The Sukhothai Spa ถอดรหัสงานออกแบบศิลปะสุโขทัยสู่สปาร่วมสมัย

ถอดรหัสศิลปะสุโขทัย ใน “The Sukhothai Spa”

ค้นหาคำตอบ สถาปัตยกรรมไทยจะสามารถอยู่ในบริบทในปัจจุบันได้อย่างไร กับการถอดรหัสงานออกแบบใน The Sukhothai Spa สปาร่วมสมัย ณ บริบทใจกลางเมือง

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบสถาปัตยกรรม: Palai Studio
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม: REDLAND-SCAPE
ออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน: SIXSEVENS
ออกแบบแสงสว่าง: Atelier AT Lighting

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์ด้านสปาและการดูแลสุขภาพ (Wellness) กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน “โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพ” โรงแรมหรูกลางย่านสาทร ที่เปิดให้บริการมาแล้วยาวนานกว่า 20 ปี จึงเล็งเห็นถึงกระแสดังว่า ประจวบเหมาะกับการมีอาคารเรือนไทยดั้งเดิมตั้งอยู่ในพื้นที่โรงแรม จึงเกิดแรงบันดาลใจในการปรับปรุงสถานที่ให้กลายมาเป็นสปาโฉมใหม่ ในชื่อ The Sukhothai Spa ที่ถอดรหัสความงามแบบศิลปะสุโขทัยมาใช้กับสถาปัตยกรรมไทยดีไซน์ร่วมสมัย

รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของ “วัดศรีชุม” อุทยานประวัติศาสตร์ของสุโขทัย ถูกนำมาถอดรหัสเป็นงานออกแบบซุ้มประตูต้อนรับ โดยถอดการ “ย่อมุม” คือเทคนิคงานก่อสร้างโบราณที่ทำให้มุมของผนังหรือวัตถุ เช่น แท่น ฐาน เสา ลึกเข้าไปเป็นมุม 90 องศา
งานแลนด์สเคปแพทเทิร์นดอกบัว อย่าง ก้นสระใช้สัญลักษณ์ดอกบัวเพื่อสร้างประติมากรรมรูปแบบใหม่ที่ร่วมสมัยโดยถูกออกแบบจากวัสดุหินและโลหะ
การใช้ “ย่อมุม” เทคนิคงานก่อสร้างโบราณที่ทำให้มุมของผนังหรือวัตถุ เช่น แท่น ฐาน เสา ลึกเข้าไปเป็นมุม 90 องศา
นำสถาปัตยกรรมของ “วัดศรีชุม” อุทยานประวัติศาสตร์ของสุโขทัย มาเป็นต้นแบบงานออกแบบซุ้มประตูต้อนรับ
คณะผู้ออกแบบ THE SUKHOTHAI SPA จากซ้ายไปขวา
1.คุณกรกนก เมฆศิลป์ Interior Designer จาก บจก. 67S
2.คุณปสงค์จิต แก้วแดง
3.คุณนิภาพร วิบูลย์จักร์
4.รองศาสตราจารย์ ดร.ประชา แสงสายัณห์
5.คุณธนนาถ กรมณีโรจน์ สถาปนิก จาก บจก. พาไล สตูดิโอ

“Reborn: The Redefining of Ruean Thai” คือคอนเซ็ปต์ของการออกแบบสปาแห่งใหม่นี้ นำโดย
รศ. ประชา แสงสายัณห์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ตั้งต้นจากการศึกษากลุ่มอาคารพักอาศัยเรือนไทยในที่ตั้งเดิม ตั้งใจปรับเปลี่ยนให้ใช้เป็นสปา อันเป็นเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้น รูปแบบของงานออกแบบก็ยังได้อ้างอิงไปถึงสถาปัตยกรรมของโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพเอง ซึ่งออกแบบไว้นานแล้วโดย Kerry Hill และ Ed Tuttle แต่ยังคงความร่วมสมัยถึงปัจจุบัน และสิ่งต่อมาที่ขาดไม่ได้ คือการวิจัยหลักฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จากยุคสุโขทัย เพื่อมาถ่ายทอดเป็นงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยให้ลึกซึ้งและสะท้อนถึงรากเหง้าได้อย่างแท้จริง

