“เทคนิค ทำความสะอาดห้องน้ำ ขจัดคราบอยู่หมัดฉบับง่าย”

“เทคนิค ทำความสะอาดห้องน้ำ ขจัดคราบอยู่หมัดฉบับง่าย”

ห้องน้ำในบ้านถือเป็นจุดใหญ่ของแหล่งสะสมเชื้อโรคและความสกปรกต่างๆ ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดทุกวันหลังการใช้ห้องน้ำ แต่บางครั้งก็ยังมีคราบลึกหรือจุดที่ยากจะเข้าถึงในการทำความสะอาดอยู่ดี ฉะนั้นวิธีที่ดีที่จะช่วยลดจุดอับและเพิ่มความสะอาดให้กับห้องน้ำได้มากขึ้น คือเลือกใช้วิธีดูแลที่แตกต่างกันตามไปแต่ละความเหมาะสมนะครับ วันนี้ COTTO จึงนำไอเดียมาฝากเรากันเพื่อห้องน้ำสวยและสะอาดไร้กลิ่นอับ

จุดแรกที่ควรใส่ใจคือ “พื้นห้องน้ำ”
• ใช้ผ้าเช็ดพื้นห้องน้ำให้แห้งทุกครั้งหลังใช้งาน หรือเปิดประตู-หน้าต่างห้องน้ำไว้สักวันละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้อากาศถ่ายเท ช่วยลดกลิ่น และการสะสมของเชื้อโรค
• ถ้าบริเวณร่องยาแนวมีจุดสีดำๆขึ้น ให้ใช้น้ำเปล่า 1 ส่วนกับน้ำส้มสายชู 2 ส่วน ใส่ขวดสเปรย์ฉีดทิ้งไว้ 15 นาที ใช้ฟองน้ำบิดน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง

• คราบหินปูนบนกระเบื้อง จัดการได้โดยใช้เกรียง หรือ ไขควงปากแบน ค่อยๆ แซะคราบหินปูนออกจนหมด จากนั้นเช็ดด้วยน้ำส้มสายชู หรือน้ำยาทำความสะอาดพื้น https://goo.gl/5aiJVb
• ควรทำความสะอาดห้องน้ำทั้งพื้นและผนังเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเลือกใช้น้ำยาที่เหมาะสำหรับทำความสะอาดห้องน้ำ โดยที่ไม่ทำลายพื้นผิวของกระเบื้องหรือร่องยาแนว

** สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ด้วยน้ำยาทำความสะอาดคอตโต้ ดีเทอร์เด็ก สำหรับการทำความสะอาดคราบต่างๆหลังการปูกระเบื้อง เช่น คราบปูนซิเมนต์หรือคราบยาแนว และคราบสกปรกอื่นๆ สำหรับพื้นผิวกระเบื้องและหินแกรนิต https://goo.gl/pSm6Jy

“ผนังห้องน้ำ” บริเวณที่มักเกิดคราบสกปรกบ่อยๆ
• หลังใช้ห้องน้ำทุกครั้ง ควรฉีดน้ำทำความสะอาดผนังก่อนที่คราบสบู่จะแห้งเป็นคราบฝังแน่น แต่ถ้าเป็นคราบฝังแน่นหรือทำความสะอาดยากแล้ว ให้ใช้น้ำส้มสายชู 1 ส่วนผสมกับน้ำ 4 ส่วน และใช้ผ้าชุบแล้วเช็ดผนังบริเวณที่มีคราบสบู่ ล้างด้วยน้ำสะอาด และใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง
• หากยาแนวที่ใช้เป็นสีขาวแล้วเกิดจุดราดำ ให้ใช้ยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่งกับแปรงสีฟันเก่าๆ มาขัดออ

**แต่ถ้าเจอคราบขจัดยากหรือคราบฝังลึกที่ยากต่อการทำความสะอาด เช่น คราบแว๊กซ์, คราบน้ำหมึก และคราบเครื่องดื่มต่างๆ ให้ใช้ น้ำยาทำความสะอาดนำเข้าจากอิตาลี สูตรเข้มข้นที่ไม่สร้างไอระเหยที่เป็นพิษ น้ำยาคอตโต้ พีเอส/87 https://goo.gl/o6ZkM1

