baan tuk din hotel บูทีคโฮเท็ลสุดคลาสสิกกลางย่านเก่า “ถนนดินสอ” กับบรรยากาศการรีโนเวท และการอนุรักษ์อาคารเก่าซึ่งเป็นบ้านของตระกูลแสง-ชูโต ที่ประกอบด้วยเรือนคุณย่า เรือนโบราณสไตล์โคโลเนียล อายุกว่า 125 ปี และอาคารพาณิชย์ให้เช่าด้านหน้าอายุ 60 ปี 5 คูหา สู่การเปิดเป็นโรงแรมที่เป็นเสมือนสถานที่บันทึกเรื่องราวแห่งความทรงจำ รุ่มรวยไปด้วยเกร็ดประวัติศาสตร์ และเสน่ห์ของรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่หาชมยาก
การรีโนเวทโรงแรม baan tuk din hotel ครั้งนี้ มาจากความต้องการฟื้นความทรงจำ หลังจากที่อาคารโบราณมรดกของตระกูลแสง-ชูโต ได้เคยปล่อยให้เช่าเพื่อเปิดเป็นโรงแรมไทยวารี ทำให้ตัวอาคารมีสภาพทรุดโทรม และเปลี่ยนสภาพไปจากเดิมอย่างมาก จนเกรงว่าคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และความทรงจำของสถานที่จะเลือนหายไป การบูรณะอาคารและรีโนเวทพื้นที่ใหม่จึงเกิดขึ้น โดยมีคุณราจิต แสง-ชูโต ร่วมกับสตูดิโอออกแบบอย่าง TAVA architects ช่วยกันนำพาสิ่งที่เชื่อมโยงกับความทรงจำ และประวัติศาสตร์ของอาคารกลับคืนมาในรูปแบบของโรงแรมบ้านตึกดิน
โดยขั้นตอนการทำงานมี 2 ประเด็นหลัก ๆ คือ 1. การ Restoration บูรณะซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด 2. การ Renovation ปรับปรุงอาคาร และเติมงานระบบใหม่ต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานยุคปัจจุบัน แม้ลุคอาคารจะดูคลาสสิก แต่แท้จริงแล้วได้ซ่อนโครงสร้าง และงานระบบสมัยใหม่เอาไว้ โดยยังคงความประณีตและรายละเอียดของอาคารโบราณไว้เกือบจะทั้งหมด การบูรณะและรีโนเวทที่กล่าวถึงนี้ แยกออกเป็น 2 โซน คือ อาคารเก่าสไตล์โคโลเนียลด้านหลังที่มีห้องพัก 9 ห้อง 1 ห้องสมุด และอาคารพาณิชย์ติดริมถนนดินสอด้านหน้า 5 คูหา ที่ประกอบด้วยห้องพักชั้นบน 9 ห้อง และชั้นล่างที่มีพื้นที่พับลิกอย่าง คาเฟ่ Shaloba และ Din Restaurant and Jazz Bar เปิดให้แขกที่ไม่ใช่ผู้เข้าพักโรงแรมสามารถมาใช้เวลาพักผ่อนได้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาดูคึกคัก
สำหรับอาคารเก่าหลังใหญ่ที่เป็นเสมือนหัวใจหลัก ผู้ออกแบบตั้งใจรีโนเวตให้เหมือนอาคารในยุคดั้งเดิมมากที่สุด เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นโรงแรมไทยวารีตัวอาคารถูกต่อเติมจนเกือบไม่เหลือเค้าเดิม สถาปนิกจึงต้องรื้อถอนองค์ประกอบที่ดัดแปลงเหล่านั้นออกไป แล้วบูรณะซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมให้กลับมาแข็งแรงและสวยงาม ดังภาพของอาคารสไตล์โคโลเนียลหลังคาทรงมะนิลาสีเขียวมะกอก พร้อมการอนุรักษ์องค์ประกอบเก่าต่าง ๆ เช่น รอยกระเทาะของปูนที่เห็นโครงสร้างอิฐมอญ และรอยลอกล่อนของสีบนผนังที่สถาปนิกจะต้องทำการเคลือบผิว สตัฟฟ์สีเดิมไว้ไม่ให้ผุกร่อนไปมากว่าเดิม หรืออย่างเสาในห้องพักที่ทำกระจกครอบไว้ป้องกันความเสียหาย ให้มองเห็นความรัสติกของผิวอาคาร นอกจากนี้ ยังได้เก็บคานไม้เนื้อแข็งไว้ แล้วบำรุงรักษาด้วยการทาสี ส่วนโครงสร้างทางวิศวกรรมจำเป็นต้องมีการเสริมโครงสร้างใหม่เข้าไปบางส่วนโดยซ่อนไว้ด้านใน เช่นเดียวกับการเดินงานระบบน้ำและไฟใหม่ทั้งหมด ให้เหมาะกับการเปิดใช้งานเปิดเป็นโรงแรมสไตล์บูทีคโฮเทล
