ไม่รู้ว่าอินกับหนังที่หว่องกาไวกำกับมากไปหรือเปล่า เลยทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของฮ่องกงออกจะเป็นเมืองเหงาๆหน่อย เพราะหนังแต่ละเรื่องของผู้กำกับคนนี้มักสื่อถึงความเศร้าหม่นปนเดียวดาย แต่ถึงอย่างไรฮ่องกงก็ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในตัวเองและเชิญชวนให้ใครต่อใครแวะเวียนมาเยือนอยู่เสมอ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ วัดซีซ้าน
“ไปฮ่องกงทำไมตั้งเกือบสิบวัน” เสียงใครคนหนึ่งถาม ผมเองก็ได้แต่คิดว่า “ไม่รู้เหมือนกัน” เคยมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าชีวิตเราอยู่นิ่งๆมากเกินไป ให้ลองข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ที่ที่มีฮวงจุ้ยดี ก็จะเป็นการเสริมดวงบารมี เพิ่มพลังบวกให้ตัวเราเอง อันนี้ก็ฟังเขามาอีกทีนะครับ จริงๆไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ผมไปฮ่องกงหรอก วัดซีซ้าน
ฮ่องกงเป็นเมืองเล็กๆที่คนส่วนใหญ่อาจใช้เวลามาเที่ยวแค่ไม่เกิน 5 วันก็เพียงพอสำหรับการเที่ยวชมจุดแลนด์มาร์กสำคัญ บ้างมาไหว้พระขอพร ไม่ก็ช็อปปิ้ง ชิมอาหาร หรือเช็กอินตามจุดต่างๆที่มีนักรีวิวเขียนเอาไว้ แต่สำหรับผมขอถือคติไม่รีบร้อน ผมจึงใช้เวลาในแต่ละวันไปอย่างเนิบช้า เริ่มต้นด้วยการตื่นเช้าไปวิ่งชมเมืองในย่านเทมเปิ้ลสตรีทถึงมงก๊ก วนรอบไปจนถึงท่าเรือเฟอร์รี่ที่ข้ามไปยังฝั่งฮ่องกง วนกลับมาถึงที่พัก นี่เป็นวิธีทำความรู้จักเมืองและเส้นทางต่างถิ่นในแบบของผม
หลังวิ่งเสร็จก็หาอาหารในตลาด รองท้องเบาๆ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ผมสนุกกับการเลือกของกินมาก ตลาดสดที่ฮ่องกงมีความคล้ายกับบ้านเรา ต่างกันแค่ภาษาเท่านั้น แต่ไม่ยากเกินกว่าจะสื่อสารให้เข้าใจกันได้ มีคนเคยบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่นเป็นอย่างไร ให้เดินสำรวจตลาด ผมว่าก็จริงนะ วิถีชีวิตของเมืองที่ได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจดีและมีนักท่องเที่ยวมาเยือนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกมีอะไรให้น่าค้นหาไม่น้อยเลยล่ะครับ
การมาเที่ยวครั้งนี้ผมไม่ได้วางแผนอะไรมาก ดังนั้นเพื่อนที่อยู่ฮ่องกงจึงแนะนำ 2 สถานที่ที่อาจไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่นักให้ผมลองไปเที่ยวดู ที่แรกคือ เกาะเฉิ่งเจ้า (Cheung Chau) เป็นเกาะที่ไม่มีการสัญจรด้วยรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือเครื่องยนต์ใดๆ คนบนเกาะใช้การเดินเท้าและปั่นจักรยานเท่านั้น คนท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่าในช่วงที่ฮ่องกงเกิดวิกฤตฟองสบู่แตก นักธุรกิจพากันมาทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) บนเกาะนี้เป็นจำนวนมาก ก็เลยลือกันเรื่องผีดุ แต่ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของแบ็กแพ็กเกอร์และนักท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ประเภทมาเป็นกลุ่มใหญ่มีไกด์นำเที่ยวนั้นไม่มีแน่นอน ที่นี่จึงเหมาะกับผู้ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ
บนเกาะเฉิ่งเจ้าจะมี “เทศกาลซาลาเปา” จัดในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ดังนั้นหากใครอยากแวะมาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดชิมซาลาเปา ซึ่งมีรสชาติอร่อยมากๆ เชื่อกันว่าถ้าได้กินซาลาเปาที่เกาะเฉิ่งเจ้าแล้วจะโชคดี หรือหากใครเป็นสายวิ่งสายเดินป่า บนเกาะเฉิ่งเจ้ามีเส้นทางวิ่งและเดินป่าที่สวยงามมาก การเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยาก ให้ลงเรือที่ท่าเรือ Central Ferry Pier No. 5 ที่ฝั่งฮ่องกง ใช้เวลาเดินท างประมาณ 40 นาที แล้วมาขึ้นที่ท่า Cheung Chau (เช็กรอบเรือได้ที่ www.nwff.com.hk/route
อีกที่หนึ่งที่ผมมีโอกาสไปเยือนคือ วัดซีซ้าน ในย่านไทโป เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมที่มีความสูง 76 เมตร ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับสองของโลก สร้างโดยลีกาชิง เศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกง ใช้เงินถึง 3,000 ล้านเหรียญฮ่องกง มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ และส่งเสริมวัฒนธรรมการแบ่งปันและการให้ ในแต่ละปีจะมีการเปิดรับอาสาสมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมฝึกปฏิบัติจิตอีกด้วย
การออกแบบสถาปัตยกรรมเป็นไปตามแบบสมัยราชวงศ์ถัง ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินเขามองไปเบื้องหน้าเป็นวิวทะเล ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลังที่มีความเชื่อมโยงกัน อาคารหลักหลังหนึ่งมีทางเชื่อมไปยังคอร์ต ยาร์ดด้านหลังที่จะนำไปสู่องค์เจ้าแม่กวนอิมที่หล่อด้วยทองแดง แล้วเคลือบฟลูออโรคาร์บอนสีขาว ซึ่งจะทำความสะอาดตัวเองทุกครั้งที่มีฝนตก ส่วนรูปแบบองค์เจ้าแม่กวนอิมจำลองมาจากสมัยราชวงศ์ซ่ง หัตถ์ขวาถือไข่มุก หัตถ์ซ้ายถือแจกันเทน้ำบริสุทธิ์เพื่อชำระล้างสิ่งเลวร้าย การเข้าชมต้องจองผ่านทางเว็บไซต์ของวัดเท่านั้น (https://registration.tszshan.org/book/selectpeople) และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน สำหรับการเดินทาง ให้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีฟ้ามุ่งหน้ามาที่สถานี Tai Po Market แล้วเดินออกทางออก B จะพบแท็กซี่ แล้วบอกว่าไป “ซีซ้านจี๋” แท็กซี่ก็จะพาคุณไปส่งที่ประตูทางเข้าวัดเลยครับ การเดินทางทุกครั้งหากเราไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง ลองหาโอกาสมาใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ต้องรีบ ร้อน ผมว่าก็เป็นวิธีที่ดีในการเติมพลังให้ชีวิตได้เช่นกันครับ
เรื่องและภาพ : ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
เรื่องที่น่าสนใจ