Central Krabi ศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกในไทย ที่มุ่งสู่ EDGE Zero Level
Central Krabi ศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทย ที่มุ่งสู่ EDGE Zero Level ทำโดย กระบี่ เพื่อ คนกระบี่

Central Krabi ศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทยที่มุ่งสู่ EDGE Zero Level ทำโดย กระบี่ เพื่อ คนกระบี่

เปิดแนวคิดการออกแบบ Central Krabi ต้นแบบศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทย ที่หวังจะก้าวให้ถึง EDGE ZERO LEVEL และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ‘กระบี่’ ให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวแห่งความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของเมือง ‘Krabi Go Green’ ด้วยศูนย์การค้าที่ออกแบบด้วยแนวคิด ‘Regenerative Design’ หรือแนวคิดที่ต้องการสร้างต้นแบบให้เห็นว่า การดูแลธรรมชาติ วิถีชีวิตของชุมชน และการทำธุรกิจ สามารถเกื้อหนุนกันและกัน และเป็นที่สร้างสมดุลให้ทั้งวงจรเติบโตอย่างแข็งแรง

Central Krabi EDGE Zero

อาคารเขียวคืนคาร์บอน

เริ่มแรกจากสิ่งที่มองเห็นได้ชัดที่สุด คือ ตัวอาคารของ Central Krabi เอง ที่ตั้งใจมุ่งสู่มาตรฐานรับรองอาคารเขียว ‘EDGE Zero Carbon Certification’ หรือมาตรฐานของอาคารที่มุ่งลดการปล่อยและชดเชยคาร์บอนจนเท่ากับศูนย์  โดยออกแบบและก่อสร้างด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ และเน้นประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ให้ลดการใช้พลังงาน น้ำ และลดปริมาณคาร์บอนที่ฝังมากับตัววัสดุให้น้อยที่สุด

สิ่งนี้สะท้อนในการออกแบบและจัดสรรพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็นแบบชั้นเดียว ที่แบ่งตัวออกจากกันเป็นหมู่เกาะ หรือ Archipelago เหมือนกับทิวทัศน์ของจังหวัดกระบี่ที่ตราตรึงใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเยือนเมืองแห่งนี้ โดยเน้นพื้นที่เปิดโล่งแบบ Semi-Outdoor เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ และยังใช้แสงแดดดี ๆ ของสวรรค์แดนใต้มาสร้างพลังงานสะอาดด้วยโซลาร์เซลล์กว่า 14,400 ตร.ม. กำลังการผลิต กว่า 3.2 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ามากที่สุดของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล ทั้งยังตั้งเป้าให้ลดการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 40% และชดเชยคาร์บอนเครดิตหลังเปิดให้บริการให้ได้ถึง 100%

ระบบการปรับอากาศของอาคารแบบ High Efficiency Chiller ที่หล่อเย็นด้วยน้ำครบวงจร เป็นระบบที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น หนึ่งในวิธีการลดการใช้พลังงานเพื่อมุ่งสู่การเป็นอาคารเขียว EDGE Zero Carbon Certification

ส่วนหนึ่งของแผงโซลาร์เซลล์จะถูกติดตั้งบนพื้นที่ลานจอดรถ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ได้พื้นที่โซลาร์เซลล์กว่า 14,400 ตร.ม. ที่จะเปลี่ยนแสงแดดดี ๆ ของกระบี่ เป็นพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในศูนย์การค้า กว่า 3.2 เมกะวัตต์ เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนหลังเปิดบริการได้มากถึง 15 ล้านหน่วยต่อปี ชดเชยการดูดซับคาร์บอนได้เทียบเท่าการปลูกต้นไม้มากกว่า 600,000 ต้นใน 1 ปี

ถนนสีเขียวที่ส่ง Waste ไปสู่ Value

อีกหนึ่งเป้าหมายของ Central Krabi คือการจัดการขยะ ที่จะไม่ใช่แค่ไม่สร้าง Waste แต่ก้าวไปถึงการนำ Waste กลับมาใช้ใหม่ นำมาสู่การร่วมมือครั้งใหญ่กับเทศบาลเมืองกระบี่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ผลิตวัสดุอย่าง CPAC (SCG) รวมถึงสี TOA และลูกค้าเซ็นทรัล มาร่วมกันสร้างอีกหนึ่งต้นแบบความยั่งยืนผ่านโครงการ ‘ถนนรักษ์โลก (Green Road)’ ถนนจากวัสดุเหลือใช้ที่ยาวเกือบ 500 เมตร เชื่อมถนนหลักอำนวยความสะดวกไปยังชุมชนด้านหลัง นอกจากจะสร้างเส้นสัญจรใหม่ให้ประชาชนใช้ได้อย่างสะดวกสบาย ยังเป็นต้นแบบที่พร้อมนำไปใช้กับโครงการ Central อื่นๆ ในอนาคตด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.พีรพงศ์ จิตเสงี่ยม รองผู้อำนวยการ MDRI มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รองศาสตราจารย์ ดร.พีรพงศ์ จิตเสงี่ยม รองผู้อำนวยการ MDRI มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้พาทีมล่องลงภาคใต้ร่วมกับ Central Pattana เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ของนวัตกรรม Green Road ในพื้นที่ต่าง ๆ 

