู่อาศัยสามารถเป็นผู้เลือกได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในทุกมุมมอง เล็งเห็นถึงความสำคัญในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้เป็น ซึ่งจะดีแค่ไหนหากมีบ้านที่ตอบโจทย์ได้ในแบบที่ต้องการ และยิ่งจะดีไปกว่านั้นหากมีบ้านเดี่ยวที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่พร้อมให้ผู้อยู่อาศัยได้สร้างความงามของการอยู่อาศัยแบบไม่มีกรอบจำกัด ด้วยการนำปรัชญาการออกแบบของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “SHAKKEI” มาสร้างมุมมองที่ดีให้กับบ้าน โดยการหยิบยืมพื้นที่ภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตัวบ้าน ให้ผู้อยู่อาศัยได้มีพื้นที่ในการใช้ชีวิต และสร้างตัวตนแบบที่เป็นได้อย่างที่ใจต้องการ

โครงการ AIRI พระราม2 และแอริ แจ้งวัฒนะ เป็นโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังที่กล่าวมาได้ทั้งหมด จากที่ได้มีโอกาสไปเดินเยี่ยมชมโครงการกันมาแบบสดๆ ร้อนๆ ทำให้เห็นว่า ที่นี่เป็นหนึ่งโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยฟังก์ชั่นการออกแบบเน้นที่ความเรียบง่ายในสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Japanese Style ที่นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับงานสถาปัตยกรรมของไทยได้อย่างลงตัว

ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือการนำสิ่งที่เรียกว่า “SHAKKEI”  เข้ามาปรับใช้ในโครงการเป็นการออกแบบให้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของโครงการดูหรูหรา ที่สำคัญการหยิบยืมพื้นที่ภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับตัวบ้านนั้นทำให้บ้านรู้สึกกว้างขวาง โปร่งโล่งมากขึ้น การนำเอาทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว มาผสานให้กลายส่วนหนึ่งของสวนที่จัดขึ้น เสมือนให้ทิวทัศน์ทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดลงตัวกลมกลืนเข้ากับบ้านได้เป็นอย่างดี

การออกแบบที่ดึงเอาธรรมชาติเข้ามากลมกลืนกับตัวบ้านที่เด่นชัดที่สุดจะเป็นในส่วนของ Terrace ด้านข้างบ้านที่ต่อเติมความหมายดีๆ ให้ชีวิต เป็นอิสระแห่งการพักอาศัยที่สะท้อนทุกองศาความเป็นคุณ ขยายพื้นที่เทรนดี้ให้กว้างขวางขึ้นทุกตารางนิ้ว เหมือนได้ชาร์จความสุขเต็มอิ่มด้วยมุมพักผ่อนส่วนตัวแบบไร้กรอบ เต็มที่กับพื้นที่การใช้งานอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

การออกแบบที่มาจากความเข้าใจดีว่าคนเราเมื่อเหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานนอกบ้าน อาจจะอยากนั่งทอดกายมองออกไปยังพื้นที่ธรรมชาติด้านนอกบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ตัว จากสวนนั่งเล่นแบบใกล้ชิดธรรมชาติที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศได้ดี การออกแบบเป็นลักษณะ  Inside Out, Outside In ที่เชื่อมโยงพื้นที่ภายนอกและภายในให้มีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกัน เป็นการเปิดรับสัมผัสของธรรมชาติเข้ามาอย่างนอบน้อมและกลมกลืน ทำให้พื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง อย่างเช่นพื้นที่ของสวนธรรมชาติ ปราศจากสิ่งขวางกั้น เป็นการเพิ่มพื้นที่ภายในบ้านให้กว้างขึ้นอีกด้วย

ภาพที่มองเห็นผ่านการออกแบบแนวนี้ดูเหมือนภาพวิวที่เมื่อมองจากด้านในบ้านจะเห็นบรรยากาศสวนเขียว ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความสดชื่น อีกทั้งต้นไม่เหล่านี้ยังช่วยพรางสายตาจากแดดที่ไม่เจิดจ้าเกินไป ก่อนจะมองถึงพื้นภาพสีเขียวของสนามหญ้าและต้นไม้นานาพันธุ์ (ในกรณีที่เจ้าของบ้านชื่นชอบบ่อปลาคราฟท์ หรือเรือนเพาะพันธุ์ไม้ก็สามารถจัดพื้นที่ส่วนนี้ได้ตามความชอบ) เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้านเป็นเสมือนสถานที่พักผ่อนที่ดีตลอดเวลา เหมาะอย่างยิ่งที่จะปรับแต่งสวนหลังบ้านให้เขียวสดชื่นเป็นพื้นที่สังสรรค์ เปลี่ยนวันธรรมดาเป็นวันพิเศษบ้างก็คงสดชื่นดีไม่น้อย

