โฮมออฟฟิศ หลังนี้ ออกแบบโดยคํานึงถึงแสงธรรมชาติ ทิศทางลม การเล่นดับเบิ้ลสเปซ รวมถึงคอร์ตกลาง ซึ่งเกิดจากความตั้งใจให้บ้านทาวน์โฮมหลังนี้แตกต่างจากที่อื่น มีความพิเศษที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตจริง ๆ
DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: IF Integrated Field
ไปเยี่ยมชม “บ้านมุม” ของครอบครัวกิจเจริญโรจน์ ใน room เล่มเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 มาแล้ว ผ่านมาสองปีกว่า ๆ วันนี้ คุณม่อน – สรกิจ กิจเจริญโรจน์ ได้ฤกษ์เปิดบ้านหลังใหม่ต้อนรับเราอีกครั้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมุมของครอบครัวมากนัก โดยบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในโครงการที่มีชื่อเก๋ ๆ ว่า “HOF” ในซอยสุขุมวิท 101/1 แม้จะเป็นบ้านทาวน์โฮม แต่ทว่ามีหลายสิ่งที่พิเศษ ต่างจากบ้านทาวน์โฮมทั่วไป เพราะมีไอเดียเด็ด ๆ ที่เราคาดไม่ถึงซ่อนอยู่มากมาย
จากภายนอกเรามองเห็นบ้านสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมเสน่ห์ของเส้นสายแนวตั้งและแนวนอนดูเรียบง่ายได้ บรรยากาศสบาย ๆ แสนน่าอยู่ คุณม่อนสถาปนิกหนุ่มไฟแรง กับอีกบทบาทหนึ่งคือเป็นเจ้าของโครงการ HOF เขาเลือก ที่นี่ให้เป็นทั้งบ้านและออฟฟิศหลังใหม่ของตนเอง โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ด้านดีไซน์ซึ่งเกิดจากประสบการณ์และแรงบันดาลใจ อยากนําเสนอทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ที่สามารถรวมออฟฟิศและบ้านไว้ในที่เดียวกัน
“ความตั้งใจคืออยากมีบ้านที่ตอบรับกับการทํางาน สามารถทํางานที่บ้านได้จริงๆ ยุคนี้เทคโนโลยีและการสื่อสารสะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและลักษณะการทํางานก็เปลี่ยนไป มีคนทํางานอยู่บ้านมากขึ้นหลาย ๆ คนอยากมีออฟฟิศเป็นของตัวเอง อยากทํางานที่บ้าน ซึ่งตัวผมเองก็เช่นกัน”
ภายใต้รูปลักษณ์ที่เป็นกล่องรูปทรงเรขาคณิต สูง 3 ชั้นครึ่ง ดูนิ่ง ๆ เรียบ ๆ แต่กลับโดดเด่นด้วยจั่วหน้าบ้านที่ลดทอนรายละเอียดลงจนได้กลิ่นอายมินิมัลซึ่งมาพร้อมขนาดหน้ากว้าง 6.30 เมตร เมื่อถามถึงแนวคิดการออกแบบที่ไม่เหมือนใครนี้คุณม่อนเล่าว่า
“คอนเซ็ปต์หลักคืออยากออกแบบบ้านให้ตอบรับกับการทํางานที่บ้านจริง ๆ ในฐานะที่ผมเป็นสถาปนิกและจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าบ้านแบบไหนมีรายละเอียดและฟังก์ชันอะไรที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้จริงๆ”
บนพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 300 ตารางเมตร คุณม่อนได้เน้นออกแบบให้มีความโปร่งโล่งต่อเนื่องกัน ชั้นหนึ่งและชั้นลอยเป็นส่วนของออฟฟิศ ดูโปร่งด้วยการเล่นดับเบิ้ลสเปซสูง 5.50 เมตร ด้านหน้าและด้านหลังอาคารมีช่องแสงผนังกระจกขนาดใหญ่สามารถเปิดรับลมจากธรรมชาติได้ ทั้งนี้ผู้ออกแบบได้แยกส่วนพักผ่อนออกจากส่วนออฟฟิศที่อยู่ชั้นล่างอย่างชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยมีโถงบันไดหลักทําหน้าที่เชื่อมต่อและแบ่งฟังก์ชันการใช้งาน
“ชั้นหนึ่งและชั้นลอยเป็นส่วนของออฟฟิศ ผมคิดว่าบ้านทาวน์โฮมทั่วไปยังไม่ตอบโจทย์เรื่องความเป็นบ้าน บ้านทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะดันส่วนเซอร์วิสไปไว้ด้านหลัง แต่ผมกลับมองว่า เราน่าจะมีทางเลือกที่ดีกว่า ผมและเพื่อนๆ ในทีมมีความเห็นตรงกันเรื่องลมและแสงจากธรรมชาติ ดังนั้น แทนที่จะเอาส่วนเซอร์วิสไว้ด้านหลัง เราก็ย้ายส่วนเซอร์วิสมาไว้ด้านข้าง ซึ่งประกอบด้วยบันได ส่วนแพนทรี่ และห้องน้ำ ช่วยให้เปิด-ปิดหน้าต่างรับลมได้สะดวกอากาศถ่ายเทดี”