ภายในอาคารหลังนี้ ออกแบบโถงบันไดเวียนไว้กลางช่องดับเบิ้ลสเปซ เพื่อเสิร์ฟคนขึ้นไปยังห้องพักชั้นบนที่อยู่ล้อมรอบ เพิ่มเติมความเอกซอติกด้วยโครงกระดูกสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่คุณราจิตสะสมไว้ เป็นเสมือนดิสเพลย์ฮอลล์ที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจ ราวกับเดินเล่นอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองนอก แถมยังมีโซนเด่นอย่าง “ห้องสมุดเขากวาง” ซึ่งเคยเป็นชานบ้านเดิม ตกแต่งด้วยของสะสมสไตล์วินเทจ เชิญชวนให้ออกมานั่งเล่นรับแสงแดดอ่อน ๆ จิบชากาแฟชมคอร์ตยาร์ดได้ชิล ๆ เหมือนดังภาพในอดีตที่ท่านเจ้าของบ้านเดิมมักออกมานั่งเล่นดื่มน้ำชาตรงชานบ้านเป็นประจำ
ห้องพักมีทั้งหมด 18 ห้อง 5 รูปแบบ อย่างอาคารเรือนคุณย่า ประกอบด้วยห้อง The Royal Suite ห้องพักห้องพักขนาดใหญ่ ที่เด่นด้วยซุ้มโค้งก่อใหม่กลายเป็นซีนเด่นให้แก่ห้องพัก ห้อง Junior Suite ห้องมุมทรงแปดเหลี่ยม ห้อง Duplex มีบันไดเวียนเหล็กโบราณเชื่อมระว่างห้องนอนชั้นบนกับห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ห้อง Premier ห้องที่มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกส่วนกันชัดเจน ขณะที่ตึกอาคารพาณิชย์ด้านหน้าออกแบบให้มีห้องแบบ Deluxe แยกซ้ายขวา สามารถเลือกได้ว่าจะรับวิวภาพวิถีชีวิตผู้คนริมถนนดินสอ หรือวิวคอร์ตยาร์ด
ชั้นล่างของพื้นที่ด้านหน้า มีคาเฟ่ Shaloba สไตล์ Turkish Coffee อีกโซนที่สร้างสีสันให้โรงแรม มีไฮไลท์อย่าง Sand Coffee กาแฟที่ใคร ๆ มาก็สั่ง ดูสนุกไปกับการดูบาริสต้านำกาแฟไปต้มบนทรายร้อนอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ที่หาชมและรับประทานได้ยากในไทย จากโซนคาเฟ่ใกล้กันคือเคาน์เตอร์เช็คอิน ก่อนจะเชื่อมต่อพื้นเป็นรูปตัวยู (U)
มายัง Din Restaurant and Jazz Bar ที่เสิร์ฟทั้งอาหารไทยและอิตาลี โดยเป็นสไตล์ Home Cooking พร้อมกับฟังเพลงแจ๊สซึ่งมีการแสดงดนตรีสดทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ โดยภายในพื้นที่ของร้านอาหารตกแต่งด้วยของสะสมสไตล์วินเทจในบรรยากาศคลาสสิก ประดับรูปภาพเหล่าศิลปินเพลงแจ๊สผู้มีชื่อเสียง ดื่มด่ำกับค็อกเทลที่มีเมนูซิกเนเจอร์ให้เลือกกว่า 20 เมนู จากบาริสต้าฝีมือเยี่ยม ช่วยเติมเต็มค่ำคืนให้เต็มไปด้วยโมเม้นต์ประทับใจ
หัวใจหลักของการบูรณะและรีโนเวตอาคารเก่าให้กลายเป็นโรงแรม อย่าง Baan Tuk Din Hotel นอกจากจะเป็นการฟื้นคืนความทรงจำให้กลับมาอีกครั้ง ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งงานออกแบบตัวอย่างของการสร้างคุณค่าให้กับอาคารเก่า นำพาผู้คนไปดื่มด่ำเสน่ห์ของสถานที่ซึ่งมีเรื่องราวร่วมไปกับประวัติศาสตร์ของย่าน แต่ถึงกระนั้นสถานที่ก็ไม่ได้ฉายภาพของความเป็นออริจินัลแบบดั้งเดิมที่น่าเบื่อเสียทีเดียว
แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์และมุมมองลูกเล่นสนุก ๆ ที่แทรกอยู่ อันสะท้อนถึงตัวตนของคุณราจิตผู้อยู่เบื้องหลังงานการชุบชีวิตบ้านดั้งเดิมของตระกูลในครั้งนี้ให้กลายเป็นที่พักที่ตื่นตาไปกับบรรดาของสะสม การจัดวางที่มีเอกลักษณ์บรรยากาศสุดเอกซอติก จึงทำให้ที่นี่มีความยูนีคไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็สวยน่าประทับใจทุกมุมมอง
ที่ตั้ง
161-165 ตึกดิน ถนนดินสอ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 06-2468-8644, 09-8634-2666
www.baantukdinhotel.com
Shaloba เปิด 8.00-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
Din Restaurant and Jazz Bar เปิด 11.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์) แสดงดนตรีสดเพลงแจ๊สทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์
เจ้าของ : คุณราจิต แสง-ชูโต
ออกแบบ : คุณทรงยศ เสมะกนิษฐ์ บริษัท สถาปนิกเทวา จำกัด (https://www.facebook.com/tavaarchitects/)
เรื่อง : Phattaraphon
ภาพ : นันทิยา บุษบงค์ และธนายุต วิลาทัน