จุดเด่นหลักๆ อีกอย่างของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นนั้นก็คือการใช้พื้นที่ทุกจุดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม การตกแต่งภายในบ้านจะเปิดโปร่งเพื่อรับวิวสวนสวยด้วยประตูกระจกบานใหญ่ดูร่วมสมัย มีการออกแบบแนวที่ทำให้เกิดกรอบแห่งความรีแล็กซ์ของชีวิต ไม่ว่าจะมองลงมาจากชั้นไหน จุดไหนของบ้านก็มองลงมายัง Terrace จุดนี้ได้

มีการคุมโทนความอบอุ่นด้วยการเลือกโทนสีของห้องที่ออกแนวโมเดิร์น เลือกใช้โทนสีพื้น อย่าง สีขาว ดำ เทา เพิ่มความน่าสนใจด้วยโทนสีอ่อนสลับเข้ม การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก็มีสไตล์ที่เรียบง่าย เพิ่มความโดดเด่นโดยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์แปลกตา แต่ไม่ควรจะแปลกตามาก และควรเลือกสีให้เข้ากับโทนห้องด้วย

อีกทั้งยังมีการจัดวางผังบ้านที่ดี ช่วยให้ลำดับการใช้ชีวิตให้เป็นไปอย่างสะดวก ภายในบ้านมีความโปร่ง สว่าง สบาย ภายในอากาศถ่ายเทได้ดี วางแปลนให้บ้านดูกว้าง ในขณะเดียวกันการตกแต่งก็จะออกมาดูขรึม เรียบง่าย นิ่งสงบ อย่างบ้านตัวอย่างของที่นี่จะเห็นว่าผนังหน้าบ้านมีการออกแบบเป็นผนังหินกรุที่ให้ความโดดเด่นกว่าผนังหน้าบ้านที่เป็นปูนฉาบทาสีเรียบๆ ธรรมดา เรียกว่าเป็นดีไซน์ที่ช่วยให้บ้านดูมีมิติชวนมองยิ่งขึ้นตั้งแต่หน้าบ้านกันเลยทีเดียว

บริเวณ Wall ชั้นบนของบ้านได้ติดตั้งเป็นกระจกเทมเปอร์ให้ทุกหลัง เนื่องจากกระจกเทมเปอร์เป็นวัสดุที่มีความโดดเด่นด้านความสวยงาม และปัจจุบันเริ่มมีการใช้กระจกประเภทนี้กันมากขึ้น เพราะความแข็งแรงของกระจกชนิดนี้มีมากกว่ากระจกธรรมดาถึง 4 เท่า ทนต่อสภาพภูมิอากาศ ส่วนใหญ่เมื่อเอามาใช้กับบ้านจะใช้เป็นกระจกเทมเปอร์ขนาดใหญ่ เพราะมีความทนต่อการบิดตัวได้มากกว่ากระจกธรรมดาที่ความหนาเท่ากัน และยังปลอดภัยกว่ากระจกธรรมดาเมื่อแตกนั่นเอง

สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ทันทีหลังจากเข้ามาในตัวบ้านเลยคือความกว้างของตัวบ้านที่ผู้ออกแบบได้ให้ความสำคัญในเรื่องของ Space และการยืดพื้นที่ให้มีความพอดี เหมาะสมกับการใช้สอยได้จริง อย่างในส่วนของมุมรับแขก หรือห้องนั่งเล่นของครอบครัว ที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้านแนวคิดแบบญี่ปุ่นด้วยแนวคิด Smart Living ที่ให้ความสวยงามตั้งแต่แรกเห็น ปรับมาสู่ความอบอุ่นที่ผสานความ Luxury ของการอยู่อาศัยที่สะท้อนการใช้ชีวิตของคุณได้จริงๆ มุมนี้จึงให้พื้นที่กว้างขวาง จัดวางชุดโซฟาได้ชุดใหญ่ นั่งพักผ่อนหรือรับแขกกันได้คราวละหลาย มีประตูเปิดเชื่อมกับเทอเรสภายนอกได้กว้างมาก ภายในบ้านจึงเย็นสบาย

ความต้องการให้บ้านสามารถใช้งานได้ทุกตารางเมตร เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดจะเจอส่วนของมุมที่จัดไว้สำหรับทำเป็นห้องทำงานขนาดพอเหมาะ มีพื้นที่ให้ตั้งโซฟา และตั้งโต๊ะทำงานได้แบบสบายๆ

ถัดมาเป็นส่วนของห้องครัวขนาดกะทัดรัดที่เหมาะกับขนาดของครอบครัวคนไทย ออกแบบให้เป็นห้องครัวแบบเปิด มีแพนทรี่ยาวไว้เป็นส่วนจัดเตรียมอาหารและเก็บล้าง มีท๊อปเคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ เป็นโทนสีดำที่สื่อถึงความอบอุ่นในแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างยิ่ง มีเตาทำอาหารที่มาพร้อมฮู้ดดูดควัน เค้าท์เตอร์ครัวที่มีตู้สำหรับเก็บของได้ด้วย ด้านในมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นได้สบายๆ

