จะเรียก ‘รีโนเวทห้องนอน’ ของน้องสาวให้เปลี่ยนมาเป็นเรือนหอขนาดพอดี หรือเรียก บ้านหลังเล็กที่แทรกตัวอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ ไม่ว่าจะแทนค่าพื้นที่ใช้สอยราว 90 ตารางเมตร ของคุณเอ็กซ์-สิทธิเดช จีรพันธุ และคุณเบ็ตตี้-นิชา พงศ์สถาพร ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ผลงานออกแบบภายในชิ้นล่าสุดที่ FATTSTUDIO ฝากเอาไว้นั้นก็เปรียบได้ดั่งบ้านหลังแรกสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่หลังแต่งงาน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาทั้งสองคนอย่างไม่ขาดไม่เกิน
“ตอนนั้นเรามีแพลนจะแต่งงาน ประจวบเหมาะกับน้องสาวของพี่เอ็กซ์เขาแต่งงานและกำลังจะย้ายออกไปพอดี ห้องนี้ก็เลยว่างลง จนพอเราแต่งงานกันแล้วเบ็ตตี้ต้องย้ายเข้ามาที่นี่ เราก็เลยคิดกันว่าจะรีโนเวทห้องนอนนี้เพราะเราก็ต้องการห้องที่มีสเปซมากขึ้น ซึ่งห้องนี้จะกว้างกว่าห้องเดิมที่พี่เอ็กซ์เคยอยู่มาก” สะใภ้คนงามเล่าถึงที่มาและเหตุผลหลังแง้มประตูบ้านหลังใหญ่บนที่ดินผืนกว้างย่านวิภาวดีต้อนรับเราในเช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสีหม่น
พื้นที่จากเดิมตรงนี้เคยเป็นห้องนอนเก่าของน้องสาวฝ่ายชายมาก่อน ทีมออกแบบได้รับโจทย์ในการรีโนเวทจากคู่รักรวยรุ่มอัธยาศัยให้ประกอบไปด้วยพื้นที่ใช้สอยหลักราว 70 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับส่วนห้องนอนบนชั้น 2 ของบ้าน รวมเข้ากับพื้นที่ใช้สอยรองอีก 20 ตารางเมตร บนชั้นลอยซึ่งมีลักษณะเป็นโถงอาคาร 8 เหลี่ยม เป็นฟังก์ชันของแกลเลอรีเก็บสะสมงานศิลปะส่วนตัวสำหรับคุณเบ็ตตี้และคุณเอ็กซ์
“สิ่งที่เราให้โจทย์กับทีมออกแบบไปคืออยากได้สเปซ มันก็เลยมีความคล้ายกับว่าเราอยู่บ้านก็จริง แต่พอเข้ามาในห้องนี้แล้วรู้สึกเหมือนอยู่คอนโดมากกว่า ซึ่งใจเราชอบโทนขาวล้วนแบบสแกนดิเนเวีย แต่เอาเข้าจริงพอมาอยู่บ้านเรามันไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศที่อากาศดี เพราะบ้านเราอากาศร้อน แล้วพอได้คุยเรื่องออกแบบกับคุณแฟต เขาก็กลัวว่าถ้าทุกอย่างขาวมันจะโล้นเกินไป” คุณเบ็ตตี้เล่าความต้องการและการหาจุดร่วมที่พอดีกันระหว่างสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบกับสิ่งที่ผู้ออกแบบให้คำอธิบาย
คุณแฟต-วัทธิกร โกศลกิตย์ หัวเรือผู้รับหน้าที่ออกแบบซึ่งได้รับการแนะนำมาอีกทอดจากคุณต้น วจนพานิช เจ้าของแบรนด์ IndaHouse เพื่อนของฝ่ายหญิง (ซึ่งคุณต้นก็เป็นเพื่อนกับคุณแฟตเช่นเดียวกัน) เล่ากระบวนการทำงานของเขาให้ฟังว่า “ห้องนี้ผมเองต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานเป็นเหมือนการทำงานคราฟต์ จากแบบที่ต้องจบในกระดาษ ตัดโมเดลเป็นรูปร่าง ออกแบบเป็นภาพ 3D แล้วไปหน้างานเพื่อเช็คความถูกต้อง แต่งานนี้ทุกส่วนมีการปรับและตัดสินใจจากหน้างานเยอะมาก กระทั่งการเลือกหน้าบานตู้สีขาวที่ใช้ไม้วีเนียร์จริง ถึงแม้จะเป็นกระบวนการทำงานเกือบสองปีแต่เป็นงานแรกที่ทุกอย่างตามสเป๊ก”
