White Wood Green Spa & Wellness Yenarkart สปาสีขาวในโกดังเก่า

White Wood Green Spa & Wellness Yenarkart ปรับปรุงอาคารโกดังเก่าสู่สปาสีขาวเรียบง่าย

มอบประสบการณ์เยียวยากายใจ พร้อมแนวคิดอนุรักษ์อาคารเพื่อเล่าความเป็นย่านของเมือง ที่ White Wood Green Spa & Wellness Yenarkart สปาสีขาวในโกดังไม้เก่าบนถนนเย็นอากาศ

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: Supar Studio

ที่ White Wood Green Spa & Wellness Yenarkart นับเป็นบ้านหลังใหม่ของสปาสีขาว “White Wood Green” แบรนด์สปาแอนด์เวลเนสไทย ที่เน้นการผสมผสานธรรมชาติและการบำบัด ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากพลังแห่งธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางบรรยากาศของสปารูปแบบสแตนด์อโลน โดยครั้งนี้ได้ขยายสาขาจากเอกมัย 12 มายังถนนเย็นอากาศซึ่งเป็นทำเลที่สงบร่มรื่น เอาใจกลุ่มลูกค้าประเภท Resident ประจำย่านได้มีพื้นที่พักผ่อน โดยมีทั้งสปา คาเฟ่ และห้องกิจกรรมเวิร์กชอปรวมอยู่ในที่เดียว

สปาสีขาวในโกดังไม้เก่าบนถนนเย็นอากาศ มอบประสบการณ์เยียวยากายใจ พร้อมแนวคิดอนุรักษ์อาคารเพื่อเล่าความเป็นย่านของเมือง
สำหรับพื้นที่นี้ใช้เป็นโซน Register ให้แขกพักดื่มน้ำ เลือกแพ็คเกจต่าง ๆ เสร็จแล้วทางเดินนำเข้าไปส่วน Private

คงเอกลักษณ์โกดังเดิมเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์พื้นที่

การปรังปรุงอาคารครั้งนี้ Supar Studio และเจ้าของอย่าง คุณแอน – ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์ ต่างต้องการคงเอกลักษณ์ของโกดังเดิมไว้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของยุคและการค้าขายในสมัยก่อนว่าครั้งหนึ่งในซอยเย็นอากาศได้เคยมีอาคารโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ โดยเฉพาะโครงถักไม้ (Wooden Truss) ที่มีเส้นสายสวยงามดูโดดเด่น จนถูกเลือกให้ทำหน้าที่สื่อสารอัตลักษณ์ของพื้นที่ (Sense of Place) กลายเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ขณะเดียวกันแนวทางการอนุรักษ์อาคารเก่านี้ ยังมีผลดีในแง่การรักษาทรัพยากร พลังงาน และต้นทุนการก่อสร้าง พร้อมกับคุณค่าระดับย่าน หรือเมือง เพราะรูปทรงอาคารนี้ได้บรรจุทั้งเรื่องราวฝีมือช่างที่ไม่สามารถทำซ้ำขึ้นใหม่ได้ง่าย เเละไม่มีใครเหมือน เป็นความทรงจำของเมืองเเละย่านเย็นอากาศเมื่อ 50 ปี ก่อนเอาไว้

คุณแอน – ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์
มีการเสริมเสาปูนและการประกบเหล็กเข้ากับคาน เเละการทำเสาค้ำยัน ที่เปิดเผยรายละเอียดเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง เพราะต้องการให้คนเห็นถึงของใหม่เเละเก่าที่อยู่ด้วยกันแบบไม่เคอะเขิน
มีไฮไลต์อย่างบ่อแช่ตัวแบบออนเซ็น หรือวารีบำบัด (Hydrotherapy) แบ่งแยกชายเเละหญิง พร้อมวิวสวนส่วนตัว

“ความตั้งใจในการทำสปาของแบรนด์ แนวทางของแบรนด์เราทำสปาแบบสแตนด์อโลนเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในตึก เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากความวุ่นวายมากที่สุด เรามาเจอที่นี่เราชอบอาคารที่มีลักษณ์ที่มีความเป็นไม้เพราะชอบในความโฮมมี่ค่ะ และที่นี่ก็เป็นถนนที่ไม่ได้ห่างจากใจกลางเมืองจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันต้องเป็นถนนที่สงบแต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับย่านสำคัญได้หลายทาง เราอยากเปิดสถานที่ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์จริง ๆ ซึ่งตรงนี้ยังไม่มี และชอบที่ย่านนี้มี Resident คนไทยเยอะ และคิดว่าคนไทยต้องการพื้นที่พักผ่อน นอกเหนือจากห้าง ก็เลยคิดว่าถ้าเรามาตั้งอยู่ตรงนี้ ที่นี่อาจจะเป็นที่พักผ่อนที่เขากำลังหาอยู่ ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาใช้เวลาและมีกิจกรรมร่วมกัน” คุณแอน – ชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์

