Patchworks คาเฟ่ขนมหวานภายใต้สถาปัตยกรรมเรียบเท่สไตล์บรูทัลลิสม์

Patchworks คาเฟ่ขนมหวานภายใต้สถาปัตยกรรมเรียบเท่สไตล์บรูทัลลิสม์

ที่นี่คือคาเฟ่ขนมหวาน Fine Pastry & Dessert ซึ่งถือว่าเป็น “Hidden Gems” แห่งย่านจรัญสนิทวงศ์ โดยมีชื่อเรียกมาจากความถนัดและแพสชั่นของหุ้นส่วน 4 พี่น้อง ที่ช่วยกันปะติดปะต่อเรื่องราวความฝัน และใช้ความถนัดของแต่ละคนมาสร้างสรรค์ธุรกิจของครอบครัว จนกลายเป็นแบรนด์คาเฟ่ Patchworks

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: party/space/design

หลังจากที่ค่อย ๆ เติบโต เริ่มต้นจากคาเฟ่เค้กเล็ก ๆ มาวันนี้ Patchworks ถึงเวลาต้องขยับขยายความฝันผ่านการรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ โดยมีผู้ออกแบบจาก party / space / design มาช่วยออกแบบทั้งงานสถาปัตยกรรมและแบรนดิ้ง รวมถึงการสร้าง Brand Identity ต่าง ๆ

อาคารคอนกรีตโชว์สัจวัสดุสไตล์บรูทัลลิสม์ผสมโมเดิร์นลิสม์ อันสะท้อนบุคลิกความเรียบง่าย ตั้งตระหง่านรับกับวิวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีบางอ้อ 

หลังจากได้พูดคุยและทำความรู้จักตัวตนของหุ้นส่วนร้านแต่ละท่าน ผู้ออกแบบได้นำบุคลิกและแพสชั่นของแต่ละคนมาผสมผสาน โดยเฉพาะเรื่องราวของโปรดักต์มาต่อยอดสู่การออกแบบอัตลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งในรูปแบบของโลโก้ที่มีความยูนีค โดยเล่าถึงวิธีการทำเค้กเพื่อสะท้อนเรื่องราวของแบรนด์อย่างการหยิบอุปกรณ์ ไม้ตีไข่ (Whisk) ที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำขนม แล้ว Transform ออกมาเป็นโลโก้ ปรากฏให้เห็นตามมุมต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ เห็นเด่นชัดก็คือโลโก้ที่อยู่บนเปลือกอาคาร รวมถึงรูปแบบของฟ้อนต์ที่ดูหนักแน่นเรียบง่าย

(ซ้าย) คุณโชติพงษ์ ปาละกูล หนึ่งในหุ้นส่วนแบรนด์ Patchworks และ (ขวา) คุณศุภรัตน์ ชินะถาวร Design Director & Founder แห่ง party / space / design
ชั้น 1 จะเจอกับพื้นที่ต้อนรับโดยมีเคาน์เตอร์บาร์ขนมหวาน ทำจากหินอ่อนดาร์คเอ็มเพอราโด้ ทำหน้าที่โชว์ขนมเค้กหลากหลายหน้าตารอให้ลูกค้าเลือกรับประทาน 
โชว์ให้เห็นครัวขนมนี้ ด้วยการทำช่องเปิดขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นเหล่าเชฟทำขนมกำลังขมักเขม้น

แนวคิดนี้ยังถูกส่งต่อมายังสถาปัตยกรรมสไตล์ดิบเท่ที่เจ้าของร้านต่างเห็นพ้องต้องกัน แม้จะเป็นร้านขนม แต่กลับไม่เน้นชูความหวานสดใสอย่างที่หลายคนเข้าใจ จากเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ ผู้ออกแบบจึงตีความออกมาเป็นอาคารคอนกรีตโชว์สัจวัสดุสไตล์บรูทัลลิสม์ผสมโมเดิร์นลิสม์ อันสะท้อนบุคลิกความเรียบง่าย ตั้งตระหง่านรับกับวิวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีบางอ้อ หากมองเข้ามาตัวอาคารจะเหมือนกล่องขนาดใหญ่ หรือเปรียบเสมือนก้อนขนมเค้กที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศา ประกอบกับวิวที่เห็นรถไฟฟ้า หรือบริบทที่บอกความเจริญของย่าน ที่นี่จึงนับว่าเป็นโปรเจ็กต์ในฝันเพราะมีโลเกชั่นที่ดี สร้างความท้าทายความคิดของผู้คนว่า แม้ภายนอกจะดูธรรมดา แต่พอเข้ามาข้างในแล้วที่นี่จะมีอะไรรอทุกคนอยู่