อาจารย์พีรพงศ์ ได้เล่าถึงนวัตกรรม Green Road ว่า “จริง ๆ การก่อสร้างกับการอนุรักษ์เป็นเรื่องตรงข้ามกัน เพราะวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เราต้องไปถลุงหินมาใช้ก่อสร้าง คำว่า ‘Green’ คือการไม่ก่อสร้างแบบเดิม ทำลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด คอนเซ็ปต์ของ ‘Green’ จึงเป็นการนำวัสดุที่เดิมไม่ใช้แล้ว กลับมาใช้ใหม่

“ในส่วน ‘Road’ หรือ ถนน จะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนของผิวยางมะตอยที่ผิวหน้า เกิดจากการนำขยะพลาสติกที่ไม่มีใครใช้ประโยชน์แล้ว ต้องนำไปฝังกลบปีละหลายล้านตัน ก็นำเอากลับมาผสมใหม่ให้ลดปริมาณการใช้ยางมะตอยลงได้ ในส่วนพื้นชั้นล่าง หรือ Base ได้มีการคิดค้นส่วนผสมที่ใช้เศษฝุ่นและหินที่ไม่ใช้แล้ว ประกอบกับ ‘Biochar’ ที่ได้จากการเผาวัสดุทางชีวภาพต่าง ๆ นำเข้าไปชดเชยคาร์บอนที่จะเกิดขึ้นในชั้น Base ซึ่งรวมทั้งโครงการแล้วจะชดเชยคาร์บอนได้ถึง 20-30 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คาร์บอนไดออกไซด์ 1 ตัน คร่าวๆ เทียบเท่ากับลูกโป่งวงกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เมตร ซึ่งประเทศไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 450 ล้านตันต่อปี”

Biochar หรือถ่านชีวภาพ 

Biochar คือ ถ่านชีวภาพ ที่นำวัสดุชีวมวล เช่น เศษไม้หรือวัสดุทางการเกษตร ที่เดิมจะย่อยสลายแล้วสร้างก๊าซมีเทนขึ้นไปสร้างภาวะโลกร้อน มาผ่านกระบวนการเผาในระบบปิด (ไพโรไลซิส) ไม่ให้ปล่อยคาร์บอนออกมาแต่ยังสร้างวัสดุที่กักเก็บคาร์บอนไว้ในตัว ได้มากถึงเท่าตัว กล่าวคือ ถ่านชีวภาพ 1 ตัน จะสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 2 ตัน

การเทชั้น Base ที่มีส่วนผสมของ Waste เศษหินฝุ่นจากการทำเหมืองหินและวัสดุถ่านชีวภาพ Biochar ซึ่งช่วยกักเก็บคาร์บอนไว้ไม่ปล่อยออกมาได้ โดยนำมาผสมกันในสัดส่วนที่ประสิทธิภาพทางวิศวกรรมของถนนยังดีเทียบเท่าถนนแบบเดิม ไปจนถึงมีแนวโน้มที่ดีกว่า เนื่องจากใช้ระยะเวลาก่อสร้างน้อยลง และการขนส่งน้อยลง เพราะไม่จำเป็นต้องปูโครงเหล็กแบบเดิม 

ตัวอย่างขยะถุงพลาสติก single use ที่เตรียมนำไปหลอมผสมกับยางมะตอย

ทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้เป็นถนนที่ช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้สูงอย่างมีนัยสำคัญ ยังช่วยนำขยะพลาสติกกลับมาใช้แทนการเททิ้งลงหลุมฝังกลบ ซึ่งข้อนี้ ยังอาจทำให้ขยะที่ไม่มีราคา ไม่มีทางไป กลายเป็นขยะที่มีการรับซื้อและถูกจัดการได้ดีขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย

จุดจัดการขยะร่วมกับประชาชน

นอกจากการนำขยะมาใช้สร้างถนน ที่ Central Krabi ยังมีพื้นที่รับจัดการขยะแบบองค์รวม ซึ่งจะช่วยสร้างความร่วมมือในการจัดการขยะกับประชาชนชาวกระบี่ในระยะยาว โดยเป็นการทำงานร่วมกับนักจัดการขยะอย่าง Ocyco, วงษ์พาณิชย์ เหนือคลอง และเทศบาลเมืองกระบี่ จัดตั้ง ‘Recycle Station’ รับขยะรีไซเคิลจากร้านค้า และรับจัดการขยะรีไซเคิลอย่างถูกวิธีจากประชาชนทั่วไป พร้อมแลกเป็นเงินหรือคะแนน 

