"ไมซีเลียม" เส้นใยจากเห็ดสู่วัสดุใหม่ปลูกได้ - room

Mycelium Home Products เส้นใยจากเห็ดสู่ ” ไมซีเลียม ” วัสดุใหม่ปลูกได้

ในโลกที่ทุกอย่างถูกเร่งให้เร็วขึ้น การบริโภคสินค้าอย่างไร้ขีดจำกัด กลับพาเราให้ย้อนกลับมาถามคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งของที่เราใช้ในแต่ละวัน ส่งผลต่อโลกอย่างไร?” และถ้าเราจะช่วยชะลอให้โลกเสียหายช้าลง มีข้าวของชิ้นไหนในชีวิตประจำวันทุกวัน ที่พอจะช่วยสิ่งนั้นได้บ้าง? นี่คือคำถามที่นำพา Spirulina Society แบรนด์สินค้าดีไซน์ยั่งยืน ก้าวเข้าสู่โลกของ “วัสดุปลูกได้” ที่ชื่อว่า ไมซีเลียม (Mycelium)

ไมซีเลียม (Mycelium) คือ เส้นใยใต้ดินของเห็ด หรือ รากของเชื้อรา ที่นำมาเพาะเลี้ยงบนวัสดุเหลือใช้เพื่อผลิตวัสดุชีวภาพที่ย่อยสลายได้ 100% ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญคือสามารถเจริญเติบโตได้โดยอาศัยเศษวัสดุอินทรีย์ต่าง ๆ เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย กากกาแฟ หรือเปลือกไข่ เมื่อเติบโตเต็มที่ เส้นใยเหล่านี้จะถักทอกันแน่น จนกลายเป็นวัสดุแข็งแรงที่สามารถขึ้นรูปได้ตามต้องการ

ไมซีเลียม (Mycelium) คือ เส้นใยใต้ดินของเห็ด หรือ รากของเชื้อรา ที่นำมาเพาะเลี้ยงบนวัสดุเหลือใช้เพื่อผลิตวัสดุชีวภาพที่ย่อยสลายได้ 100%
ไมซีเรียมถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น บรรจุภัณฑ์แทนโฟม ของตกแต่งบ้าน โคมไฟ แผ่นฉนวนกันเสียง วัสดุก่อสร้างชั่วคราว รวมถึงวัสดุทางเลือกในแฟชั่น เช่น หนังเทียมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันไมซีเรียมถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น บรรจุภัณฑ์แทนโฟม ของตกแต่งบ้าน โคมไฟ แผ่นฉนวนกันเสียง วัสดุก่อสร้างชั่วคราว รวมถึงวัสดุทางเลือกในแฟชั่น เช่น หนังเทียมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไมซีเรียมจึงเป็นวัสดุที่ทั้งสวยงาม ใช้งานได้จริง และช่วยลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน

โดยคุณเยล-อัญญา เมืองโคตร นักออกแบบชาวไทย ผู้ก่อตั้ง Spirulina Society ได้เล็งเห็นคุณสมบัติเด่นของไมซีเลียมที่เหมาะกับการนำมาเป็นวัสดุทางเลือกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการย่อยสลายได้ 100% โดยไม่ทิ้งสารพิษ ไม่ต้องใช้กาวหรือสารเคมีในการขึ้นรูป เนื่องจากตัวไมซีเรียมเองทำหน้าที่เป็นกาวธรรมชาติที่ยึดวัสดุให้ติดกันได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ (waste-based) ใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือเศษอาหารเป็นอาหารให้เห็ด ช่วยให้ช่วยลดขยะและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต การปลูกไมซีเรียมใช้พลังงานน้อยกว่าโรงงานผลิตวัสดุทั่วไป และไม่ใช้ความร้อนสูงหรือน้ำมาก รวมถึงการปลูกขึ้นเองในห้องปฏิบัติการหรือพื้นที่ขนาดเล็กได้จริง

คุณเยล-อัญญา เมืองโคตร นักออกแบบชาวไทย ผู้ก่อตั้ง Spirulina Society

จุดเริ่มต้นของไมซีเลียมสู่วัสดุแต่งบ้าน

คุณเยลเริ่มสนใจไมซีเลียมในช่วงที่ไปเรียนต่อด้านการออกแบบที่ประเทศอังกฤษ เธอได้เห็นว่าในวงการออกแบบและสตาร์ทอัพทั่วโลกเริ่มทดลองวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติแบบ 100% และลดการพึ่งพาระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม

ในช่วงนั้น คุณเยลเริ่มต้นทดลองจากวัสดุหลากหลาย ทั้งสาหร่ายสีแดง วุ้นเจลาตินจากพืช ไปจนถึงเศษอาหาร แต่เมื่อได้รู้จักกับไมซีเลียม เธอกลับรู้สึกเชื่อมโยงและมองเห็นศักยภาพของมันมากที่สุด ด้วยเหตุผลสำคัญคือ “มันปลูกได้เองจริง ๆ และเราสามารถควบคุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกเวสต์มาเลี้ยงเห็ด ไปจนถึงการขึ้นรูปวัสดุให้กลายเป็นของตกแต่งบ้าน”

คุณเยลมองว่า ไมซีเลียมเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานต่ำ ลดการขนส่งวัสดุเพราะปลูกเองได้ในห้อง และการจัดการในช่วงปลายทางของผลิตภัณฑ์ (end-of-life) ได้ชัดเจนกว่าวัสดุทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อย่อยสลายหรือแยกประเภทได้ง่าย ๆ