โดยเมื่อเข้ามาที่ชั้น 1 จะเจอกับพื้นที่ต้อนรับโดยมีเคาน์เตอร์บาร์ขนมหวาน ทำจากหินอ่อนดาร์คเอ็มเพอราโด้ ทำหน้าที่โชว์ขนมเค้กหลากหลายหน้าตารอให้ลูกค้าเลือกรับประทาน ซึ่งมีมาเสิร์ฟแบบสดใหม่เพิ่งนำออกจากครัวที่อยู่ด้านข้าง เพื่อโชว์ให้เห็นครัวขนมนี้ ผู้ออกแบบได้ทำช่องเปิดขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นเหล่าเชฟทำขนมกำลังขมักเขม้นทำงาน อันถือเป็นไฮไลต์ของชั้นนี้ก็ว่าได้ ภายในมีโต๊ะหลากรูปแบบเพื่อรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มใหญ่และเล็ก

ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์เจาะช่อง Void เพื่อให้อากาศหมุนเวียน สร้างกิมมิกด้วยการแขวนโคมไฟเชื่อมต่อกับชั้น 2 ทำให้ลูกค้าทราบว่า ยังมีอีกชั้นหนึ่งรออยู่ด้านบน เป็นการบอกกลาย ๆ ว่า ความพิเศษไม่ได้จบอยู่แค่ชั้นนี้ แม้จะยังมองไม่เห็นบันไดทางขึ้นที่อยู่อีกมุมก็ตาม โดยชั้น 1 ตั้งใจทำฝ้าเพดานให้มีความสูงเพียง 3 เมตร แล้วสร้างบรรยากาศที่ดูสงบ ใช้การสร้างซีนพิเศษด้วยไฟหลืบที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโซฟา ช่วยขับเน้นลวดลายและสร้างมิติให้แก่ผนัง Board-Formed Concrete พิมพ์ลายไม้แบบ ซึ่งปรากฏให้เห็นทั้งจากผิวอาคารภายนอกเรื่อยมาจนถึงภายใน อันถือเป็นคีย์แมทีเรียลหลักของโปรเจ็กต์นี้ก็ว่าได้

ชั้น 2 สะดุดสายตากับวิวพานอรามาของสถานีรถไฟฟ้าจากช่องกระจกขนาดใหญ่ พร้อมการเปิดสเปซที่โล่งกว้างมีฝ้าเพดานสูง 5 เมตร 
เสิร์ฟวิวสีเขียวจากต้นมะเกลือที่อยู่ด้านหลังอาคารแทน อันเป็นธรรมชาติหนึ่งเดียวท่ามกลางก้อนอาคารคอนกรีต

ชั้น 2 ให้บริการ All Day Brunch & Coffee เสิร์ฟทั้งสลัด บรันช์ พาสต้า เบอร์เกอร์ และกาแฟที่ขอเรียกว่าเป็น Refreshments กินเค้กเสร็จก็สามารถขึ้นมาที่ชั้น 2 ต่อ พอขึ้นมาแล้วทุกคนจะต้องสะดุดสายตากับวิวพานอรามาของสถานีรถไฟฟ้าจากช่องกระจกขนาดใหญ่ พร้อมการเปิดสเปซที่โล่งกว้างมีฝ้าเพดานสูง 5 เมตร เพื่อให้เกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง สัมผัสกับวิวสถานีรถไฟฟ้าอันสื่อถึงความเป็นเมืองได้เต็มที่ ซึ่งเป็นมุมมองที่รับกับเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยหินอ่อนที่ให้สัมผัสกึ่งเงากึ่งด้าน นอกจากเหตุผลการจัดวางเคาน์เตอร์บาร์ตรงปีกขวาของอาคารที่รับกับวิวสถานีรถไฟฟ้าแล้ว จุดนี้ยังช่วยให้พนักงานและบาร์ริสต้ามองเห็นลูกค้าที่นั่งอยู่ด้านปีกซ้ายของอาคารได้ชัดเจน

โคมไฟเหล่านี้มีไอเดียมาจากที่ตีไข่ หัวบีบครีม และรูปทรงของขนมหวาน เพื่อสร้างจังหวะและสร้างสมดุลกับเพดานสูง

ทั้งนี้การเลือกเปิดวิวสถานีรถไฟฟ้า ผู้ออกแบบไม่เลือกเปิดผนังตลอดแนวจนเห็นวิวทั้งหมด แต่กลับเสิร์ฟวิวสีเขียวจากต้นมะเกลือที่อยู่ด้านหลังอาคารแทน อันเป็นธรรมชาติหนึ่งเดียวท่ามกลางก้อนอาคารคอนกรีต พื้นที่นั่งของชั้นนี้มีหลายโซนให้เลือก โดยเฉพาะมุมเด่นอย่างโต๊ะบาร์สูงหันหน้าออกสู่วิวต้นไม้ มีฉากหน้าคือเหล่าโคมไฟหลากขนาดที่ห้อยลงมาผ่านช่อง Void เชื่อมต่อลงไปถึงชั้นล่าง โดยรูปแบบโคมไฟเหล่านี้มีไอเดียมาจากที่ตีไข่ หัวบีบครีม และรูปทรงของขนมหวาน เพื่อสร้างจังหวะและสร้างสมดุลกับเพดานสูง