โดยตั้งใจนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกร่วมกับร้านค้า green partner เจ้าต่าง ๆ ที่จะมาร่วมในศูนย์การค้า เพื่อร่วมกันสร้างมูลค่าจากขยะ รวมถึงเปิดพื้นที่โชว์และจำหน่ายสินค้า upcycling จากขยะในศูนย์การค้าอีกด้วย ที่สำคัญ คือมีแนวทางการจัดการ Food Waste ซึ่งเป็นขยะที่มีปริมาณมากที่สุดจากศูนย์การค้ามาทำประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกับเมืองกระบี่ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

คุณอิทธิชัย ตันบุตร นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่าทั้งถนน Green road ที่ทำจากขยะเหลือใช้จะเข้ามาส่งเสริมยุทธศาสตร์ ‘Krabi Go Green’ ซึ่งปัจจุบันมีนโยบาย Zero Waste คัดแยกขยะร่วมกับประชาชน และจัดการขยะให้มีคุณค่า มีราคามากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่กระบี่ให้ยั่งยืนขึ้นทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

คุณอิทธิชัย ตันบุตร นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่

“ผมต้องการให้คนกระบี่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีรายได้ด้วย การคัดแยกขยะนั้นจึงไม่ใช่เพียงเป้าหมายเพื่อรักโลก แต่ยังต้องได้ผลตอบแทนจากการรักโลกครั้งนี้ด้วย 

“สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือเรื่องของคน การทำงานของเทศบาลจึงเน้นการให้โอกาสและการมีส่วนร่วม ให้ทุกคนได้มาร่วมมือกันแก้ปัญหากัน ซึ่งการร่วมมือกับศูนย์การค้า Central Krabi ครั้งนี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเมืองกระบี่ให้กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองยั่งยืน ที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน ครั้งนี้จึงเป็นการเข้ามาของศูนย์การค้าที่คนกระบี่หลายคนรอคอย”

การตกแต่งศูนย์การค้าด้วยเฟอร์นิเจอร์และวัสดุรีไซเคิล 

ไม่เพียงแต่การจัดการในเบื้องหลัง แต่การออกแบบตกแต่งที่ทุกคนจะได้สัมผัสในศูนย์การค้า ก็ยังแฝงแนวคิดการสร้างคุณค่าใหม่ให้วัสดุรีไซเคิลในทุก ๆ รายละเอียดรอบตัว 

พื้นที่อาคารส่วนใหญ่เน้นทางเดินที่อยู่ภายนอก ช่วยลดการใช้พลังงานเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีนัยสำคัญ และตกแต่งทางเดินภายนอกอาคารด้วยแหอวนที่เหลือจากการผลิตในโรงงาน ได้รับจากความร่วมมือกับ KKF (ขอนแก่นแหอวน) ผู้ประกอบการไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตแหอวนอันดับ 1 ของโลก

แลนด์สเคปอันประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ ม้านั่ง และ สิ่งอำนวยความสะดวกจุดต่าง ๆ ภายในศูนย์การค้าใช้เทคนิค Terrazzo โดยผสมเศษขวดแก้วเข้าไปในเนื้อวัสดุเพื่อสร้างลวดลายที่สวยงาม พร้อมกับเพิ่มการใช้งานวัสดุรีไซเคิล

ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งแลนด์สเคป อย่างบรรดาที่นั่งต่างๆ ที่ใช้การฝังขยะเศษแก้วลงไปบนที่นั่งด้วยเทคนิค Terrazzo สร้างภาพลักษณ์ใหม่ชวนเตะตา รวมถึงตกแต่งฝ้าและหลังคาในหลายจุด ด้วยวัสดุแหอวนเศษเหลือจากการผลิตในโรงงาน และยังเน้นการใช้แสงธรรมชาติ แทรกด้วยพื้นที่สีเขียว เพื่อบอกถึงแนวคิดความยั่งยืนที่คลุมไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นความยั่งยืนที่อวลกลิ่นไอของความเป็นกระบี่ได้ในทุกสัมผัส

การตกแต่งลานกิจกรรมด้วยมาสคอตปูดำ ซึ่งมีการใช้เปลือกกระดองปู และ เศษเปลือกหอย เป็นวัสดุของ มาสคอต และ ชื่อศูนย์การค้า รวมถึงการใช้ Hybrid Cement + Calcined Clay Cement ที่ช่วยลดคาร์บอนการผลิตได้กว่า 20% มาผลิตเป็น เฟอร์นิเจอร์ในโซนพักผ่อนทั่วศูนย์การค้า และนำพลาสติกรีไซเคิล มาทำเป็น Top โต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหาร

