เมื่อสตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมอย่าง S.O.S Architects ต้องการขยายพื้นที่การทำงาน เนื่องจากมีขนาดเล็ก ไม่รองรับจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังขาดห้องประชุม พื้นที่เก็บวัสดุ และพื้นที่สำหรับรับรองแขก จึงย้ายมายังตึกแถวในย่านสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ แล้ว รีโนเวทตึกแถว นี้ ให้กลายเป็นออฟฟิศผสานฟังก์ชันช่วยสร้างรายได้เพิ่ม
DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: S.O.S Architects
ที่นี่เป็นสตูดิโอออกแบบแห่งใหม่ของ S.O.S Architects เกิดจากการ รีโนเวทตึกแถว หน้าแคบเพียง 4 เมตร อายุเก่าแก่กว่า 30 ปี ที่เคยมีสภาพทรุดโทรมจากการถูกปล่อยร้างขาดการบำรุงรักษามานาน เพื่อเปลี่ยนเป็นที่ทำงานของสถาปนิก ที่มาพร้อมความพิเศษ 3 ฟังก์ชัน รวบรวมไว้ในอาคารหลังเดียว


3ฟังก์ชันในอาคารเดียว
การรีโนเวทพื้นที่ภายในจึงจำเป็นต้องรื้อถอนเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงโครงสร้างหลักเป็นฐานในการปรับปรุง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น S.O.S Architects ผู้เป็นทั้งสถาปนิกและเจ้าของตึกจึงออกแบบการใช้งานอาคารให้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก เพิ่มเติมหน้าที่ให้นอกเหนือจากสำนักงานสถาปนิกของพวกเขา
โดยมีชั้นล่างเป็นพื้นที่ปล่อยเช่าสำหรับร้านอาหาร มีการเตรียมงานระบบไฟฟ้าและประปาไว้รองรับผู้เช่าในอนาคต ต่อมาชั้น 2 และชั้นลอย ใช้เป็นพื้นที่สำนักงานของ S.O.S Architects ออกแบบให้รองรับการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และชั้นบนสุด ดัดแปลงเป็นที่พักให้เช่าในรูปแบบ Airbnb เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม





บันไดวนสร้างคาแรกเตอร์
เนื่องจากทั้ง 3 ฟังก์ชันหลักของอาคารมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน จึงต้องการความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน การออกแบบ Circulation หรือทางสัญจรภายในอาคาร จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ คำตอบของโจทย์นี้คือ “บันไดวน” ซึ่งกลายมาเป็นพระเอกของอาคาร
โดยทำหน้าที่เป็นทั้งทางสัญจรแนวตั้งและองค์ประกอบฟาซาดของสถาปัตยกรรมไปในตัว เชิงฟังก์ชันบันไดวนนี้ตอบโจทย์อาคารอย่างตึกแถวได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับข้อจำกัดของอาคารที่มีหน้าแคบเพียง 4 เมตร อีกทั้งยังช่วยแบ่งสัดส่วนการเข้าถึงของแต่ละพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
ส่วนในเชิงการออกแบบบันไดวนยังสร้างคาแรกเตอร์เฉพาะตัวให้กับอาคาร สถาปนิกได้เลือกใช้วัสดุเป็นเหล็กแผ่นดัดขึ้นรูปและติดตั้งด้วยระบบแห้ง (Dry Process) ช่วยให้ประหยัดเวลาก่อสร้าง และสะท้อนความชอบของผู้ออกแบบที่หลงใหลสไตล์อินดัสเทรียล ที่เน้นโครงสร้างเปลือยและการสำแดงคุณสมบัติของวัสดุอย่างตรงไปตรงมา



แบ่งฟังก์ชันตามการใช้งาน
ในพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ยังมีไอเดียการแบ่งพื้นที่และการใช้วัสดุที่น่าสนใจในแต่ละส่วน เช่น ในพื้นที่สตูดิโอออกแบบของ S.O.S Architects ที่จัดวางไว้บริเวณชั้น 2 มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่อย่างชัดเจนตามระดับความเป็นส่วนตัวและลักษณะการใช้งาน เริ่มจากโซนด้านหน้าทำหน้าที่เป็นพื้นที่ต้อนรับลูกค้าโดยออกแบบให้แยกจากพื้นที่ทำงานหลัก เพื่อป้องกันการรบกวนและรักษาบรรยากาศการทำงานภายใน


