มีนักลงทุนหลายท่านเลือกที่เลือกลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์เพราะเป็นทางเลือกที่เห็นผลได้ชัดเจนแม้จะต้องแลกมาด้วยการใช้เวลาซักหน่อย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ดินล้วนแล้วแต่มีมูลค่าสูงขึ้นทุกๆปี ตามการเติบโตของเมือง เพราะฉะนั้นหากเมืองนั้นๆมีอัตราการเติบโตที่สูง มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตสูงตามไปด้วยสัมพันธ์กัน การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาทางผังเมืองจึงมีความสัมพันธ์กับราคาของอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งหากพิจารณาดูจากราคาที่ดินและการเติบโตของเมืองนั้น กรุงเทพมหานครคงจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ดังจะเห็นได้จากราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า อย่างไรก็ดี อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ นั้นก็ใช่ว่าจะหาเจอตามที่ต้องการและได้มาได้ง่ายๆ เพราะการแข่งขันที่สูงยิ่งดีดราคาต่อแปลงให้สูงขึ้นไปตามกัน การมองหาที่ดินที่มีความเป็นไปได้ในการลงทุนที่อื่นจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และเรากำลังจะมาแนะนำ 11 จังหวัดที่น่าลงทุนนอกจาก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกัน
ลองมองดูอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จะเห็นได้ว่าการเปิด AEC ทำให้เกิดการพัฒนาในหลายๆด้านตามจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงคลัง โดย นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เผยการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศใหม่จะแล้วเสร็จภายในปี 2560 ว่า ที่ดินในต่างจังหวัดจะมีราคาเพิ่มขึ้นราว 30% ส่วนในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นราว 15% ซึ่งที่ดินตามแนวรถไฟฟ้ามีการปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก 70-75% ทั้งนี้ ราคาที่ดินที่ปรับขึ้นเป็นการประเมินเปรียบเทียบราคากับเมื่อปี 2556
โดยเหตุปัจจัยของการพัฒนานั้นเกิดขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานซึ่งแบ่งออกตามประเภท 2ประเภทคือ
1. จังหวัดหัวเมืองใหญ่ มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พิษณุโลก ขอนแก่น และชลบุรี
จังหวัดเหล่านี้เป็นจังหวัดที่มีการเติบโตตั้งอยู่บนการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่องๆ และยังเป็นจังหวัดที่เชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศ เช่น เส้นทางคมนาคมขนส่งของประเทศลุ่มน้ำโขงซึ่งเมืองใหญ่เหล่านี้จะเปรียบเสมือนหมุดหมายสำคัญคือ เชียงใหม่ พิษณุโลก และ ขอนแก่น และเส้นทางคมนาคมทางอากาศก็จะมีสนามบินนานาชาติภูเก็ต และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาซึ่งจะแล้วเสร็จในเร็ววันนี้
2. จังหวัดหน้าด่านชายแดน มี 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา เชียงราย ตาก มุกดาหาร หนองคาย และกาญจนบุรี
ซึ่งในเส้นทางคมนาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ GMS นั้น ทำให้จังหวัดเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์ทางกิจกรรมการค้าและการลงทุนตามแนวชายแดนตามไปด้วย อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยตัวขับเคลื่อนที่สำคัญคือเหล่าสะพานมิตรภาพที่กำลังเปิดใหม่ในหลายๆที่เช่น สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 บ่อแก้ว ซึ่งได้เปิดใช้ไปแล้ว และ สะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-ปากซัง) และแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-แขวงสาละวัน)ซึ่งจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้
เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อศึกษาดูทิศทางการพัฒนาของทั้งประเทศไทยเองและประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว การเริ่มลงทุนอสังหาริมทรัพย์ใน 11 จังหวัดข้างต้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนจะพลาดไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าจังหวัดทั้งหลายนั้นกำลังจะเกิดเป็นเส้นทางเศรฐกิจอาเซียน ซึ่งในเร็วๆ นี้เมื่อกฏหมายภาษีที่ดินฯใหม่นั้นถูกกำหนดใช้ ผู้ที่จะกระทบจริงๆ ก็คงจะเป็นที่ดินที่ถือครองไว้เปล่าๆ เพราะกฏหมายฉบับนี้เน้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้มากที่สุด การถือครองที่ดินที่ปรับเปลี่ยนให้เกิดเป็นธุรกิจนั้นจึงเป็นวิธีการที่ แทบไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่หลายๆ ท่านกลัว อีกทั้งในอนาคตอันใกล้เมื่อมองถึงการออมในรูปแบบอื่น เช่นการฝากธนาคารออมทรัพย์ เหตุการณ์ดอกเบี้ยเงินฝาก 0% อาจจะทำให้ผู้ใช้บริการเริ่มที่จะต้องทบทวนเสียใหม่กับการลงทุนและออมทรัพย์ที่หวังจะให้เกิดผลกำไรงอกเงยในอนาคต
ถ้าหากท่านผู้อ่านสนใจในการลงทุนทางอสังหาริมทรัพย์แล้ว SAM หรือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ก็พร้อมจะเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับทุกๆท่าน ทั้งนี้ SAM ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของรัฐ ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เป็นประโยชน์แก่ ลูกค้า นักลงทุนและประชาชนทั่วไป ติดตามข่าวสารได้ที่ www.sam.or.th หรือติดต่อ Call Center 02-686-1800