Villa Pateh บูทีคโฮเต็ลเล่าเสน่ห์ชุมชนสิเกาปนกลิ่นอายคลาสสิก - room

Villa Pateh บูทีคโฮเต็ล พักผ่อนในมุมสงบของสิเกา เล่าเสน่ห์ชุมชนปนกลิ่นอายคลาสสิก

ที่พักแบบบ้านตากอากาศ Villa Pateh เสพบรรยากาศธรรมชาติริมทะเลเงียบสงบ ในชุมชนบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง สถานที่ที่ใครมาถึงก็ต้องสบายใจเหมือนมาหาเพื่อนเก่า

โดย Villa Pateh แห่งนี้ เริ่มต้นมจากเพื่อนรัก 3 คน ที่รู้จักกันตั้งแต่มหาวิทยาลัย กว่า 25 ปี ผ่านไป แม้แต่ละคนจะมีเส้นทางต่างกัน คนหนึ่งกลับบ้านเกิดที่ตรังเพื่อดูแลกิจการครอบครัว อีกสองคนยังใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ทั้งสามยังคงนัดเจอและมาเที่ยวที่ตรังทุกปี จนมาถึงช่วงในช่วงโควิด -19 ระบาด วันที่การเดินทางแทบเป็นไปไม่ได้ เพื่อน ๆ จึงมานั่งคุยกันผ่านหน้าจอ พร้อมประโยคหนึ่งที่หลุดออกมาอย่างจริงใจว่า“อยากให้คนมาเห็นตรัง เหมือนที่เราเห็น…อยากให้เขาได้มารู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อน” จากประโยคนี้จึงนำมาสู่การทำที่พักแบบบูทีคโฮเต็ลเล็ก ๆ อบอุ่น เป็นกันเอง กลมกลืนกับชุมชน

ที่พักแบบบูทีคโฮเต็ลเล็ก ๆ ในจังหวัดตรังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านพักตากอากาศจำลองบรรยากาศบ้านเจ้าเมืองตัวอาคารโปร่งโล่งแบบเรือนภาคใต้ เปิดชั้นล่างและพื้นที่ส่วนกลางรับลมทะเลตามธรรมชาติ
เลือกองค์ประกอบที่สะท้อนรสนิยมของเจ้าเมืองในอดีตมาตีความใหม่ให้เข้ากับภูมิอากาศชายฝั่งและความเรียบง่ายของชีวิตสิเกา

บ้านพักตากอากาศจำลองบรรยากาศบ้านเจ้าเมืองตรัง

ย้อนกลับไปวันวานอดีตเจ้าเมืองตรัง ท่านพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (ท่านคอซิมบี้) ได้สร้างบ้านพักตากอากาศไว้ต้อนรับมิตรสหายริมอันดามัน ทำให้เกิดคำถามว่าบ้านนั้นจะเป็นเช่นไร? ขุนนางในพระนครอาจมีบ้านที่บางปูหรือหัวหิน แต่สำหรับเจ้าเมืองตรังนั้นบ้านควรสะท้อนรสนิยมของผู้นำท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็กลมกลืนกับวิถีชีวิตรอบข้าง นั่นจึงกลายเป็นโจทย์ที่ทีมสถาปนิกและเจ้าของร่วมกันตีความ ก่อนค่อย ๆ คลี่คลายเป็น Villa Pateh บ้านพักที่เชื่อมอดีต ปัจจุบัน และชุมชนเข้าด้วยกัน เหมือนการได้มานอนที่บ้านเพื่อน

ห้องนั่งเล่นตกแต่งด้วยแผ่นเสียงไวนิลหายาก

จากแรงบันดาลใจสู่แนวทางออกแบบตกแต่ง

แนวคิดเริ่มจากการศึกษาบ้านเก่าของท่านเจ้าเมือง ทำให้ต้องลงพื้นที่เก็บรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของยุคสมัยก่อน เลือกองค์ประกอบที่สะท้อนรสนิยมของเจ้าเมืองในอดีตมาตีความใหม่ให้เข้ากับภูมิอากาศชายฝั่งและความเรียบง่ายของชีวิตสิเกา โดยสิ่งสำคัญที่สุดของ Villa Pateh ไม่ได้สร้างให้ “แยกตัว” แต่ตั้งใจ “อยู่ร่วม” แขกที่มาพักจึงไม่ได้รู้สึกว่าไปเยือนสถานที่หรูหรา หากแต่เหมือนได้มานอนบ้านเพื่อนที่เปิดต้อนรับด้วยความจริงใจ นอกจากนี้ ยังจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับชาวชุมชน ผ่านกิจกรรมสำหรับผู้เข้าพักได้เวิร์กชอปเรียนรู้จักวิถีชีวิตของชาวสิเกามากขึ้น กว่าการแค่มานอนพักเพียงอย่างเดียว

ห้องพักให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน อบอุ่นด้วยงานไม้และวัสดุธรรมชาติ แต่ละห้องกว้างขวาง มีระเบียงส่วนตัว

สถาปัตยกรรมและงานออกแบบ

โครงการใช้เวลาก่อสร้างกว่า 4 ปี ร่วมงานใกล้ชิดกับช่างฝีมือท้องถิ่น ตัวอาคารโปร่งโล่งแบบเรือนภาคใต้ เปิดชั้นล่างและพื้นที่ส่วนกลางรับลมทะเลตามธรรมชาติ ใช้วัสดุรอบ ๆ ตัว เช่น ไม้ยางพารา เตยปาหนัน รวมถึงของใช้พื้นถิ่นอย่างโอ่งเก่าที่อยู่ในชุมชนมาประยุกต์ในงานตกแต่งให้ร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายท้องถิ่น