เมื่อขึ้นมาชั้นสองจะเป็นส่วนของพื้นที่พักอาศัย ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องรับประทานอาหาร โปร่งโล่งด้วยการเล่นดับเบิ้ลสเปซสูงถึง 7 เมตร นอกจากนี้พื้นที่ทั้งสามส่วนยังเชื่อมกับคอร์ตกลางบ้านที่มาพร้อมสวนแนวตั้งสีเขียวสดชื่น มีโถงทางเดินกลางเป็นตัวแจกฟังก์ชันการใช้งานในแต่ละห้อง อีกทั้งทุกห้องยังเชื่อมกับสวนภายนอกได้อย่างกลมกลืนแนบเนียน เป็นการเนรมิตพื้นที่ภายในให้กลายเป็นพื้นที่กึ่งเอ๊าต์ดอร์ได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ จริง ๆ สําหรับชั้นสามคือห้องนอนใหญ่ที่ได้บรรยากาศเหมือนเพ้นต์เฮ้าส์ มีไฮไลท์เด็ดคือฝ้าเพดานทรงจั่วซึ่งถือเป็นคาแร็คเตอร์ของบ้าน มีความสูงถึง 3.90 เมตร โดยยังคงสามารถมองเห็นสวนสวยบริเวณชั้นสองได้เช่นกัน
สําหรับแนวทางการตกแต่งภายใน เน้นตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมัล จัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเพียงน้อยชิ้น เลือกใช้โทนสีสะอาดสบายตาอย่างสีขาวเป็นสีหลักทั้งผนังและฝ้าเพดาน ผสานกับสีของพื้นไม้ลามิเนต เฉดสีอ่อนช่วยสร้างความรู้สึโฮมมี่ ดูอบอุ่น น่าพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
“โดยส่วนตัวแล้วผมชอบสไตล์มินิมัล อะไรก็ได้ที่ดูเรียบง่าย ไม่ต้องเยอะ อยากได้สเปซเรียบๆ ที่สามารถวางโซฟาตัวเดียวก็สวยแล้ว บ้านหลังนี้ไม่ค่อยตกแต่งอะไรเยอะ ผมคิดว่าถ้าเรามีสเปซที่ดี มีฟังก์ชันตอบสนองการใช้งานครบถ้วน เท่านี้ก็แฮ็ปปี้แล้วครับ”
หลังจากเดินชมบ้านครบทุกชั้นแล้ว เราก็อดสงสัยที่จะถามคุณม่อนไม่ได้ว่า บ้านสามชั้นมีพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ ทำไมถึงมีเพียง 1 ห้องนอน
“สิ่งที่ทำให้บ้านหลังนี้แตกต่างจากที่อื่นคือลักษณะการออกแบบของสเปซ บ้านมีความยืดหยุ่น สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ อีกทั้งยังออกแบบเผื่อทั้งโครงสร้างและงานระบบด้วย เป็นการเตรียมพื้นที่เผื่อการขยายและการต่อเติมในอนาคต ผมไม่ได้เริ่มต้นจากจํานวนห้องนอนตอนนี้ ผมต้องการเพียงแค่ห้องนอนเดียว จึงแบลงก์สเปซไว้ก่อน แต่ท้ายสุดแล้วบ้านหลังนี้สามารถปรับเป็น 3 ห้องนอนในอนาคตได้อย่างสบาย ๆ”
“ผมชอบบ้านหลังนี้เพราะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน จริง ๆ ซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิต ถ้าถามว่าชอบอยู่บ้านแบบไหน ผมชอบอยู่บ้านเดี่ยวมากกว่า เพราะโตมากับบ้านเดี่ยว แต่ผมกลับค้นพบว่าการอยู่บ้านเดี่ยวนั้นมีภาระค่อนข้างเยอะ เช่น ต้องดูแลสวน สระว่ายน้ำ การทำความสะอาด ฯลฯ สุดท้ายถ้าผมจะมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านทาวน์โฮมแบบน้ี น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า”
ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองของบ้านสไตล์ โมเดิร์น เราสัมผัสได้ถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงถึง ความใส่ใจของเจ้าของบ้านและทีมสถาปนิก นอกจากจะ หมายถึงการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขแล้ว ยัง สะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ การเช่ือมโยงบ้าน และท่ีทํางานให้อยู่ท่ีเดียวกันอย่างกลมกลืน แต่ทว่าแยกกัน ได้อย่างชัดเจน
ในยามเช้าที่แสนเร่งรีบ บนท้องถนนเต็มไปด้วยรถราวิ่งกันขวักไขว่ การได้นั่งชิล ๆ ทํางานที่บ้านโดยไม่ต้องออกไปเผชิญรถติด มีบ้านและออฟฟิศที่ห่างกันแค่เดินลงบันได ชีวิตง่ายขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น เป็นสิ่งแวดล้อมดีๆ ที่สร้างขึ้นภายใต้หลังคาเดียวกัน เพียงเท่านี้ชีวิตก็คงจะมี ความสุขไม่น้อย
เจ้าของ : คุณสรกิจ กิจเจริญโรจน์
ออกแบบ : Integrated Field Co., Ltd.
ตกแต่ง : คุณวงศ์ณิชา วงศ์สืบชาติ
เรื่อง : Sara’
ภาพ : นันทิยา บุษบงค์, ดํารง ลี้ไวโรจน์
สไตล์ : ประไพวดี โภคสวัสดิ์
คอลัมน์ : room to room
room magazine : January 2016 No.155