ที่เที่ยวชุมพร ...นอนริมทะเลที่ตำบลสะพลี - room
ที่เที่ยวชุมพร

ที่เที่ยวชุมพร …นอนริมทะเลที่ตำบลสะพลี

ชุมพร มีใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า “ไปทะเลถ้าไม่หนีร้อนก็หนีรัก” ส่วนหนึ่งก็เห็นจะจริงนะ ไม่รู้ว่ามีใครเคยเก็บสถิติไว้หรือไม่ว่าคนหนีอย่างไหนมากกว่ากัน แต่สำหรับผมไม่ได้หนีทั้งสอง อย่าง เพราะวันที่เดินทางเป็นช่วงต้นฤดูฝน ฉะนั้นอากาศไม่ร้อนแน่นอน ที่เที่ยวชุมพร

ชุมพร ข้อดีของการเที่ยวหน้าฝนก็คืออากาศจะเย็นสบาย รู้สึกได้ถึงความสดชื่นอยู่เสมอ ต้นไม้ สองข้างทางก็เขียวชอุ่ม ที่สำคัญทำให้การเดินทางของเราเต็มไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากฝนตกถนนลื่น การใช้รถใช้ถนนจึงต้องไม่ประมาท ที่เที่ยวชุมพร

ที่เที่ยวชุมพร

ปลายทางของเราอยู่ที่อำเภอประทิว ซึ่งเป็นอำเภอแรกๆก่อนถึงอำเภอเมืองชุมพร ขับรถไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม เลยอำเภอบางสะพานน้อยไปประมาณ 50 กิโลเมตร ก็ถึงที่หมายแล้วครับ เราจะพักกันที่ตำบลสะพลี ซึ่งหลายท่านอาจไม่เคยได้ยินชื่อตำบลนี้มาก่อน เพราะส่วน ใหญ่คนเรามักหลงลืมสถานที่รายทาง เนื่องจากคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ หากลงใต้ก็มักจะมุ่งไป เมืองใหญ่ๆที่มีสีสันมากกว่านี้ ชุมพรจึงเป็นเหมือนประตูสู่ภาคใต้ที่น้อยคนนักจะแวะชมนกชมไม้กัน

เมื่อหลายปีก่อนผมมีโอกาสมาพักผ่อนและขี่จักรยานที่นี่ ด้วยบรรยากาศแห่งวิถีชาวเลที่แสนสงบเงียบ จึงอยากหาโอกาสกลับมาอีกครั้งเพื่อนำเสนอที่ใช้ชีวิตดีๆอีกที่หนึ่งในเมืองไทย เผื่อว่าคุณผู้อ่านอยากจะมาลองใช้ชีวิตแบบนี้ดูบ้าง ไม่จำเป็นหรอกครับว่าการมาเที่ยวจะต้องไป เช็กอินในจุดที่ทุกคนต้องไป ลองเปลี่ยนที่เช็กอินใหม่ในที่ที่ทุกคนไม่เคยเจอ ผมว่าสนุกกว่ากันเยอะนะครับ การได้เก็บรายละเอียดทุกก้าวย่างของการเดินทางเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้มนุษย์ อย่างผมชอบเดินทาง ซึ่งถ้าคุณพร้อมแล้ว เราออกเดินทางไปใช้ชีวิตด้วยกันเลยครับ ที่เที่ยวหน้าฝน

กว่า 6 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์จนถึงตำบลสะพลีในเขตอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร มีฝนโปรยปรายบ้างบางช่วง ทำให้อากาศเย็นสบาย เดิมทีผมไม่เคยชอบ ฤดูฝนเลยนะ เพราะว่ามันเฉอะแฉะและไม่สะดวกสบาย แต่พอวันที่มีโอกาสได้ไปเปิดโลกกว้างด้วยตัวเองว่าต่างบ้านต่างเมืองที่เขามีฝนตกเกือบทั้งปี เขากินเที่ยวกันอย่างไร พอได้เห็นจึงได้รู้และทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปโดยอัตโนมัติ ผมเริ่มมองเห็นเสน่ห์ของฤดูฝนว่ามันช่างสวยงาม และโรแมนติกดีจัง ตลอดเส้นทางการมาชุมพรจึงมีแต่ทิวทัศน์สีเขียวที่ชุ่มน้ำฝน เห็นแล้วสดชื่น ทำให้การเดินทางไกลในครั้งนี้ไม่เหนื่อยจนเกินไป

ผมเริ่มต้นเช้าวันแรกที่สะพลีด้วยการตื่นมาวิ่งออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่ง ประวัติศาสตร์ของเราว่าครั้งหนึ่งเคยมาวิ่งที่ชายหาดแห่งนี้ หาดสะพลีเป็นหาดที่ไม่ยาวมาก ประมาณ 2.5 กิโลเมตร สุดหาดทางด้านทิศเหนือเป็นป่าหินชายทะเล เมื่อน้ำลดเราจะเห็น แนวหินเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่นี่เรียกว่าป่าหิน ทำให้ผมคิดถึงเมื่อครั้งไปเที่ยวที่ Beachy Head ประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งชายหาดที่นั่นก็มีป่าหินคล้ายคลึงกับของเรามาก จนอดคิดไม่ได้ว่าบ้านเราก็มีอะไรไม่ต่างจากบ้านเขาเหมือนกัน ทำไมเราไม่ชวนกันมาเที่ยวที่นี่ล่ะ

หลังรับประทานอาหารเช้า โปรแกรมในวันนี้คือการขับรถเที่ยวชมวิถีชาวเลของผู้คนในเมืองเล็กๆแห่งนี้ การเที่ยวบ้านนั้นออกบ้านนี้สร้างความสนุกสนานให้คนต่างถิ่นอย่างเราได้เป็นอย่างดีเหมือนกันนะครับ โดยพื้นเพชาวบ้านแถวนี้ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก ผลผลิตจากท้องทะเลที่เหลือจากการขายก็จะนำมาทำกะปิและน้ำปลา ซึ่งเป็นสินค้าท้องถิ่น ช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงปิดอ่าว ทำให้มีกุ้ง หอย ปู ปลาน้อยไปหน่อย แต่ก็พอมีให้เลือกหาบ้าง

ผมไปเจอบ้านไม้เก่าหลังหนึ่งอยู่ทางไปท่าเทียบเรือ เดิมทีบ้านหลังนี้เคยเป็นสถานพยาบาลเก่า ของตำบล (แพทย์ประจำตำบล) ปัจจุบันเลิกทำมานานแล้ว และหันมาทำกะปิแทน แต่ด้วยกุ้งที่จะนำมาทำกะปินั้นหายาก จึงต้องนำวัตถุดิบจากท้องถิ่นอื่นมาทำด้วยกรรมวิธี แบบของตนเอง เพราะการทำกะปินั้นใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบหลัก กุ้งที่ได้จากท้องทะเล 1 ปีจะมีครั้งเดียว ต้องรอให้ลมทะเลพัดพาเข้ามาในช่วงมกราคมของทุกปี

อ่านต่อหน้า2