บ้านหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 18 ครั้งแรกที่เข้าไปสำรวจบ้านหลังนี้เพื่อ รีโนเวตบ้านเก่า นั้นเรียกว่าแทบจะอยู่อาศัยไม่ได้แล้วและทรุดโทรมมาก ตัวบ้านมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว พื้นอิฐแตกเสียหาย
โครงสร้างหลังคาไม้ผุพัง บนพื้นที่ 18 ตารางเมตร ปกคลุมไปด้วยความมืด และความหนาวเหน็บ เหลือเพียงกำแพงดินที่ยังดูปรับปรุงใหม่ได้ ภายใต้ความทรุดโทรมนี้กลับสร้างแรงดึงดูดบางอย่างที่สถาปนิกอยากจะเข้ามาทำการ รีโนเวตบ้านเก่า ให้กลับมาใหม่อีกครั้ง
โจทย์จากเจ้าของบ้าน คือต้องการแชร์ทุกพื้นที่เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะห้องครัว ส่วนนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องน้ำ ทุกพื้นที่แทบจะเป็นพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากไว้รองรับแขกและเพื่อนฝูงตลอดเวลา พื้นที่ส่วนตัวจึงเหลือแค่เพียงเตียงนอนของเจ้าของบ้านเท่านั้น ผลลัพธ์หลังการปรับปรุงยังคงบรรยากาศของบ้านในศตวรรษที่ 18 ไว้ โดยทำการปรับปรุงโครงสร้างและตกแต่งใหม่เพียงเล็กน้อย ได้แก่ เสริมความแข็งแรงแก่ผนัง บำรุงผนังดินอัดเดิม เปลี่ยนประตู หน้าต่างที่ทรุดโทรม และทำการขัดเงาพื้นคอนกรีตเสียใหม่
ในส่วนของหลังคาที่มีความทรุดโทรมมาก จึงทำการเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เลยใช้ประโยชน์ในการเปลี่ยนหลังนี้ในการแก้ปัญหาห้องนอนไปในตัว โดยคานใหม่ยึดเข้ากับผนังทำเสมือนห้องนอนลอยตัว ใช้โครงสร้างทรัสจากไม้ยูคาลิปตัสในระยะ 1.55 เมตร แล้วทำการวางเตียงเข้าไปในช่วงระยะทรัสแบบพอดิบพอดี
กระเบื้องหลังคาเก่าเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จึงนำไปปูในส่วนของลานบ้านแทน ในส่วนของหลังคาใหม่ปูด้วยแผ่นยางจากล้อรถเก่ามาเป็นวัสดุทดแทนและกระจกรีไซเคิลที่ช่วงดึงแสงธรรมชาติ ความอบอุ่นเข้าสู่พื้นที่ภายใน
ออกแบบ: Al Borde
ภาพ: JAG Studio, Al Borde & ENOBRA
เรียบเรียง: BRL