/ ความทรงจำก็เหมือนข้อมูล ถูกเก็บไว้ในลิ้นชัก
เราอาจหลงลืมเพราะมีข้อมูลใหม่ ๆ แต่มันไม่เคยหายไปไหน
รอวันที่จะถูกกระตุ้นแล้วฉายภาพออกมาเท่านั้น /
เช้าวันที่อุณหภูมิในกรุงเทพฯ ลดต่ำลงมาเหลือ 20 องศา ทีมงาน room เดินทางฝ่าการจราจรมาถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นส่วนตัวแห่งหนึ่ง ที่บอกว่าอย่างนั้นเพราะที่นี่ไม่ได้อยู่ริมถนน ไม่ได้อยู่ติดรถไฟทั้งบนฟ้าหรือใต้ดิน แต่อยู่ลึกเข้ามาในซอยสุขุมวิทพอ
เจ้าของห้องคือ พี่เบิร์น – ชาญฉลาด กาญจนวงศ์ หนุ่มใหญ่ที่หลายคนคุ้นเคย เขามีฐานะเป็นทั้งอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบัน Art House และเป็นเจ้าของแบรนด์ GREY RAY ผลิตภัณฑ์ของใช้บนโต๊ะทำงานแสนเก๋
“พี่จำได้ว่ารูมเคยมาถ่ายบ้านเดิมพี่ที่ซอยเอกมัย” เขานึกถึงภาพความทรงจำเกี่ยวกับทีมงานของ room เมื่อหลายปีก่อน ส่วนตัวเขาเองนั่งเอนหลังสบายๆ บนเก้าอี้ แล้วการสนทนาคลอเสียงเพลงจากแผ่นไวนิล ซึ่งเป็นหนึ่งในของสะสมของพี่เบิร์นก็ดำเนินไปเรื่อยๆ
“ตอนที่คิดว่าอยากจะมีบ้านของตัวเองก็เริ่มมองหาแล้วละ ซึ่งก็คงไม่ใช่บ้านเป็นหลังเพราะดูแลลำบาก พอดีมีรุ่นน้องแนะนำโครงการนี้ให้ เขาบอกว่าค่อนข้างดี ราคาไม่แพง แต่บอกตรง ๆ นะ ตอนขับรถเข้ามาดู ว่าจะไม่ซื้อแล้ว กลัวสร้างไม่เสร็จ เพราะชื่อโครงการไม่คุ้นหู อยู่ก็ลึก ยังไงดีล่ะ (หัวเราะ)”
แต่สุดท้ายพี่เบิร์นก็ตัดสินใจเลือกที่นี่ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมด เขาบอกว่ายิ่งอยู่ลึกยิ่งสงบ มีต้นไม้ มีเสียงนกร้องเหมือนอยู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติ ไม่ต้องอยู่ติดถนนใหญ่ที่รถวิ่งขวักไขว่ให้รำคาญ จึงเป็นที่มาของห้องขนาด 35 ตารางเมตร ทั้งหมด 3 ห้อง ที่ทุบผนังออกให้กลายเป็นพื้นที่เดียวกัน
ส่วนเรื่องสไตล์การตกแต่ง เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นสไตล์ไหน เพราะทุกสิ่ง ทุกชิ้น ทุกไอเท็ม ที่เขาตามหาล้วนดึงมาจากความทรงจำในวัยเด็กแทบทั้งสิ้น
“พี่เกิดปลายยุค 70’s ช่วงอายุ 5-6 ขวบ จะเห็นคุณน้าที่เป็นนักศึกษาศิลปะ แต่งตัวแบบฮิปปี้ไว้ผมยาวมาบ้านเรา นั่งวาดรูปบ้าง มาคุยกับครอบครัวพ่อแม่เราบ้าง พี่เองก็เคยไปห้องของเขา ตอนนั้นก็แต่งสไตล์แบบนี้แหละ แต่ทุกอย่างไม่ชัดนะ เป็นภาพจำที่รางเลือน ซึ่งพี่ว่ามันเป็นเสน่ห์มาก ๆ ด้วยเหมือนกัน”
ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่คุณจะเห็นได้ในห้องนี้จึงมีทั้งของเก่า ของใหม่ ไม้ เหล็ก บุหนัง และเบาะหุ้มผ้า ผสมผสานกันไป โดยจะมีทั้งกลิ่นอายเรโทร สแกนดิเนเวียน ไปจนถึงวินเทจ รวมถึงของตกแต่งที่พี่เบิร์นซื้อมาเพิ่ม และหยิบมาจากบ้านเดิมของเขาเอง
“อย่างแก้วน้ำสีชาๆ พี่เคยจำได้ว่าสมัยก่อนเวลามีคนมาหาที่บ้าน แม่จะเอาแก้วพวกนี้ออกมารับรอง หรือกระติกน้ำร้อยสมัยโบราณ ลายกราฟิกสวย ๆ พอนึกได้ก็รีบโทรบอกแม่ว่าอย่างเพิ่งทิ้งนะจะกลับไปเอามาแต่งห้อง”
เรื่องฟังก์ชันการใช้งานพี่เบิร์นบอกว่า พยายามจัดให้ลงตัวมากที่สุด โดยแบ่งพื้นที่ตรงกลางเป็นทั้งห้องรับแขก ดูหนังฟังเพลง ก่อนจะแบ่งห้องทางซ้ายให้เป็นห้องนอน ส่วนทางขวาเป็นห้องทำงาน
แต่ไม่ว่าจะอยู่ห้องไหน สิ่งที่มีเหมือนๆ กันก็คือแผ่นเสียง ไม่ว่าจะเป็น The Beatles, Jimi Hendrix รวมถึงศิลปินไทยทั้งลูกกรุงและลูกทุ่ง เขายอมรับเขิน ๆ ว่าเขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่ามันมากมายนับหลายร้อยแผ่นจนกลายเป็นของสะสมไปเสียแล้ว
“แผ่นเสียงพวกนี้ทำให้นึกย้อนกลับไปตอน 5-6 ขวบอีกครั้ง คุณแม่ฟังเพลงนี้ ตอนเราขับรถไปด้วยกัน หรือบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่แม่จะเปิดจากทีวีตอนเช้าๆ พี่กับพี่สาวก็จะเกี่ยงกันลุกจากเตียง เพราะถ้าได้ยินเพลงนี้เมื่อไร แสดงว่าเริ่มสายแล้ว (ยิ้ม) การได้ยินเพลงนั้นๆ ช่วยกระตุ้นให้ความทรงจำในแต่ละช่วงเวลา ความทรงจำทุกอย่างจะเป็นภาพสามมิติขึ้นมาเลย เหมือนเป็นซาวด์แทร็คของชีวิตน่ะ”
“พี่ว่าความทรงจำก็เหมือนโฟลเดอร์ในคอมพิวเตอร์ ที่เราป้อนข้อมูลใหม่เข้าไปเรื่อยๆ คนที่จัดโฟลเดอร์ดีๆ คลิกแค่ไม่กี่ครั้งก็เจอ แต่ถ้าคนไม่เคยจัดระเบียบก็อาจจะต้องค้นโฟลเดอร์กันนานหน่อย”
หนุ่มใหญ่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบหลังจบประโยค ก่อนจะเดินไปดูนกดูต้นไม้ที่ริมระเบียง น่าแปลก ที่ ณ ตอนนี้ เราได้ยินเสียงเพลงแว่ว ๆ มาจากที่ไหนไกล ๆ เหมือนซาวแทร็คในภาพยนตร์แบบที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด เป็นบทเพลงที่หวานปนขม เหมือนชัดเจนแต่ก็เลือนลาง และมีมนตร์สะกดที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
เรื่อง : มนตรา
ภาพ : จิระศักดิ์, นันทิยา
วิดีโอ : New Media
คอลัมน์ : Room To Room
เล่ม : February 2014 No.132
http://www.baanlaesuan.com/2281/houses/live-creatively/
http://www.baanlaesuan.com/43567/ideas/daily-idea-cool-music-corner/