สะท้อนเรื่องราวระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ผ่านงานดีไซน์กึ่งประติมากรรม One After Another จากวัสดุหมุนเวียนโดย loqa ร่วมกับ Studio Locomotive “One After Another” ผลงานดีไซน์กึ่งประติมากรรมที่ถูกทำขึ้นเพื่อจัดแสดงในพื้นที่ TIDA Salone โดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย ณ งานสถาปนิก 2568 (ASA Expo) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง loqa นักต่อยอดวัสดุเหลือใช้ให้เกิดมูลค่าใหม่ กับผู้ออกแบบ Studio Locomotive สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ ผ่านแนวคิด “Every step forward leaves a footprint behind” เป็นการใช้วัสดุเหลือใช้มาออกแบบเป็นผลงานใหม่ ที่เน้นถ่ายทอดธีมของธรรมชาติผ่านวัสดุรีไซเคิลด้วยการนำมาขึ้นรูปเป็นชิ้นงาน 5 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นมีรูปร่างที่ดูละม้ายคล้ายสัตว์ทะเลสงวน 5 ชนิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้แก่ วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ พะยูน ฉลามวาฬ และเต่ามะเฟือง

One After Another มีส่วนประกอบทั้ง 5 ชิ้น ของผลงานนี้ ได้รับการผลิตขึ้นจากการรีไซเคิลชิ้นส่วนเซรามิกที่ถูกคัดทิ้งในปริมาณ 80% ของชิ้นงาน โดยชิ้นงานทั้ง 5 ชิ้น จะไม่สามารถตั้งอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องนำมาจัดเรียงและวางต่อกันจนกลายเป็นโครงสร้างแบบขั้นบันไดอันแข็งแรง เป็นแนวคิดที่ต้องการให้ชิ้นงานเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสัตว์ทะเลแต่ละชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ พร้อมกันนั้นยังต้องการสื่อสารสภาพที่เป็นอยู่ของทะเลอันดามันและอ่าวไทยที่กำลังถูกคุกคามจากพฤติกรรมมนุษย์ ความหมายแฝงที่สำคัญในแนวคิดนี้ คือชิ้นงานทั้ง 5 ชิ้นจะต้องอยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกัน หากปล่อยไว้เพียงลำพังจะล้มลง หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการสื่อว่า ทุกชิ้นส่วนมีความสำคัญต่อการประกอบเป็นภาพที่สมบูรณ์และตั้งอยู่ได้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของระบบนิเวศที่สมบูรณ์นั่นเอง

ในด้านรูปลักษณ์ ประติมากรรมแต่ละชิ้นออกแบบให้ปรากฎรูปร่างที่แสดงถึงลักษณะเด่นของสัตว์ทะเลสงวนอย่าง วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ พะยูน ฉลามวาฬ และเต่ามะเฟือง โดยเมื่อชิ้นงานทั้ง 5 ได้รับการประกอบเข้าด้วยกันจะเป็นโครงสร้างคล้ายบันไดฐานกว้าง มีราวจับสองด้าน สามารถปีน เป็นที่นั่ง หรือเดินข้ามเป็นสะพานได้เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ใช้เวลาสร้างปฏิสัมพันธ์และพินิจองค์กระกอบของชิ้นงานผ่านหลายประสาทสัมผัส โดยไม่ต้องการให้เป็นประติมากรรมที่มีไว้มองอย่างเดียว แต่ต้องการให้คนได้มาสัมผัส นั่ง และปีนป่าย รับรู้ถึงประเด็นที่ผู้ออกแบบต้องการสื่อสารได้อย่างชัดเจน


การสร้างสรรค์ผลงานนี้เป็นการนำวัสดุที่เหลือจากกระบวนการอุตสาหกรรมอย่าง เซรามิกบดละเอียด แก้ว และขี้เถ้ามาใช้ มีข้อดี คือความทนทานสูง ทนต่อแรงกดทับ และแรงกระแทก แม้ต้องแยกชิ้นส่วนประกอบซ้อนกัน หรือผ่านการขนย้ายหลาย ๆ ครั้งก็ไม่เสียหาย แต่ในด้านการผลิตกลับมีความท้าทายอย่างมาก เพราะเมื่อสำเร็จแล้ว ประติมากรรมแต่ละชิ้นจะมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กระบวนการออกแบบจึงต้องมีการสร้างช่องว่างภายใน (Internal voids) เพื่อลดน้ำหนัก แต่ยังคงความแข็งแรงมากพอสำหรับให้คนขึ้นไปนั่งทับได้ โดยในอนาคตมีความต้องการจะพัฒนาชิ้นงานอย่างต่อเนื่อง และจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาขยะในทะเลได้จริง






อย่างไรก็ตาม “One After Another” นับเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานออกแบบมาสร้างความตระหนักรู้ในสังคม ด้วยความเชื่อที่ว่า “การตระหนักรู้ คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง” ผ่านชิ้นงานที่สะท้อนทั้งความงามและความเปราะบางของสิ่งแวดล้อมทางทะเล เหมือนกับที่ คุณนนท์- นรฤทธิ์ วิสิฐนรภัทร เจ้าของแบรนด์ loqa กล่าวไว้ว่า “ความยั่งยืน ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องยาก หรือไกลตัว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือการเปลี่ยนมุมมองแทนที่จะมองสิ่งของที่ทิ้งแล้วว่าเป็นของเสีย หรือขยะ แต่ควรจะมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็น “วัตถุดิบ” ที่มีศักยภาพ เพราะฉะนั้นความสามารถในการคัดแยกและจัดการวัสดุเหล่านี้ คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการตระหนักถึงความเป็นไปได้ของสิ่งเหล่านั้น”

เรียบเรียง: Lily J.
ภาพ: loqa – Studio Locomotive
Mycelium Home Products เส้นใยจากเห็ดสู่ ” ไมซีเลียม ” วัสดุใหม่ปลูกได้