ทีมออกแบบจาก FATTSTUDIO เลือกที่จะคงโครงสร้างและแปลนเดิมเอาไว้แทบทั้งหมด เริ่มจากปรับเปลี่ยนส่วนของบันไดทางขึ้นชั้นลอย โดยนำเสนอการใช้บันไดวนแทนที่บันไดลอยเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ อีกทั้งบันไดวนยังเป็นจุดเด่นนำสายตาของห้องนี้ไปโดยปริยาย ในกระบวนการทำงานสถาปนิกใช้วิธีการวัดขนาดจากหน้าไซต์งาน เพื่อหาสมดุลของระดับความกว้างของบันไดให้พอดีกับสัดส่วนของผู้ใช้งาน เนื่องจากคุณเอ็กซ์มีสรีระที่ค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับการก่อผนังอิฐของช่างฝีมือที่ต้องใช้เวลากับการทำงานในส่วนนี้อย่างประณีต อีกทั้งเมื่อก่อผนังเสร็จแล้วยังมีการทาสีขาวทับก่อนหนึ่งรอบ จึงค่อย ๆ แต่งแต้มเติมสีและขัดผนังอิฐบางจุดให้เกิดร่องรอยที่แตกต่าง เพื่อไม่ให้ผนังมีสีขาวโล้นจนเกินไปตามความต้องการของคุณเอ็กซ์
ในขณะที่พื้นเดิมของบ้านเป็นไม้มะค่า สถาปนิกคงเอาไว้โดยใช้วิธีการขัดสีของไม้ให้อ่อนลงพร้อมทาน้ำมันเคลือบผิวซ้ำหนึ่งรอบ ส่วนฝ้าเพดานส่วนห้องนั่งเล่นคือการตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะต้องรื้อทิ้งทั้งหมดเพื่อเปิดพื้นที่โล่ง ก็ใช้วิธีการรื้อเฉพาะฝ้าออกอย่างระมัดระวังเพื่อเปิดเปลือยผิวของพื้นไม้แดงที่ถูกขัดให้สีอ่อนลงจนเกิดร่องรอยที่แตกต่างกันไปในแต่ละแผ่น
ด้านหน้าต่างของผนังฝั่งโถงอาคาร 8 เหลี่ยมจากเดิมเปลี่ยนมาเป็นหน้าต่างบานเหล็กลายตารางทาสีขาวให้สอดรับไปกับประตูบานเลื่อนที่ทำจากเหล็กลายตารางทาสีดำ ซึ่งทำหน้าที่แบ่งสเปซระหว่างส่วนนั่งเล่นกับห้องนอนออกจากกัน สังเกตได้ว่าห้องนี้จะแบ่งโทนสีออกเป็นสองส่วน คือการเน้นโทนสีขาวในห้องนั่งเล่นตามความชอบของผู้อาศัย แต่เลือกปรับโทนสีให้เข้มและขรึมลงเมื่อเปลี่ยนมาสู่ห้องนอนเพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อนอย่างจริงจัง
ในวันที่ถึงแม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวยกับเราเท่าไรนัก แต่ในความมัวหม่นของท้องฟ้าที่ไร้แสงอาทิตย์ฉาบลงบนผิวผนัง ห้องที่เรายืนอยู่นี้กลับดูอบอุ่นไปอีกแบบ อบอุ่นทั้งโทนสี อบอุ่นทั้งสไตล์ และอบอุ่นทั้งรอยยิ้มของคู่รักที่น่ารักซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในพื้นที่ส่วนตัวที่พวกเขาฝันเอาไว้ร่วมกันตลอดกาล
เรื่อง : Nawapat D.
ภาพ : นันทิยา