ในส่วนของโซนรับประทานอาหาร ด้วยวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นมักนิยมชักชวนเพื่อนบ้านหรือญาติๆ มาร่วมทานอาหารที่บ้าน การจัดวางโซนทานอาหารจึงจัดให้อยู่ส่วนกลางๆ บ้าน ช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย แขกที่มาเยี่ยมไม่จำเป็นต้องเดินไปลึกภายในบ้าน พื้นที่ตรงกลางมีขนาดกว้างพอสำหรับวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 8 ที่นั่ง ซึ่งสามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ ที่ด้านข้างมีประตูเปิดเชื่อมกับ Terrace ด้านนอกได้ โซนดังกล่าวออกแบบอย่างปลอดโปร่งช่วยให้ภายในอากาศถ่ายเทได้ดี

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าบ้านเดี่ยวของโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อต่อเติมความหมายดีๆ ให้ชีวิต บนอิสระแห่งการพักอาศัย ทุกรายละอียดจึงสะท้อนทุกองศาความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยทุกวัย มีการขยายพื้นที่เทรนดี้ให้กว้างขวางขึ้นทุกตารางนิ้ว ชาร์จความสุขเต็มอิ่มด้วยมุมพักผ่อนส่วนตัวแบบไร้กรอบ เต็มที่กับพื้นที่การใช้งานอย่างต่อเนื่อง อย่างห้องนอน1 ที่อยู่บริเวณชั้นล่างนี้ ได้ออกแบบเอาไว้รองรับผู้สูงอายุของบ้าน ในห้องมีความโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ทางซ้ายแยกเป็นพื้นที่ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น หรือโต๊ะทำงานขนาดพอเหมาะ สามารถมองออกไปยังพื้นที่สีเขียวรอบๆ บ้านได้ เป็นการออกแบบบ้านสบาย ที่เพียบพร้อมด้วยฟังค์ชั่นการพักผ่อนแบบนี้ เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ อยู่กันได้สบายตั้งแต่ปู่ย่าจนถึงหลาน ๆ ได้เลย

ส่วนชั้น 2 ของบ้านจะเป็นบันไดทางขึ้นที่หลบไว้ด้านหลังผนัง ช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน พื้นที่ใต้บันไดใช้สำหรับเก็บของได้มีความกว้างที่ยืนได้แบบสบายๆ ตอนแรกที่เห็คิดว่าเป็นห้องนอนขนาดย่อม ภายในมีอากาศถ่ายเทดีสามารถหายใจได้

ขึ้นมาแล้วจะพบกับห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง เป็นห้อง Master มีห้องน้ำในตัว 1 ห้อง และห้องนอนเล็กอีกสองห้องที่ต่างก็มีห้องน้ำในตัว จุดพิเศษของห้องนอน Master นอกจากจะกว้างใหญ่และมีห้องน้ำในตัว ยังมาพร้อมกับอ่างอาบน้ำร้อน-น้ำเย็น ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความผ่อนคลายมากกว่าห้องอื่น ๆ รวมทั้งมี Walk-in Closet ที่กว้างขวาง จัดไว้เป็นสัดส่วน เอาใจทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายของบ้านได้ทั้งคู่ จะเก็บเสื้อผ้า ของใช้ หรือแอสเซสเซอรี่ใดๆ ก็ได้ตามต้องการ

ห้องนอนอีก 2 ห้อง ถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ในบ้านตัวอย่างทางโครงการตกแต่งไว้เป็นห้องนอนแบบญี่ปุ่น ให้ทั้งลูกชายและลูกสาว โดยการตกแต่งใช้เตียงนอนต่ำ สูงกว่าพื้นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอ่านหนังสือและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จะบิ้วท์อินเป็นชั้นวางหนังสือหรือวางอะไรก็ได้ตามแบบที่ชอบ

ในห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะมีห้องน้ำในตัว โดห้องน้ำในห้องนอนจะแยกโซนเปียกแห้งชัดเจน มีช่องหน้าต่างระบายอากาศ ซึ่งจุดเด่นของห้องน้ำ master bedroom ของที่นี่เป็นระบบอัจฉริยะ ผนังของทุกห้องใช้วัสดุปิดผิวลามิเนตชนิดกันน้ำช่วยป้องกันคราบสกปรก คราบเชื้อราได้ ห้องน้ำจึงดูแลรักษาง่าย สะอาดอยู่เสมอ อีกทั้งยังใส่ใจทุกการใช้งาน มีตำแหน่งปลั๊กไฟไว้ให้พร้อม

