เมื่อหน้าร้อนเดินทางมาทักทายอีกครั้งด้วยไอแดด และอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ “ แอร์ ” จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่จำเป็นอันดับต้น ๆ ที่ช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำ ชื่นใจ แต่ยิ่งเปิดมากค่าไฟในช่วงนั้นก็ยิ่งบานปลายมากตามไปด้วย วันนี้บ้านและสวนมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้ทุกการ เปิดแอร์ คลายร้อนนั้น ประหยัดค่าไฟแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลมาฝากกันค่ะ
เปิดแอร์อย่างไรให้ประหยัดไฟ
ขั้นแรก เมื่อกลับเข้าบ้านอย่าเพิ่งคว้ารีโมตกด เปิดแอร์ ทันที ควรเปิดประตู หน้าต่าง ให้อากาศภายนอกถ่ายเทเข้ามาในห้องก่อน หรือใช้พัดลมช่วยระบายอากาศอีกแรง เพื่อช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในห้องตลอดทั้งวันออกไป เมื่ออุณหภูมิในห้องไม่ร้อนเกินไป แอร์ก็ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไปค่ะ
ในขณะ เปิดแอร์ แนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป เช่นการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนอย่างเช่นเตารีด , กาต้มน้ำ หรือแม้กระทั่งการประกอบอาหารด้วยเตาไฟฟ้า นอกจากนี้ปริมาณความชื้นภายในห้อง ( การตากผ้าในห้อง , ปิดประตูห้องน้ำไม่สนิท ) ยังมีส่วนที่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไปอีกด้วยค่ะ การตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 25 องศานั้นเหมาะสำหรับการ เปิดแอร์ในช่วงเวลากลางคืน และอุณหภูมิ 28 – 29 องศา สำหรับช่วงเวลากลางวัน หากใครรู้สึกว่ายังเย็นไม่เพียงพอ สามารถเปิดพัดลมเบา ๆ ร่วมกับการเปิดแอร์ เพื่อช่วยกระจายลมเย็น ให้ทั่วทั้งห้อง โดยค่าไฟลดไปถึงครึ่งหนึ่งเลยจ้า
เมื่อถึงเวลาต้องออกจากบ้าน ปรับเวลาการปิดแอร์ให้เร็วขึ้นอีกประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้แอร์ได้พักเร็วขึ้น ลดระยะเวลาการทำงานให้น้อยลง โดยช่วงเวลาดั่งกล่าวเป็นเวลาที่ความเย็นจากแอร์ภายในห้องยังคงอยู่ เพียงเปิดพัดลมเสริมอีกทาง
เปิดแอร์บ่อยๆ ควรดูแลอย่างไรให้ใช้งานได้นาน
เมื่อเปิดใช้งานแอร์อยู่เป็นประจำ ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดให้ส่วนต่าง ๆ ของแอร์สะอาดอยู่เสมอด้วย ทั้งบริเวณแผ่นกรองฝุ่น รวมถึงบริเวณรอบ ๆ ที่ติดตั้งแอร์ ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการล้างแอร์แบบชุดใหญ่นั้นอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน การล้างแอร์นอกจากจะช่วยทำให้บ้านเย็นฉ่ำ ชื่นใจ จากพลังแอร์ที่ส่งออกไปอย่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 10 % นอกจากแอร์ที่อยู่ภายในห้องแล้ว ตำแหน่งการติดตั้งคอมเพรสเซอร์ก็สำคัญไม่แพ้กัน หลีกเลี่ยงการติดตั้งบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก บริเวณมุมอับ และบริเวณที่โดดแดดส่องโดยตรง เพราะคอมเพรสเซอร์นั้นเป็นตัวระบายความร้อนจึงควรอยู่ในที่ร่ม รำไร ยกให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น
นอกจากนี้การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบ้านให้ร่มรื่นอยู่เสมอ ก็เป็นอีกทางที่สามารถลดค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียไปกับค่าไฟ ที่เกิดจากการใช้แอร์อย่างยั่งยืนคือการติดตั้งอุปกรณ์กันแดด เช่น กระจกหน้าต่างสีชา , ม่านปรับแสง หรือกันสาด และลดอุณหภูมิของอาคารด้วยการปลูกต้นไม้โดยรอบตัวบ้าน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้วการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดห้อง ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดย BTU สูงเกินไป จะทำให้แอร์ตัดบ่อย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลง ความชื้นภายในห้องก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เปลืองพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์
โดยมีวิธีคำนวณขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องง่าย ๆ ดังนี้ BTU = พื้นที่ห้อง ( กว้าง x ยาว ) x ความแตกต่าง โดยความแตกต่างนั้นสามารถแบ่งค่าได้ 2 ประเภทคือ ห้องที่มีความร้อนน้อยใช้เฉพาะกลางคืน = 600 – 700 และห้องที่มีความร้อนสูงใช้กลางวันมาก = 700 – 800 ตัวอย่างเช่น แอร์ที่มีขนาด 9,000 BTU เหมาะกับห้องขนาด 12 – 15 ตารางเมตร , แอร์ขนาด 12,000 BTU เหมาะกับห้องที่มีขนาด 16 – 20 ตารางเมตร และขนาด 18,000 BTU เหมาะกับห้องที่มีขนาด 24 – 30 ตารางเมตรค่ะ
เมื่อรู้ถึงเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะทำให้เราผ่านช่วงอากาศร้อนไปอย่างสบายกระเป๋าสตางค์ บ้านและสวนชวนมาเลือกซื้อแอร์รับซัมเมอร์ ช้อปสนุก คุ้มสนั่น ไปกับโปรโมชั่นคูปองส่วนลดจาก Tesco Lotus รับทันทีคูปองส่วนลด 1,000 บาท ! เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศราคา 13,000 บาท ขึ้นไป จำกัดสิทธิ 1 เครื่อง/ 1 ใบเสร็จ (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
- ระยะเวลาโปรโมชั่นคูปอง 19 มีนาคม 2563 – 25 มีนาคม 2563
- ระยะเวลาโปรโมชั่นสินค้า 5 มีนาคม 2563 – 25 มีนาคม 2563
- โปรโมชั่นคูปองส่วนลดไม่ร่วมรายการที่ตลาด โลตัส และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส
- โปรโมชั่นสินค้าไม่ร่วมรายการที่เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส
รีบเข้าไปโหลดคูปองกันได้ที่ลิ้งค์นี้เลย >>> https://bit.ly/3asPxpy