อย่าละเลยความสะอาด “ส่วนที่เป็นกระจก”
• คราบจาก สบู่ แชมพูสระผม โฟมโกนหนวด ยาสีฟันจากการแปรงฟัน ผลิตภัณฑ์พวกนี้ แม้จะละลายน้ำง่าย แต่หากสกปรกควรรีบเช็ดด้วยผ้าก่อนจะแห้งติดเป็นคราบสะสม หากสกปรกมากจมไม่สามารถเช็ดออกได้ ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจก และใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขัดให้สะอาด
• ประตูกั้นห้องอาบน้ำที่ทำด้วยกระจกหรือพีวีซี มักมีรอยด่างดำจากคราบสบู่ แก้ไขได้โดยเช็ดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก และเช็ดคราบน้ำออกด้วยฟองน้ำหลังอาบน้ำทุกครั้ง

“เฟอร์นิเจอร์และชั้นเก็บของในห้องน้ำ” ก็ต้องทำความสะอาดเป็นประจำเช่นเดียวกัน
• ตู้เก็บของในห้องน้ำมักจะอับชื้น จึงเป็นที่อยู่ชั้นดีที่แมลงต่างๆ ชื่นชอบ ฉะนั้นอย่าลืมหมั่นเปิดออกมาเช็ดทำความสะอาด ทุกซอกทุกมุม ดูแลให้สะอาดและแห้งเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
• เช็ดขวดบรรจุภัณฑ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง อย่าให้เป็นแหล่งอาหาร และที่อยู่ของแมลง โดยเฉพาะที่รองสบู่ต้องขัดล้างคราบสบู่เสมอไม่ให้เป็นคราบสะสม

“โถสุขภัณฑ์ และโถปัสสาวะ” จุดสะสมเชื้อโรคที่สุดของห้อง
• หากโถสุขภัณฑ์เป็นคราบปัสสาวะฝังแน่น ให้ใช้น้ำยาซักผ้าขาวเข้มข้นเทลงไป ใช้แปรงขัด ทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอีกครั้ง คราบก็จะหายไป แต่หากเป็นคราบหินปูนฝังแน่น ใช้น้ำส้มสายชู1-2 แก้วราดให้ทั่วแทนทิ้งไว้สัก 30 นาทีก่อนกดล้างทำความสะอาด
• สร้างกลิ่นเพิ่มความสดชื่นให้ห้องน้ำสวย รู้สึกสะอาดและน่าใช้งาน ป้องกันและดับกลิ่นโถปัสสาวะง่ายๆ ด้วยสเปรย์ดับกลิ่นทำเอง โดยผสมแอลกอฮอล์ 1 ช้อนชา น้ำมันหอมระเหยกลิ่นสดชื่น 30-40 หยด และน้ำเปล่าเล็กน้อย เทใส่ขวดสเปรย์ ใช้ฉีดที่โถสุขภัณฑ์ทุกครั้งหลังเสร็จธุระ ก็จะช่วยให้กลิ่นสะอาดขึ้น

“อ่างล้างหน้า” พื้นที่ที่มีการใช้งานเป็นประจำ
• การทำความสะอาดที่ปลอดภัยต่ออ่างล้างหน้า ไม่ทำให้สีซีด หรือผุกร่อน ทำได้โดยนำเบกกิ้งโซดาปริมาณครึ่งถ้วยเล็ก ผสมน้ำมะนาวครึ่งลูกคนให้เข้ากัน และนำฟองน้ำมาชุบส่วนผสม นำไปขัดให้ทั่วอ่าง อ่างล้างหน้าก็จะสะอาดหมดจด