White Wood Green จากชื่อของสปาได้ตีความสู่งานออกแบบ คำว่า “สีขาว” เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์จากธรรมชาติ “ไม้” เป็นตัวแทนมอบความรู้สึกอบอุ่น ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน และ “สีเขียว” หมายถึงต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบ ๆ สถานที่แห่งนี้
คงเอกลักษณ์ของโกดังเดิมไว้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของยุคและการค้าขายในสมัยก่อนว่าครั้งหนึ่งในซอยเย็นอากาศได้เคยมีอาคารโครงสร้างไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้

สร้างใหม่ให้น้อยคงธรรมชาติจริงให้มาก

ในขั้นตอนการปรับปรุงอาคาร สถาปนิกเเทบไม่ได้เปลี่ยนกายภาพอาคารเลย เพราะต้องการให้อาคารยังดูเป็นโกดังจริง ๆ และเลือกโชว์โครงถักไม้เดิมไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากอาคารมีอายุเก่าแก่จึงต้องมีการเสริมเสาเหล็กซ่อนอยู่ในผนังใหม่ หรือโครงสร้างค้ำยันใหม่โดยเฉพาะตรงโถงบันไดกลางอาคารโซน Private Spa ที่สามารถเห็นโครงสร้างเหล็กส่วนใหม่ค้ำกับโครงสร้างเก่าชัดเจนสวยงามและแข็งเเรงขึ้น ฝ้าเพดานกรุแผ่นเมทัลชีทซ้อนฉนวนกันความร้อนไว้ด้านใน โดยยังคงโชว์โครงสร้างไม้เดิมไว้ พื้นที่บางส่วนได้เปลี่ยนการใช้สอยใหม่ เช่นคว้านพื้นที่อาคารเพื่อเปิดเป็นคอร์ตสวนแล้วนำไม้ที่รื้อจากโครงหลังคามาทำเป็นพื้นระเบียง ขัดแต่งเป็นผนัง หรือทำเป็นพื้นที่นั่งล้างเท้า และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ แบบไม่เสียประโยชน์

(ซ้าย) คุณสุวภัทร ชูดวง Architect & Design Director และ (ขวา) คุณกตัญญู อังวัศนพาณิชย์ Project Architect จาก Supar Studio

“ในฐานะดีไซเนอร์รู้เทรนด์ของว่าโลกเเละสังคมการออกแบบในเวลานี้ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ต้อง Conscious มากขึ้นในการมองสิ่งที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ เเละเก็บสิ่งที่มีคุณค่านำมาใช้ให้ได้มากที่สุด สร้างใหม่ให้น้อยลง ทุบทำลายน้อยลง วิธีคิดนี้เป็นสิ่งที่ทั้งเราเเละเจ้าของสนใจ เป็นการทำงานอย่างเงียบ ๆ สงบ ๆ เเละพิจารณาตัวอาคารเดิมไปว่าจะเก็บเเละจะเล่าอะไร ซึ่งเข้ากับเเนวทางของสปาที่พูดถึงความเป็นธรรมชาติจริง ๆ ของพื้นที่ ก็คือโกดังเเละโครงสร้างของมันที่สวยงามอยู่เเล้ว เรามั่นใจเเต่เเรกว่าคือแนวทางการเก็บรักษาไว้จริง ๆ” คุณสุวภัทร ชูดวง Architect & Design Director

“การทุบทำลายแล้วสร้างใหม่นั้นทำงานง่ายกว่าการปรับปรุงของเดิมมาก แต่การที่จะเลือกปรับปรุงอาคารโดยเก็บของเดิม แล้วเพิ่มของใหม่ให้อยู่ร่วมกัน ทำให้อาคารมีความ Timeless เฉพาะตัวที่ไม่สามารถสร้างใหม่ได้ นับเป็นการเห็นคุณค่าของอดีตและปัจจุบันรวมกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีอาคารเก่ามากมาย โปรเจ็กต์นี้ก็เช่นกัน มันทำให้เห็นว่าเราสามารถอยู่ร่วมกับของเก่า โดยการทำสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่าใหม่โดยที่รักษาของเดิม สิ่งนี้สำหรับผมถือเป็นความรุ่มรวยทางด้านวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งครับ” คุณกตัญญู อังวัศนพาณิชย์ Project Architect จาก Supar Studio