ยังคงเอกลักษณ์บ้านโบราณไว้ เช่น ประตูหน้าต่างไม้จากบ้านเก่ายุคล่าอาณานิคม ร่องรอยอิทธิพลการค้าจากเกาะปีนังที่ส่งผ่านมาถึงตรังและกันตังเพื่อย้ำความทรงจำของเมืองท่าในอดีต

แม้เป็นบ้านสร้างใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์บ้านโบราณไว้ เช่น ประตูหน้าต่างไม้จากบ้านเก่ายุคล่าอาณานิคม ร่องรอยอิทธิพลการค้าจากเกาะปีนังที่ส่งผ่านมาถึงตรังและกันตังเพื่อย้ำความทรงจำของเมืองท่าในอดีต ภายในผสมผสานเฟอร์นิเจอร์ของสะสมกับงานสั่งทำ พื้นที่กลางออกแบบให้ใช้ร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ แทรกตัวตนเจ้าของผ่านแผ่นเสียงไวนิลและภาพถ่ายครอบครัว เพื่อย้ำว่า Villa Pateh ไม่ใช่เพียงโครงสร้างสถาปัตยกรรม แต่หากคือ “บ้านที่มีชีวิต” พร้อมต้อนรับมิตรสหาย

ที่นี่มีห้องพักให้เลือก 7 ห้อง 4 แบบ หนึ่งในคือห้อง Inu (อินู) แปลว่า หลานชาย มีเตียงนอน 2 ชั้น สำหรับกรุ๊ปเพื่อน หรือครอบครัวที่มาพักผ่อนกันหลาย ๆ คน

ห้องพักทั้ง 7 ห้อง มี 4 แบบ ออกแบบในแนว “Local Tropical” กลมกลืนกับธรรมชาติ รายล้อมด้วยทางเดินสั้น ๆ สู่ทะเลอันดามัน แต่ละห้องกว้างขวาง มีระเบียงส่วนตัว อ่างเทอร์ราซโซสั่งทำ และของตกแต่งที่คัดสรรโดยช่างท้องถิ่น ผสานวัสดุพื้นถิ่น งานช่างไทยดั้งเดิม และความสะดวกสบายสมัยใหม่อย่างลงตัว

มีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ตัวชมวิวสีเขียวอย่างสบายใจ

ชื่อที่มาและการเชื่อมโยงวัฒนธรรม

“Villa Pateh” ได้แรงบันดาลใจจากวรรณคดีอิเหนา โดยคำว่า “ปาเธ” มาจากภาษามลายู แปลว่า “ขุนนาง/เจ้าเมือง” ห้องพักแต่ละห้องได้รับการตั้งชื่อตามราชสำนัก เช่น Ratu (กษัตริย์), Raden (เจ้าชาย), INU (หลานชาย) ส่วนห้องอาหาร Bulann Rati มาจากคำว่า “บุหลัน” ที่หมายถึงดวงเดือน การตั้งชื่อเหล่านี้ไม่เพียงเพื่อความสวยงามทางภาษา แต่ยังสะท้อนความตั้งใจที่จะเคารพและให้เกียรติแก่ชุมชนมุสลิมที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดและอยู่ร่วมกับผู้คนในพื้นที่ชุมชนบ่อหินมายาวนาน การเลือกใช้รากคำจากภาษามลายูจึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างป้ายห้องอาหารยังได้รับการออกแบบในทิศทางเดียวกัน โดยได้เชิญศิลปินจากชุมชนให้มาช่วยเขียนภาษาเรือ และลายเรือกอและ เพื่อเชิดชูและอนุรักษ์ศิลปะท้องถิ่นจากนราธิวาสและปัตตานี เป็นอีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและควรได้รับการสืบต่อ

แขกผู้เข้าพักสามารถเลือกทำกิจกรรมเรียนรู้วิถีชุมชนผ่านกิจกรรมท้องถิ่นต่าง ๆ

เช่นเดียวกับการเชื่อมโยงกับชุมชนรอบ ๆ อันเป็นหัวใจของที่นี่ ตั้งแต่การจ้างช่างฝีมือ การเลือกวัสดุใกล้มือ ไปจนถึงการเคารพจังหวะชีวิตของผู้คน สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถเลือกทำกิจกรรมเรียนรู้วิถีชุมชนผ่านกิจกรรมท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น

  • Hands-on Cooking Class: เรียนทำขนมพื้นบ้านอย่าง ขนมโค กับคนในหมู่บ้าน
  • Craft Workshop with Artisans: ร่วมทำงานหัตถกรรมกับช่างฝีมือท้องถิ่น
  • Foraging Experience: ออกเรือหาปลาทรายยามเช้า เก็บสมุนไพรทำข้าวยำ
  • Environment Conservation: ปลูกหญ้าทะเลหรือป่าชายเลน ฟื้นฟูระบบนิเวศ
  • Cultural Sharing: ฟังดนตรีและเรื่องเล่าพื้นบ้านจากคนในชุมชน
    ทุกกิจกรรมสะท้อนความตั้งใจของ Villa Pateh ที่เป็นมากกว่าสถานที่พัก แต่คือ บ้านเพื่อน ที่เปิดประตูต้อนรับให้คุณได้สัมผัสตรังอย่างแท้จริง

ที่ตั้ง
89 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
พิกัด https://maps.app.goo.gl/7jphgEyXm9rXhzKu6
โทร. 06-5691-9182

เจ้าของ: คุณประเวศ มณีศิริ, คุณจตุพล พูลภักดี และคุณวุฒชัย จินดาประชา
ออกแบบ: วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์
ออกแบบแบรนดิ้ง – ภาพ: โอภาส ลิมปิอังคนันต์
เรียบเรียง: Phattaraphon


Bonsai House Ratchaburi คาเฟ่และคอมมูนิตี้ของคนรักบอนไซ