แม้จะใช้งาน “อ่างอาบน้ำ” ทุกวัน แต่ก็อาจเกิดคราบสบู่ติดค้างได้
• หลังอาบน้ำ ต้องเช็ดล้างคราบสบู่ทันที และล้างทำความสะอาดทุกครั้ง ถ้ามีคราบดำ ใช้สบู่ อย่างอ่อนกับฟองน้ำขัดล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง อย่าให้มีน้ำขังอยู่ในอ่าง เพราะคราบสบู่จะสะสมฝังแน่นอย่างรวดเร็ว
• ดูแลการระบายน้ำอย่าให้อุดตัน โดยเฉพาะเศษผมที่ค้างตรงจุดระบายน้ำหรือสะดือที่ก้นอ่าง ต้องหมั่นขจัดเศษสกปรกออกทุกครั้ง

แล้ว “ก๊อกน้ำ” ควรดูแลอย่างไร?
• ดูเเลรักษาผิวเคลือบของก็อกน้ำ ควรทำความสะอาดบ่อยๆ เเละสม่ำเสมอ โดยใช้ฟองน้ำกับสบู่ชนิดเหลว หรือน้ำยาที่มีคุณสมบัติ เช่นเดียวกับการล้างเเก้ว ทำความสะอาดให้ทั่วเเล้ว ล้างด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้เเห้ง โดยใช้ผ้านุ่มผิวละเอียดเล็กน้อย
• คราบหมองบนก๊อกน้ำมักมาจากคราบไขมัน วิธีทำความสะอาดง่ายๆ เพียงเช็ดด้วยน้ำส้มสายชู ล้างคราบไขมันให้ก๊อกน้ำสะอาดมันวาวเหมือนใหม่ หรืออาจจะใช้มะนาวหั่นครึ่ง ค่อยๆ ถูก ก็จะได้กลิ่นสดชื่นเพิ่มขึ้นด้วย

ไม่ใช่ปัญหายุ่งยากในการทำความสะอาด “ฝักบัวอาบน้ำ”
• ทำความสะอาดหัวฝักบัวโดยผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่น ในอัตราส่วน น้ำ 1 ลิตร ต่อน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ โดยแช่หัวฝักบัวลงในถุงพลาสติกรัดปากถุงทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง

“สายฉีดชำระ” ตัวการความสกปรกที่คุณคาดไม่ถึง
• ดูจะเป็นเรื่องยากเมื่อต้องทำความสะอาดสายชำระ ซึ่งเป็นจุดรวมเชื้อโรคและสกปรกที่สุด แต่เราสามารถทำความสะอาดโดยใช้สก๊อตไบรท์ขัดถูบริเวณรูสายชำระ แล้วเปิดน้ำแรง ๆ ไล่หินปูนออก

“ผ้าม่าน” พื้นที่ยากแก่การทำความสะอาด แต่สามารถดูแลรักษาได้
• ผ้าม่านพลาสติก ควรซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น เมื่อซักเสร็จผึ่งให้แห้งโดยการตากลมดีกว่าตากแดด เพราะจะไม่ทำให้ผ้าม่านสีจืดจางลง หากผ้าม่านเกิดจุดคราบเชื้อรา ให้นำผงฟูผสมกับน้ำมะนาวมากน้อยตามความต้องการ แล้วนำไปทาบริเวณที่มีเชื้อราจากนั้นก็นำผ้าม่านไปแช่ในน้ำเกลือประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงซักล้างด้วยน้ำเปล่า ก็จะได้ผ้าม่านที่สะอาดเหมือนใหม่แล้ว

แน่นอนว่าห้องน้ำสวยในบ้านถึงจะตกแต่งสวยงามแค่ไหน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาด ก็อาจลดทอนความสวยงามลงได้ ฉะนั้นหากมีเวลาจำกัดในเรื่องการทำความสะอาด ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ หรือใช้ผู้ช่วยในการทำความสะอาดทุ่นแรงไปได้อีกนิดกับผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาและทำความสะอาดจาก COTTO

http://www.cotto.com/th/product/cleaning-protection

อย่าลืมแวะมาดูไอเดียดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://www.cotto.com/th/blog/29-tips-to-clean-bathroom