การใช้สีขาวเพื่อให้พื้นที่ที่เป็นไม้ปรากฏเด่นชัดออกมาก เผยโครงสร้างไม้เดิม คาน เสา เเละรูปทรงจั่วของโกดัง รวมถึงลักษณะของคานแปลก ๆ ที่เป็นทั้งการค้ำ การยื่นชายคา
ออกแบบทางเดินไล่ตามลำดับการใช้งาน สำหรับลูกค้าของสปาเมื่อจบคอร์สแล้วสามารถเดินมายังพื้นที่คาเฟ่เพื่อพักผ่อนรับประทานอาหารเป็นลำดับสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
ต้อนรับลูกค้าทั่วไปแม้ไม่ได้มาใช้บริการนวดสปา แต่ยังสามารถมาใช้บริการพื้นที่คาเฟ่ หรือรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพได้ตอบโจทย์คนในย่าน
เมื่อจบคอร์สการทำสปาลูกค้าสามารถเดินออกมายังพื้นที่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสปาที่ถูกออกแบบทางเดินไล่ตามลำดับการใช้งาน

ออกแบบพื้นที่เพื่อมอบช่วงเวลาพักผ่อนคุณภาพ

การวางแผนผังการใช้งานพื้นที่ต่าง ๆ ในอาคารโกดังซึ่งมี 3 หลัง สถาปนิกได้แบ่งโซน Public และ Private Spa ที่ชัดเจน อาคารส่วนหน้า หรือโกดังหลังแรก ออกแบบเป็นพื้นที่ Lifestyle Wellness และ ส่วนหลังเป็น Spa Treatment & Hydrotherapy แบ่งเส้นทางการเดินไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แบบ One way ให้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านอารมณ์ ไร้การรบกวนจากภายนอก สำหรับโซน Public ด้านหน้า ประกอบด้วยพื้นที่ Welcoming Area ให้ลูกค้าถอดรองเท้า เเละเตรียมเข้ามายังพื้นที่ล็อบบี้ มีเบาะนั่งยาว ๆ แบบ Sunken มองออกไปสายตาจะปะทะกับวิวสวน มีกำแพงบังถนนเย็นอากาศให้ไม่เห็นความวุ่นวายของการจราจรด้านนอก สำหรับพื้นที่นี้ใช้เป็นโซน Register ให้แขกพักดื่มน้ำ เลือกแพ็คเกจต่าง ๆ เสร็จแล้วทางเดินนำเข้าไปส่วน Private ด้านซ้ายมือมีบันไดขึ้นชั้น 2 สู่ห้องเวิร์กชอปสำหรับคลาสเรียนกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โยคะ หรือคลาสเรียนเกี่ยวกับเรื่อง Wellness

พื้นที่ล็อบบี้มีเบาะนั่งยาว ๆ แบบ Sunken มองออกไปสายตาจะปะทะกับวิวสวน มีกำแพงบังถนนเย็นอากาศให้ไม่เห็นความวุ่นวายของการจราจรด้านนอก
สถาปนิกเเทบไม่ได้เปลี่ยนกายภาพอาคารเลย เพราะต้องการให้อาคารยังดูเป็นโกดังจริง ๆ และเลือกโชว์โครงถักไม้เดิมไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์
บริเวณพื้นที่ล็อบบี้มีโซนล้างเท้า ก่อนที่ลูกค้าจะเข้าสู่พื้นที่ไพรเวตด้านใน
จากโซน Register ของอาคารด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นมายังชั้น 2 โดยทำเป็นห้องจัดกิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อสุขภาพต่าง ๆ ด้านบนโชว์โครงถักไม้ (Wooden Truss) ที่มีเส้นสายสวยงามดูโดดเด่น

เส้นทางเดินส่วน Private ได้นำพาแขกเข้าโซน Private Spa ที่อยู่ในอาคารโกดังที่ 2 และ 3 ด้านหลัง บรรยากาศดูโปร่งสบายด้วยโถงสูงรับแสงจากคอร์ตสวนที่เกิดจากการคว้านพื้นที่อาคารด้านข้างออก ที่นี่แขกจะพบกับพื้นที่ที่เรียกว่า Stair Hall สำหรับกระจายเเขกไปยังโซนของห้องสปาต่าง ๆ ตามที่ได้ซื้อแพ็คเกจไว้ โดยมีบันไดสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นการทำพื้นที่ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นห้องสปาต่าง ๆ บนชั้นบนจะสามารถมองเห็นการตกแต่งภายในที่สถาปนิกพยายามออกแบบห้องตามจั่วไม้ เพื่อให้เกิดภาพของการเล่าเรื่องว่ากำลังอยู่ในพื้นที่โกดัง