การตกแต่งพื้นที่ Fisherman’s Village ด้วยเรือหัวโทงลำจำลอง ที่ผลิตจาก Bio-composite นวัตกรรม “หวายแกลบ” ที่ผสมแกลบข้าวกับพลาสติกคุณภาพสูง ลดการใช้พลาสติกใหม่ได้ถึง 50% ที่สามารถเป็นที่นั่งพักและจุดถ่ายรูปสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตประมงของกระบี่

เซ็นทรัลที่ทำเพื่อคนกระบี่อย่างแท้จริง

สุดท้ายนี้ มิติสำคัญที่ ‘Regenerative Design’ ต้องคำนึงถึงคงไม่ใช่เพียงเรื่องของวัสดุ พลังงาน หรือตัวเลขคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังต้องนับรวมชุมชนหรือผู้คนเข้าไปในระบบนิเวศนั้น ๆ ด้วย ซึ่ง Central Krabi ตั้งใจออกแบบให้ที่นี่เป็นศูนย์การค้าเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตท้องถิ่นของคนกระบี่อย่างลึกซึ้ง ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ  

ดีไซน์การกรุฝ้าในพื้นที่จตุรัส Palm Square ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวนปาล์ม แลนด์สเคปทางการเกษตรที่พบเห็นได้ทั่วไปในจังหวัดกระบี่

เช่น การออกแบบโลโก้ที่เห็นความเป็นภูเขาเชื่อมกับคลื่นทะเล อันส่งผลมาถึงลูกเล่นการวางผังอาคารสื่อถึงความเป็นหมู่เกาะทั้งหลายในทะเลอันดามัน ไปจนถึงโซนต่าง ๆ ที่ออกแบบจากองค์ประกอบอัตลักษณ์ท้องถิ่น หรือ Local Essence และชื่อสถานที่อันเป็นภาพจำของกระบี่ ไม่ว่าจะเป็น ‘Andaman Market’ ตลาดที่เปิดให้คนในท้องถิ่นมาจำหน่ายสินค้าและอาหาร โดยใช้เรือหัวโทงมาเป็นรูปทรงหลังคาอาคาร หรือการกรุฝ้าของจตุรัส ‘Palm Square’ ด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวนปาล์มอันพบเห็นได้ทั่วไปในจังหวัด หรือลานกิจกรรม ‘Fisherman’s Village’ ที่ตกแต่งด้วยมาสคอตปูดำและองค์ประกอบของวิถีประมงพื้นบ้าน เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชุมชน

อีกตัวอย่างจากอาคาร Andaman Market ที่เปิดให้คนในท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายสินค้าและอาหารจากวัตถุดิบพื้นบ้าน โดยหลังคาของอาคารออกแบบเป็นรูปทรงของ ‘เรือหัวโทง’ เรือที่ใช้ในวิถีประมงพื้นบ้านของชาวกระบี่และชาวประมงแถบอันดามัน ซึ่งคำว่า ‘โทง’ มีความหมายว่า ‘ชี้ตั้งขึ้น’  ในภาษาท้องถิ่น คล้ายกับลักษณะของหัวเรือที่ตั้งเด่นพุ่งสูงขึ้น สอดแทรกช่องแสงเป็นช่วง ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานแสงสว่างและทำให้ผู้คนได้รับพลังงานดี ๆ จากแสงธรรมชาติของกระบี่ไปในตัว

องค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้ ไม่เพียงทำให้ผู้ที่มาเยือน Central Krabi ได้สัมผัสกับตัวตนความเป็นกระบี่ควบคู่ไปกับแนวคิดความยั่งยืนที่แฝงอยู่เบื้องหลัง แต่ยังทำให้คนในพื้นที่เอง สามารถเชื่อมโยงแนวคิดความยั่งยืนอย่างการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาผสานกับวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างกลมกลืนได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้กระบี่ได้เป็นเมืองต้นแบบของการสร้างระบบนิเวศที่มีศูนย์การค้าเข้ามาผลักดันให้ทุกฝ่ายได้เติบโตอย่างมั่นคง และภาคภูมิใจไปพร้อมกัน ตามคอนเซ็ปต์ Made By Krabi อย่างแท้จริง 

Central Krabi EDGE Zero

ติดตามดีไซน์ผลงานการออกแบบด้วย Regenerative Design ของ Central Krabi ที่มาพร้อมกับการร่วมมือกับ Green Partnership เพื่อเสริมสร้างต้นแบบศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของไทยที่กำลังจะเปิดวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ได้ที่ room Books เร็ว ๆ นี้