นอกจากนี้บนชั้นนี้ได้ออกแบบให้มีพื้นที่ของ ห้อง Family Room ไว้บนชั้น 2 ด้วย เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้มานั่งพูดคุย กระชับความสัมพันธ์กันได้มากขึ้นนั่นเอง เหล่านี้เรียกว่าเป็นจุดเด่นของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่าทุกพื้นที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกจุดจริงๆ

AIRI พระราม2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีทั้งหมด 79 ยูนิต จุดเด่นของบ้านคือให้ความโปร่ง ด้วยความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.7 เมตร ทุกหลัง แบบบ้านมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ คือ

AI-CON Type L พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำในตัว 3 ที่จอดรถ เพิ่มพื้นที่เก็บของทั้งภายในและภายนอกตัวบ้าน เติมเต็มด้วยส่วน Service หลังบ้าน

AI-CRAF Type M พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ที่จอดรถ เพิ่มพื้นที่เก็บของทั้งภายในและภายนอกตัวบ้าน

AI-STY Type S พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ที่จอดรถ พื้นที่รับแขกทั้งชั้นบนและชั้นล่าง พร้อมพื้นที่เก็บของทั้งภายในและภายนอกตัวบ้าน

จากที่เราได้มาเดินเยี่ยมโครงการ AIRI พระราม2 และได้ดูบ้านตัวอย่างถึง 2 Type คือ Type M และ Type L พบว่ามีความแตกต่างกันไม่มากนัก จะต่างกันตรง Type L จะให้ความกว้าง และโปร่งโล่งกว่า แต่บ้านทุก ๆ หลังยังคงสไตล์ญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน แต่ละหลังสามารถต่อเติมข้างบ้านให้เป็นมุมนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับจัดสวนไว้รอบๆ บ้าน ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์ได้เหมือนๆ กัน

บรรยากาศรอบๆ โครงการก็เป็นไปอย่างอบอุ่น ในส่วนของ Facilities ของโครงการก็มีให้อย่างครบครันแบบไม่ต้องห่วง ทั้ง Fitness, lสระว่ายน้ำระบบเกลือ สวน และสนามเด็กเล่น พร้อมระบบ Security ที่เพียบพร้อมทั้งระบบควบคุมการเข้า-ออกโครงการ ระบบกล้องวงจรปิด และมี รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ใครที่ชื่นชอบสไตล์ญี่ปุ่น ต้องรีบไปเลือกชมและสัมผัสของจริงที่โครงการกันได้เลย ที่นี่มีบ้านตัวอย่างให้สามารถเดินดูได้ทุกซอกมุม มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา และแนะนำอย่างละเอียด

อย่ารอช้าหากต้องการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเร่งรีบ และปล่อยให้ทุกอย่างไร้ขอบจำกัดของเวลา มาที่ AIRI พระราม2 ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้คุณทุกอย่าง ทั้งการเดินทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งสะแกงาม 14 เลียบวงแหวนกาญจนา หรือพระราม2 ซอย 73 –บางกระดี่1 และเส้นทางด่วนเฉลิมมหานคร และวงแหวนอุตสาหกรรม อีกทั้งรายล้อมไปด้วยพื้นที่อำนวยความสะดวกใกล้สถานที่พักผ่อน ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และสถานศึกษาชั้นนำ เรียกว่าช่วยออกแบบให้ทุกวันของคุณ ได้มีเวลามากกกว่าที่เคย

นอกจากโครงการที่พระราม2 ที่เป็นบ้านเดี่ยวกลิ่นอายญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพแล้ว AIRI ยังมีทำเลใหม่ที่น่าสนใจอย่างที่ “แจ้งวัฒน” มานำเสนอ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจด้วยทำเลศักยภาพสูง การคมนาคมสะดวกสบาย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีแดง อยู่ไม่ไกลจากทางด่วน 2 สาย ล้อมรอบไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย

อาทิ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ถือเป็นทำเลศักยภาพที่เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

ใครที่กำลังมองหาบ้านสักหลังที่ให้ทั้งความอบอุ่น มีพื้นที่สีเขียวให้มอง สามารถเป็นที่หลบหนีความวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกันสังคมความเจริญก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม การเดินทางสะดวกเข้าใกล้เมือง ใกล้ธรรมชาติ ที่ AIRI พร้อมให้คุณมาเลือกใช้ชีวิตได้ในแบบที่ต้องการ ทั้งโครงการ AIRI พระราม 5 ที่กำลังเปิดขายอยู่ตอนนี้แล้ว, โครงการ AIRI แจ้งวัฒนะและโครงการ AIRI พระราม 2 ทั้งหมดนี้เป็นโครงการที่มี Location ใหม่ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

  • ดูรายละเอียดแอริ ทั้ง 3 โครงการได้ที่ https://goo.gl/z4G5pk