ไฮไลต์ตั้งแต่ทางเข้าคือ การนำรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของ “วัดศรีชุม” อุทยานประวัติศาสตร์ของสุโขทัย มาถอดรหัสเป็นงานออกแบบซุ้มประตูต้อนรับ โดยถอดการ “ย่อมุม” คือเทคนิคงานก่อสร้างโบราณที่ทำให้มุมของผนังหรือวัตถุ เช่น แท่น ฐาน เสา ลึกเข้าไปเป็นมุม 90 องศา เพื่อสร้างประสบการณ์ให้แขกผู้มาเยือนเสมือนเดินข้ามประตูผ่านเวลาสู่ยุคสุโขทัย รวมไปถึงส่วนก่อนเข้าสู่พื้นที่ภายใน ก่อนจะพบกับสระว่ายแบบขอบล้นที่ประดับด้วยประติมากรรมหอยสังข์ ช่วยสื่อความหมายถึงความเป็นมงคล ปรากฏอยู่อย่างสวยงามในลานเปิดโล่งเชื่อมต่อพื้นก่อนเข้าสู่กลุ่มอาคารสปา โดยเน้นการปล่อยพื้นที่ให้โล่ง ขับเน้นความสงบ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัวให้ผู้มาเยือนพร้อมที่จะได้รับประสบการณ์ผ่อนคลาย

งานแลนด์สเคปแพทเทิร์นดอกบัว อย่าง ก้นสระใช้สัญลักษณ์ดอกบัวเพื่อสร้างประติมากรรมรูปแบบใหม่ที่ร่วมสมัยโดยถูกออกแบบจากวัสดุหินและโลหะ
ลานกิจกรรมกึ่งเอาต์ดอร์ที่ใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วยในการบำบัดสุขภาพ
ส่วนที่พักรับรองถูกแบ่งอย่างเป็นสัดส่วนและสามารถมองเห็นวิวแลนด์สเคปต้นไม้ด้านนอก สร้างบรรยากาศผ่อนคลายในช่วงเวลาที่ใช้งานในสปาได้อย่างดี
นำเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเรือนไทยแบบ “เครื่องสับกึ่งก่อ” หมายถึง เรือนไทยที่ผสมผสานโครงสร้างระหว่างการเป็นเรือนไม้สักทองที่ครึ่งบน ตั้งอยู่บนโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูนที่ครึ่งล่าง
เทคนิคงานก่อสร้างเรือนไทยที่ถูกนำมาใช้ในสปา
เทคนิคงานก่อสร้างแบบเรือนไทยที่ถูกนำมาใช้ในสปา และมีการใช้วัสดุท้องถิ่นอย่างหลังคากระเบื้องดินเผา

เมื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในแล้ว จึงจะพบกับกลุ่มเรือนไทยกระจายตัวอยู่ในลานเป็นพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ของสปา โดยขับเน้นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเรือนไทยแบบ “เครื่องสับกึ่งก่อ” หมายถึง เรือนไทยที่ผสมผสานโครงสร้างระหว่างการเป็นเรือนไม้สักทองที่ครึ่งบน ตั้งอยู่บนโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูนที่ครึ่งล่าง อันเป็นการนำเรือนไทยที่ผสมผสานอย่างร่วมสมัยมาช่วยสร้างประสบการณ์ย้อนยุคที่ภายในสปา ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการสร้างความแตกต่างให้งานบริการ และยังเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบเขตร้อนชื้นของบริบทไทยด้วย

รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของ “วัดศรีชุม” อุทยานประวัติศาสตร์ของสุโขทัย ถูกนำมาถอดรหัสเป็นงานออกแบบซุ้มประตูต้อนรับ 
รายละเอียดของประตูที่ใช้องค์ประกอบของบ้านเรือนไทย
นำชื่อดอกบัวแต่ละชื่อมาใช้เป็นกิมมิกของชื่อห้อง
“ดอกบัว” สัญลักษณ์ของจิตใจ หรือการชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ถูกนำมาใช้ในส่วนออกแบบตกแต่งภายในของสปา ป้ายชื่อแต่ละห้องสปา งานตกแต่ง การจัดวางกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นแพตเทิร์นดอกบัว

การตกแต่งภายในล็อบบี้และส่วนต้อนรับ ก็จะพบการตีความจากเทคนิคย่อมุมที่กล่าวไว้ข้างต้นเช่นกัน โดยจะพบได้ในส่วนต่างๆ เช่น ผนังเหล็กดัดเคลือบพาติน่า และพื้นที่จัดแสดงสินค้าทั้งหลาย จนถึงผนังและพื้นตกแต่งทั้งรอบสปา องค์ประกอบต่อมาที่ถูกตีความและหยิบยืมจากอดีต คือ “ดอกบัว” สัญลักษณ์ของจิตใจ หรือการชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ถูกนำมาใช้ในส่วนออกแบบตกแต่งภายในของสปา ป้ายชื่อแต่ละห้องสปา งานตกแต่ง การจัดวางกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นแพทเทิร์นดอกบัว จนถึงงานแลนด์สเคป อย่างก้นสระใช้สัญลักษณ์ดอกบัวเพื่อสร้างประติมากรรมรูปแบบใหม่ที่ร่วมสมัยโดยถูกออกแบบจากวัสดุหินและโลหะ

นำเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเรือนไทยแบบ “เครื่องสับกึ่งก่อ” หมายถึง เรือนไทยที่ผสมผสานโครงสร้างระหว่างการเป็นเรือนไม้สักทองที่ครึ่งบน ตั้งอยู่บนโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูนที่ครึ่งล่าง
ห้องทรีตเมนต์ ก็ได้ผสานและจำลององค์ประกอบศิลปะในยุคสมัยสุโขทัยไว้ เช่น ประตูทางเข้าที่มีลักษณะเฉพาะ ของบ้านพฤกษศาสตร์เรือนไทย เตียงนอนคู่ที่ตั้งอยู่ใจกลางหลังคาเพดานสูง รูปทรงโค้งมน คล้ายท้องช้างของไทย
รายละเอียดองค์ประกอบต่างๆ ภายในสปาที่ตั้งใจถอดศิลปะในยุคสุโขทัยนำมาประยุกต์ใช้อย่างร่วมสมัย

ส่วนที่เหลืออย่างห้องทรีตเมนต์ ก็ได้ผสานและจำลององค์ประกอบศิลปะในยุคสมัยสุโขทัยไว้ เช่น ประตูทางเข้าที่มีลักษณะเฉพาะ ของบ้านพฤกษศาสตร์เรือนไทย เตียงนอนคู่ที่ตั้งอยู่ใจกลางหลังคาเพดานสูง รูปทรงโค้งมน คล้ายท้องช้างของไทย ไปจนถึงพื้นหินขัดละเอียดเทอร์ราซโซสีเทาอ่อนทอดยาวออกไปจนทั่วตัวห้อง และยังมีการใช้องค์ประกอบอย่าง ลายผนัง “ปะกน” แสดงถึงความเป็นบ้านเรือนไทย ผนังสีเขียวที่ได้แรงบันดาลใจจากสีของเครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัยอย่าง “ศิลาดล” ซึ่งมีโทนสีที่ยังคงความงดงามแบบร่วมสมัย ทั้งหมดนี้แสดงถึงความละเอียดอ่อนและนุ่มนวล

สระว่ายแบบขอบล้นที่ประดับด้วยประติมากรรมหอยสังข์ ช่วยสื่อความหมายถึงความเป็นมงคล ปรากฏอยู่อย่างสวยงามในลานเปิดโล่งเชื่อมต่อพื้นก่อนเข้าสู่กลุ่มอาคารสปา โดยเน้นการปล่อยพื้นที่ให้โล่ง ขับเน้นความสงบ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัวให้ผู้มาเยือนพร้อมที่จะได้รับประสบการณ์ผ่อนคลาย

สปาที่ต้องการบรรยากาศการผ่อนคลายอย่างสูงสุด คงจะขาดเรื่องการออกแบบแสงสว่างไปไม่ได้ เพราะนอกจากความสวยงาม ดีไซน์แสงสว่างที่ดีก็จะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์ของสเปซและอารมณ์ในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน โดยที่นี่ได้ออกแบบแสงสว่างให้เรืองรองราวกับว่าลูกค้าได้เดินทางกลับไปในยุคสุโขทัย อันเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความสุขและความเจริญรุ่งเรือง โดยใช้แสงในลักษณะเป็นเส้นเพื่อสร้างขอบเขต และใช้แสงช่วยเปลี่ยนอารมณ์ร่วมกับเสียงเพลงและกลิ่นต่างกันในแต่ละช่วงเวลาด้วย

The Sukhothai Spa นำเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทยในยุคสุโขทัยมาผสานกับงานออกแบบสปาได้อย่างร่วมสมัย

The Sukhothai Spa จึงเป็นสถานที่ที่เปรียบได้กับการเดินทางไปยังยุคที่รุ่งเรือง ทว่าสงบและผ่อนคลาย จากสเปซที่ถูกตั้งใจออกแบบโดยสืบถอดเอกลักษณ์ศิลปะสถาปัตยกรรมยุคสุโขทัยอายุกว่า 776 ปี ให้คงอยู่ได้อย่างร่วมสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ทั้งเรื่องความวิจิตรและการเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม ที่นำสู่การผ่อนคลายในบริบทใจกลางสาทร

ออกแบบสถาปัตยกรรม: Palai Studio
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม: REDLAND-SCAPE
ออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน: SIXSEVENS
ออกแบบแสงสว่าง: Atelier AT Lighting

เรียบเรียง: Lily J.
ภาพ: The Sukhothai Spa


บุรีรัตนา โฮเทล ยกวิถีล้านนาสู่การพักผ่อนแบบมินิมัลร่วมสมัย