ซื้อเครื่องกรองน้ำอย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ - room

ซื้อเครื่องกรองน้ำอย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

p11

ถ้าหากเราต้องการให้ทุกคนในครอบครัวได้ดื่มน้ำที่สะอาดและปลอดภัย การติดตั้งเครื่องกรองน้ำน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและสะดวกที่สุด เพราะเราสามารถควบคุมคุณภาพของน้ำดื่มได้ การเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่ในปัจจุบันเครื่องกรองน้ำมีมากมายหลายยี่ห้อหลายแบรนด์ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในเครื่องกรองน้ำบางยี่ห้อ ด้วยเหตุนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกสับสนว่า แล้วจะเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำแบบไหนดี วันนี้เราจึงมีวิธีการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำมาฝากกัน

  1. น้ำที่จะนำมากรอง

ปัจจุบันน้ำส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นน้ำประปา สามารถนำมากรองน้ำได้แทบทุกชนิด เพราะน้ำประปามีการบำบัดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียมาก่อนแล้ว ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยช่วยยืดอายุของไส้กรองให้มีระยะเวลาการใช้งานที่ยาวขึ้น

  1. ประสิทธิภาพของเครื่องกรองน้ำ

เครื่องกรองน้ำควรผ่านการรับรองจากองค์กรส่งเสริมอนามัยแห่งชาติระหว่างประเทศ (NSF International) ซึ่งเครื่องกรองน้ำ eSpring ได้ผ่านการทดสอบและรับรองว่าสามารถลดสิ่งปนเปื้อนตามมาตรฐาน NSI/ANSI ที่ 42, 53, 55, 401 และ P477

  1. นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้

ควรมีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาใช้ เช่น เทคโนโลยีไส้กรองคาร์บอน เทคโนโลยีหลอดอุลตร้าไวโอเล็ท เทคโนโลยีสมาร์ทชิพ เป็นต้น

  1. ยังคงแร่ธาตุที่มีประโยชน์ไว้

น้ำดื่มที่ดี นอกจากจะสะอาด ไม่มีเชื้อโรคหรือสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแล้ว ในน้ำควรมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายละลายอยู่ในปริมาณที่องค์การอนามัยโลก หรือกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ โดยการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคได้ใช้มาตรฐานคุณภาพน้ำจาก WHO 2011 ซึ่งได้กำหนดปริมาณขั้นต่ำของแร่ธาตุบางชนิดไว้อย่างเช่น ฟลูออไรด์ (Fluoride) = 0.7 mg/l* เป็นต้น eSpring จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเลือกเครื่องกรองน้ำ เพราะยังคงไว้ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม และฟลูออไรด์

  1. ติดตั้งง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน

เครื่องกรองน้ำ eSpring สามารถติดตั้งได้ง่ายมาก เพียงต่อกับก๊อกน้ำในบ้านเท่านั้น สำหรับใครที่อาศัยอยู่คอนโดที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ใช้สอย การติดเครื่องกรองน้ำ eSpring ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเครื่องกรองน้ำมีขนาดกะทัดรัด ทำให้สามารถติดตั้งที่มุมไหนของบ้านก็ได้ ที่สะดวกต่อการใช้งาน นอกจากนี้ เครื่องกรองน้ำ eSpring ยังมีการนำเทคโนโลยีไร้สายมาใช้ ซึ่งจะทำให้เราปลอดภัย ไม่เสี่ยงโดนไฟดูดเพราะน้ำและไฟฟ้าจะไม่สัมผัสกันโดยตรง

  1. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

p1

เครื่องกรองน้ำ eSpring ช่วยลดการซ่อมบำรุงสามารถช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายได้ เพราะไส้กรอง 1 ชุด สามารถกรองน้ำได้ถึง 5,000 ลิตร หรือ 1 ปี และถ้าหากเปรียบเทียบกับการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดเพื่อมาบริโภคภายในครอบครัว เครื่องกรองน้ำ eSpring ยังช่วยประหยัดเงินได้มากถึง 18,000 บาทต่อปี สำหรับครอบครัวขนาด 4 คน**

จะเห็นว่าเครื่องกรองน้ำ eSpring น้ำตอบโจทย์ทุกข้อตามที่กล่าวมาข้างต้น เพราะนอกจากเราจะดื่มน้ำที่สะอาดแล้วเรายังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงเลือกไม่ยากแล้วใช่ไหม ว่าสำหรับครอบครัวของเราแล้ว ควรจะเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำแบบไหนดี

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เครื่องกรองน้ำสำหรับครอบครัว *มาตรฐานคุณภาพน้ำประปาของการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคตามค้าแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ปี 2011 **สำหรับการคำนวณค่าใช้จ่ายเครื่องกรองน้ำ eSpring ดูเพิ่มเติม http://www.espring.co.th/why_calculate.html