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโปรเจ็กต์วัสดุจากไมซีเลียมในฐานะทางเลือกใหม่ของการออกแบบที่ดีต่อผู้ใช้และดีต่อโลกไปพร้อมกัน ซึ่งการนำมาใช้งานเป็นของแต่งบ้าน เช่น โคมไฟ หรือแจกัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เริ่มต้นของแบรนด์ เพราะของประเภทนี้ไม่ต้องแบกรับน้ำหนักมาก ไม่ผ่านการใช้งานหนัก ด้วยคุณสมบัติของไมซีเรียม ที่เป็นวัสดุธรรมชาติผสานเศษวัสดุ มีน้ำหนักเบา และคล้ายกับฟองน้ำ ทำให้เหมาะกับบริบทการใช้งานลักษณะนี้มากกว่าการเอาไปใช้ทำเก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ หรือโครงสร้างที่ต้องรองรับแรงกดหนัก ๆ

ดีไซน์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับความยั่งยืน

แม้ว่าความยั่งยืนจะเป็นหัวใจสำคัญ แต่ทางแบรนด์ก็ไม่ลืมว่าสิ่งที่คนเห็นและตัดสินใจซื้อมาก่อนคือ “ดีไซน์” หรือหน้าตาของผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูด การออกแบบของ Spirulina Society จึงเริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัว ทั้งวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ และแรงบันดาลใจจากธรรมชาติขนาดเล็ก เช่น โครงสร้างของสาหร่าย เส้นใยของเห็ด หรือเนื้อผิวของเปลือกไข่ นำมาออกแบบโดยตั้งต้นจากการใช้งานได้จริง และมีหน้าตาที่สวยงาม เพื่อทำให้คนสนใจ ก่อนที่จะพาตัวเองก้าวเท้าเข้าสู่โลกแห่งความยั่งยืน

โดยกระบวนการผลิตไมซีเลียม เริ่มจากการผสมหัวเชื้อไมซีเรียมกับวัสดุเหลือใช้แล้วใส่แม่พิมพ์ขึ้นรูป จากนั้นปล่อยให้เส้นใยเห็ดเดินคลุมทั่ววัสดุในสภาพแวดล้อมเหมาะสมจนแข็งตัว ใช้เวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงนำวัสดุไปอบเพื่อหยุดการเจริญเติบโตและรักษารูปทรงก่อนนำไปออกแบบใช้สำหรับสินค้าต่อไป

ที่สำคัญ การขึ้นรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ก็ยังคำนึงถึงผลกระทบหลังจากผลิตภัณฑ์ถูกนำไปใช้ ดังที่คุณเยลกล่าวว่า “เราไม่ใช้กาว ไม่ผสมวัสดุที่จัดการไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เราต้องมั่นใจว่าทุกชิ้นสามารถแยกประเภทได้ และกลับคืนสู่ธรรมชาติได้จริง” ผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านจากไมซีเลียม จึงเป็นการออกแบบอย่างยั่งยืนไม่ได้จบที่การเลือกวัสดุเขียว แต่เป็นการเริ่มตั้งแต่การวางแผนว่า สิ่งของชิ้นนั้นจะถูกจัดการอย่างไรเมื่อหมดอายุการใช้งาน อันเป็นวิธีคิดตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ในยุคต่อไปอย่างแท้จริง

ปัญหาของเศษเหลือสู่งานดีไซน์ที่ช่วยโลก

ปัญหาของเสียจากภาคเกษตรกรรม และอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมลพิษ และการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ หากขยะเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง มักจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของขยะในหลุมฝังกลบหรือมลพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น การเกิดมลพิษในน้ำ ในอากาศ และเกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การนำวัสดุเศษเหลือเหล่านี้มาผลิตเป็นไมซีเรียมจะมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะและ ลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดมลพิษและเสริมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ทำให้สามารถใช้วัสดุที่เหลือทิ้งให้เกิดประโยชน์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลดีต่อโลกโดยรวมในการลดการสะสมของขยะ และการใช้ทรัพยากรให้ยั่งยืน

ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ข้อที่ 12 คือ การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ (Responsible Consumption and Production) โดยใช้วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรและอาหารมาเป็นวัตถุดิบ ช่วยลดขยะและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า, ข้อที่ 13 การปฏิบัติการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อที่ 15 การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน (Life on Land) โดยการใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้แทนพลาสติก ช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

โดยการใช้เรื่องของ “ดีไซน์” เข้ามา ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจ โดย room หวังว่าจะได้เห็นงานดีไซน์ที่สร้างความสดใหม่ให้กับแวดวงวัสดุยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพื่อวันหนึ่งโปรดักส์ และวัสดุเหล่านี้จะได้ผสานเป็นเนื้อเดียวกับวิถีชีวิตผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ

Spirulina Society

Spirulina Society คือแบรนด์ผลิตของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้โดยไม่มีสารพิษปนเปื้อนและเป็นวัสดุที่สามารถนำมาหมุนเวียนใหม่ได้ ซึ่งคือ PLA (Polylactic Acid) พลาสติกที่ทำมาจากพืช เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย

ปัจจุบันมีโปรดักต์หลายคอลเล็กชัน เช่น เครื่องเลี้ยงสาหร่าย แจกัน และโคมไฟแจกัน โคมไฟทำจากวัสดุ PLA ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแต่งบ้านจากวัสดุไมซีเลียม

หากวันหนึ่งคุณพบของตกแต่งบ้านที่ทำจาก “รากเห็ด” หน้าตาแบบที่เรานำมาให้ชม ก็อย่าเพิ่งแปลกใจไป เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวัสดุใหม่ ที่น่าตื่นตาตื่นใจในวงการความยั่งยืน ที่สามารถปลูกขึ้นมาได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Spirulina Society

เรื่อง: Natthawat Klaysuban
ภาพ: อภินัยน์ ทรรศโนภาส, tonn


Food Waste Crayons สีเทียนสุดแกรมจากอาหารเศษเหลือ