เทรนด์ของการแปลงโฉมโกดังให้กลายเป็นสเปซสําหรับการทํางาน คาเฟ่ ร้านอาหาร หรือแหล่งคอมมูนิตี้ต่างๆ ได้รับความนิยมต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ จากโกดังเก็บสินค้าที่เคยตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมเก่ามาตั้งแต่อดีต เมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรอบทะยานสูงขึ้นแบบไม่มีลิมิต โกดังเก่าใจกลางชุมชนใหม่จึงกลายเป็นตัวเลือกที่จับตามองของนักลงทุนหลายคน เพียงแค่ปรับปรุงสภาพเล็กน้อยก็สามารถแปลงโฉมแปลนภายในโกดังให้กลายเป็นพื้นที่ใช้สอยแบบมัลติฟังก์ชันได้ทันที ครั้งนี้บ้านและสวนจึงพามาชวนดูโกดังเก่าทั้ง 9 ที่ถูกชุบชีวิตเกิดเป็นพื้นที่สร้างรายได้ เป็นแหล่งสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมกันครับ
– Community Space –
WAREHOUSE 30
โกดังเปล่าเปลือยในซอยเจริญกรุง 30 ที่ถูกปรับโฉมให้กลายมาเป็น Creative Community Mall แห่งใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรเจคของ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก นักออกแบบ และอาจารย์ชื่อดังของ
ด้านในโกดังการแบ่งเป็นห้
- หนังสือจาก Candide
- ดอกไม้จาก Wallflowers
- Summer Heath Bar
- ร้านกาแฟ Li-bra-ry
- ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นจาก Lonely Two-Legged Creature
- เวิร์คชอปโดย The big.house
- Raw & Real
อ่านต่อ : WAREHOUSE 30 : แหล่งรวมตัวแห่งใหม่ของเหล่าครีเอเตอร์
YELO House
โกดังเก็บอุปกรณ์การพิมพ์เก่าแก่กว่า 40 ปี ย่านราชเทวี ซึ่งมีสีเหลืองสะดุดตาจนเป็นที่มาของชื่อ YELO และยังสื่อความหมายดีๆ อย่าง ‘You ever live once’ โกดังแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็น Creative space แหล่งรวมตัวของเหล่านักสร้างสรรค์ สไตลิสต์ คนทำงานเบื้องหลัง ในซอยเกษมสันต์ 1 ย่านกลางเมืองใกล้สยามสแควร์ ที่มีทั้ง art gallery , ออฟฟิศ และห้องประชุม , co-working space, photo studio, พื้นที่สำหรับจัด workshops และ events
อีเว้นต์แรกของ YELO House แห่งใหม่ล่าสุดนี้ คือ Stylist Market ซึ่งรวบรวมเอาเหล่าบรรดาสไตลิสต์ แถวหน้าทั้งรุ่นเก๋ามากประสบการณ์และรุ่นใหม่ไฟแรงกว่า 15 ท่าน จะมารวมตัวกันเพื่อแชร์อินสไปเรชั่นของตัวเอง ผ่านสายตาพิเศษในการเลือกสรรของที่สไตล์สิสต์ใช้ในการทำงาน ทั้งแบรนด์ของตัวเอง โดยมีทั้งของวินเทจ งานศิลปะ ของสะสม ของหายาก ของในตำนาน ของทำมือต่างๆ ซึ่งของบางชิ้นยังมีชิ้นเดียวในโลกด้วย
อ่านต่อ : YELO House : ปลุก energy ในพื้นที่สีเหลือง
The Jam Factory
Asiatique The Riverfront
แลนด์มาร์คริมแม่น้ําเจ้าพระยาที่ใช้คอนเซ็ปต์ “Festival Market and Living Museum” เพื่อสร้างบรรยากาศความสนุกสนานกับทุกการช็อป ชิม ชิล ได้อย่างเต็มที่ เน้นการตกแต่งด้วยสไตล์โคโลเนียล เพื่อสะท้อนความรุ่งเรืองในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ท่าเรือแห่งนี้เคยเป็นท่าเรือและโกดังสินค้าที่ใหญ่ในยุคนั้น การจัดสรรพื้นที่ภายในได้รับการแบ่งโซนด้วยการชื่อของย่านต่างๆ 4 ย่านด้วยกัน ทั้ง
- ย่านเจริญกรุง เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบของที่ระลึก หรือของแต่งบ้าน
- ย่านกลางเมือง สําหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งการแสดงบนเวทีต่างๆ แถมด้วยไฮไลต์เอาใจนักชิมกับ International Food Circus ความอร่อยที่มาในบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวา เดินถัดมาเป็น
- ย่านโรงงาน แหล่งร้านอาหาร ผับ และสินค้าทั้งแฟชั่นและของตกแต่งมากดีไซน์
- ย่านริมน้ํา แหล่งสังสรรค์ ชมพระจันทร์ริมฝั่งน้ําเจ้าพระยาที่ได้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