ถัดมาเป็นห้องทำงานของไดเรคเตอร์ แม้จะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่ผู้ออกแบบเลือกใช้ “กระจกลอนลูกฟูก” เพื่อให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นส่วนตัว ช่วยให้ห้องรู้สึกโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด ถัดจากนั้น คือพื้นที่ทำงานของเหล่าสถาปนิกรองรับทีมงานได้ประมาณ 15 คน มีการออกแบบทางเข้าแยกต่างหากเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผ่านห้องของไดเรคเตอร์ ช่วยเพิ่มความสะดวกและไม่รบกวนกัน นอกจากนี้ พื้นที่สตูดิโอ ยังมีชั้นลอย (Mezzanine) ใช้เป็นห้องประชุมและพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมภายใน เช่น การนันทนาการ หรือการระดมไอเดียร่วมกันของทีม





ชั้นบนสุดของอาคารออกแบบให้เป็นพื้นที่พักอาศัยในรูปแบบธุรกิจให้เช่า (Airbnb) ภายใต้ชื่อ “Designer Penthouse in the City” รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 4 ท่าน โดยผู้เข้าพักส่วนมากเป็นกลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่มาพักระยะยาวมากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป ภายในชั้นเดียวยังสามารถจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว แม้จะอยู่ในอาคารที่มีข้อจำกัดด้านขนาด แยกทางขึ้นเมื่อขึ้นมาจากบันไดวนจะพบกับโซนพักผ่อนด้านหน้าที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับนั่งเล่น หรือดื่มกาแฟรับแสงธรรมชาติ



แล้วจึงค่อยเข้าสู่พื้นที่ห้องนั่งเล่นมาพร้อมโซฟาเบดขนาด 5 ฟุต ปรับเป็นเตียงนอนได้ เพื่อรองรับผู้เข้าพักเพิ่มเติม ติดกัน คือมุม Bar Pantry ขนาดกะทัดรัด สำหรับปรุงอาหารง่าย ๆ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่นิยมทำอาหารเอง โดยเฉพาะนักเดินทางที่เข้าพักระยะยาว ด้านในสุดคือห้องนอนหลักเลือกใช้เตียงคิงไซซ์ขนาด 6 ฟุต พร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มาพร้อมอ่างอาบน้ำ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและหรูหรา เหมือนอยู่ใน “เพ้นต์เฮ้าส์” ตามชื่อที่ตั้งไว้ ส่วนสไตล์การออกแบบใช้วัสดุไม้อัดและใช้สีเด่น ๆ อย่างสีน้ำเงินในสไตล์ Mid-Century ผสมผสานกับความเป็นอินดัสเทรียล
นอกจากจะผสานฟังก์ชันหลากหลายไว้ในอาคารเดียว ที่นี่ยังออกแบบให้เป็น “พื้นที่ทดลอง” สำหรับการใช้งานวัสดุและเทคนิคใหม่ ๆ ซึ่งมักเป็นวัสดุที่ลูกค้าทั่วไปอาจไม่กล้าเลือกใช้ในงานจริง ด้วยแนวคิดให้ออฟฟิศทำหน้าที่เสมือนโชว์รูมขนาดย่อม




การออกแบบที่นี่ทีมสถาปนิกตั้งใจทดลองวัสดุหลากหลายชนิด เพื่อให้ลูกค้าเห็นคุณสมบัติและผลลัพธ์ของวัสดุจากของจริง ไม่ใช่เพียงในภาพสามมิติเท่านั้น เช่น การใช้ผนังที่มีพื้นผิวแตกต่างกัน โดยใช้เทคนิคการขัดด้วยกระดาษทราย และการใช้เครื่องเจียร (ลูกหมู) เพื่อสร้างเท็กซ์เจอร์เฉพาะ หน้าต่างอะลูมิเนียมที่เลือกใช้กรอบสีและรูปทรงไม่มาตรฐาน เพื่อทดลองการเข้ากับแสงและมุมมอง โดยรวมของแนวทางการรีโนเวตที่นี่ จึงไม่เพียงช่วยให้อาคารมีหลายฟังก์ชัน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าใจและสัมผัสคุณภาพของวัสดุผ่านการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ออกแบบ: S.O.S Architects
เรื่อง: Lily J
ภาพ: Kanthamanee Naprom
THE CONCRETE CAVE บ้านปูนเปลือย ที่เป็นส่วนตัวจากภายใน