บันไดเหล็กซึ่งได้แรงบันดาลใจจากบันไดหนีไฟ เด่นด้วยรูปทรงที่บิดหลบต้นไม้เล็กน้อย

ด้านหลังของพื้นที่ชั้น 2 ยังอุทิศให้เป็นครัวร้อนและพื้นที่ทำงานของสต๊าฟ โดยแยกทางขึ้น-ลงชัดเจนด้วยบันไดเหล็กซึ่งได้แรงบันดาลใจจากบันไดหนีไฟ เด่นด้วยรูปทรงที่บิดหลบต้นไม้เล็กน้อย ดังนั้นเมื่อมองเข้ามาที่ด้านข้างของตึกจะเห็นบันไดมีความเฉียงเล็กน้อย เป็นเสมือนประติมากรรมตั้งเคียงคู่กับต้นมะเกลือสูงชะลูด ส่วนชั้น 3 ใช้เป็นห้องทำงานของ Owner และเป็นชั้นดาดฟ้า

ช่องเปิดต่าง ๆ นี้ ได้แนวคิดสนุก ๆ มาจาก David Umemoto
ผนัง Board-Formed Concrete พิมพ์ลายไม้แบบ ปรากฏให้เห็นทั้งจากผิวอาคารภายนอกเรื่อยมาจนถึงผิวผนังภายใน อันถือเป็นคีย์แมทีเรียลหลักของโปรเจ็กต์นี้ก็ว่าได้

สำหรับการเจาะช่องเปิดต่าง ๆ นี้ ได้แนวคิดสนุก ๆ มาจาก David Umemoto เป็นเสมือนการตั้งคำถามกับสถาปนิก ถ้าลองเจาะช่องเปิดแบบไม่สนใจฟังก์ชั่น อยู่ดี ๆ ก็มีช่องเปิด มีเส้นโค้ง มีเส้นซิกแซก มีบันไดที่เป็นเหมือนของตกแต่งจะเป็นอย่างไร ผู้ออกแบบจึงหยิบไอเดียสนุก ๆ นี้ มาเล่นกับงานออกแบบดูบ้าง จนกลายเป็นผลลัพธ์ที่ขอเรียกสิ่งนี้ว่า เขาวงกตคอนกรีต (Concrete Maze) ชวนให้เกิดการตั้งคำถามว่า เมื่อมองเห็นตึกนี้จากรถไฟฟ้า คุณจะไม่เห็นว่าข้างในมันเป็นอย่างไร ซับซ้อนไหม โดยจะเผยให้มองเห็นได้ผ่านแค่ช่องเล็ก ๆ ที่ทำไว้เท่านั้น

ผลลัพธ์จากการคิดวิเคราะห์ตัวตนและเรื่องราวของแบรนด์ขนมหวาน จึงนำมาสู่การออกแบบที่ประณีตและมีรายละเอียดให้เรามองหาซ่อนอยู่ทุกอณู โดยยังคงต้องเชื่อมโยงกับฟังก์ชั่นการใช้งานไปพร้อมกัน อีกทั้งการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมยังช่วยสร้างประสบการณ์น่าจดจำ ส่งต่อความประทับใจและรายละเอียดอันลึกซึ้ง เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก “Patchworks” มากยิ่งขึ้น

ที่ตั้ง
เลขที่ 291 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
พิกัด https://maps.app.goo.gl/o59LVVJzrNvdgwKFA
เปิดวันอาทิตย์-พฤหัสบดี 8.00-20.00 น. วันศุกร์และเสาร์ 8.00-21.00 น.
โทร. 08-9811-1622

เจ้าของ: คุณโชติพงษ์ ปาละกูล, คุณสรวรรณ ปาละกูล, คุณพุทธชาด ปาละกูล และคุณพัชราพรรณ ปาละกูล
ออกแบบ – ตกแต่ง: party / space / design
ออกแบบแบรนดิ้ง: party / space / design
ก่อสร้าง: NINE SLASH

เรื่อง: Phattaraphon
ภาพ: นันทิยา บุษบงค์ และกิตติญา กุหลาบรัตน์


Koff and Bun at Song Wat คาเฟ่ทรงวาด การเจอกันระหว่างซาลาเปากับกาแฟ