พื้นที่ที่เรียกว่า Stair Hall สำหรับกระจายเเขกไปยังโซนของห้องสปาต่าง ๆ 
การตกแต่งไม่ได้เติมแต่งอะไรมาก เพราะสถาปนิกต้องการแสดงกายภาพเดิมของอาคาร เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของอินทีเรียร์เท่านั้น
โชว์โครงสร้างไม้เดิมไว้ พื้นที่บางส่วนได้เปลี่ยนการใช้สอยใหม่ เช่นคว้านพื้นที่อาคารเพื่อเปิดเป็นคอร์ตสวนแล้วนำไม้ที่รื้อจากโครงหลังคามาทำเป็นพื้นระเบียง

โดยมีห้องบริการเพียง 14 ห้อง สำหรับบริการนวดเพื่อสุขภาพตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า เช่น นวดแผนไทย นวดอโรม่าแบบ Exclusive Organic นวดหินร้อน ฯลฯ ซึ่งมีความพิถีพิถันทุกขั้นตอน และมีไฮไลต์อย่างบ่อแช่ตัวแบบออนเซ็น หรือวารีบำบัด (Hydrotherapy) แบ่งแยกชายเเละหญิง พร้อมวิวสวนส่วนตัว เมื่อจบคอร์สการทำสปาลูกค้าสามารถเดินออกมายังพื้นที่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสปาที่ถูกออกแบบทางเดินไล่ตามลำดับการใช้งาน

โชว์ให้เห็นงานโครงสร้างหลังคาไม้ ซึ่งแต่ละช่วงของอาคารจะโชว์โครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน เช่น เจอคานแบบด้านหน้า หรือคานแบบด้านข้าง กลายเป็นความพิเศษเพื่อบอกว่าที่นี่อยู่ภายในพื้นที่โกดังเก่า
พื้นที่ด้านหลังอาคารโกดังคือพื้นที่ของห้องแช่ตัวแบบออนเซ็น หรือวารีบำบัด (Hydrotherapy) ที่สามารถทอดสายตาชื่นชมสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว

มากกว่าสปาที่เยียวยากายใจไปพร้อมกัน

การเปลี่ยนโกดังลักษณะนี้ไปเป็นสปาถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษผ่านการใช้งานพื้นที่ที่ไม่เหมือนที่ใด และอีกสิ่งที่เเบรนด์สปาจะได้รับคือภาพของการสร้างความยั่งยื่น ความไม่ปรุงเเต่งมาก เเละเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ตรงนั้น เช่นการเก็บไม้ที่เป็นโครงสร้าง ตัวอาคาร และความเป็นธรรมชาติเดิม อันเป็นเเนวทางที่สอดคล้องกับแนวคิดของสปาที่ชัดเจนตรงตามชื่อ White Wood Green โดยคำว่า “สีขาว” เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์จากธรรมชาติ “ไม้” เป็นตัวแทนมอบความรู้สึกอบอุ่น ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน และ “สีเขียว” หมายถึงต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าผู้มาเยือนจะได้รับรู้ผ่านผัสสะทั้งหก ซึ่งเจ้าของและสถาปนิกต่างเชื่อในพลังของงานดีไซน์ที่ไม่ต้องหวือหวา แต่สามารถเล่าเรื่องและรองรับประสบการณ์การบำบัดได้จริง ๆ สร้างการรับรู้ได้ถึงความสงบ ผ่อนคลาย ในพื้นที่ที่เป็นมิตรทั้งกายและใจของคนกรุง

ที่ตั้ง
45 ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
พิกัด https://maps.app.goo.gl/TYcYPDoQzN4Arark6
เปิดทุกวัน 10.00 -21.00 น.
คาเฟ่เปิด 8.30 – 17.30 น. (ปิดเฉพาะวันอังคาร)
โทร. 06-2802-2245
https://whitewoodgreen.com/th/

เจ้าของ: คุณชลิตา ตฤณขจี สุกาญจนพงษ์
ออกแบบ – ตกแต่ง: Supar Studio
Main Contractor : PNC Construction
Interior Contractor : Defter
Lighting Designer : LUMEN LIGHT Lighting Design
Structural Engineer : EXMS Engineerings
Mechanical Engineer : EXM Consultant

เรื่อง: Phattaraphon
ภาพ: นันทิยา บุษบงค์


ถอดรหัสศิลปะสุโขทัย ใน “The Sukhothai Spa”