The Indigo Loom House ผสานบ้านและกี่ทอผ้า สู่ สถาปัตยกรรมชุมชน

The Indigo Loom House ผสานบ้านและกี่ทอผ้า สู่สถาปัตยกรรมที่สืบสานวิถีชุมชน

The Indigo Loom House เป็นโครงการในอำเภอเมืองฯ จังหวัดสกลนคร ริเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จากความร่วมมือหลายภาคส่วนของคุณฉัตรพงษ์ ชื่นฤดีมล แห่ง Chat Architects คุณแมน – ปราชญ์ นิยมค้า ศิลปินผ้าครามเจ้าของสวน สวนแมน Man Gardens คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (INDA) และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อมุ่งฟื้นฟูและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานอย่างการทอผ้าครามสีธรรมชาติของชุมชนท้องถิ่นสกลนคร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่มีประวัติศาสตร์คู่กับพื้นที่และวิถีชีวิตคนมายาวนาน

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: Chat Architects

คุณฉัตรพงษ์ สถาปนิกผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า แนวคิดของ The Indigo Loom House คือความตั้งใจที่อยากพัฒนาพื้นที่ต่างจังหวัดให้เจริญ โดยความเจริญในที่นี้ ไม่ใช่ในลักษณะของการพัฒนาสิ่งก่อสร้างอย่าง ถนนคอนกรีต ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม หรืออาคารสำนักงานอย่างเมืองหลวง แต่คือการพัฒนาเมืองต่างจังหวัดในด้านการเพิ่มโอกาสให้คนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ สร้างความหนาแน่นทางประชากร ควบคู่ไปกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมและบริบทของจังหวัดของตนเอง

บ้านที่ผสานเครื่องกี่ทอผ้าเข้าด้วยกันนี้ประกอบด้วยพื้นที่การใช้งาน ได้แก่ บริเวณด้านล่างใต้ถุนเป็นพื้นที่สำหรับการใช้งานแบบเปียก (Wet Area) ของการย้อมผ้า ส่วนขั้นตอนของการปั่นฝ้ายและการทอผ้าจะถูกยกขึ้นไปใช้ในพื้นที่บริเวณชั้นบนของบ้าน โดยชั้นนี้ยังจะมีพื้นที่เก็บด้ายที่กระจายอยู่โดยรอบอาคาร
โลเกชั่นของบ้านตั้งอยู่ท่ามกลางสวน Man Gardens ของศิลปินผ้าครามคุณแมน – ปราชญ์ นิยมค้า ผู้ทำงานทอผ้าโดยใช้สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ

ตัวโครงการ The Indigo Loom House นี้ จึงตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ที่หวังว่าจะช่วยพัฒนางานและอาชีพ เพื่อเป็นการคงไว้ซึ่งความหนาแน่นของประชากรและวิถีชีวิตคนในต่างจังหวัด ผ่านสถาปัตยกรรมที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาเมืองในรูปแบบของต่างจังหวัด ที่อาจต่างจากการพัฒนาแบบเมืองใหญ่ที่เขาเรียกว่าการ “ปลูกผังเมือง”

กี่ทอผ้าและบ้าน

ก่อนจะมาเป็นบ้านสีครามหลังนี้ คุณฉัตรพงษ์ ผู้ออกแบบได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวท้องถิ่นสกลนครเพื่อการพัฒนางานออกแบบที่ตอบสนองพื้นที่นั้นอย่างแท้จริง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ คือวิถีชีวิตการทอผ้าใต้ถุนบ้านของคนอีสาน โดยใช้เครื่องมือทอผ้าที่เรียกว่า “กี่ทอผ้า” เขากล่าวว่า หากจะมองกี่ทอผ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ก็คงเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีประจำกันทุกบ้าน นอกจากนั้น ยังชื่นชมการทำงานและการประกอบกันขึ้นของเครื่องกี่ที่มีความซับซ้อนของกลไกในการทอ ประกอบกับวัสดุที่ทำกี่ทำมาจากไม้รวมกัน สำหรับเขากี่ทอผ้าจึงเป็นความงามที่ประกอบกันขึ้นไม่แพ้กับความงามของสถาปัตยกรรมเลยทีเดียว

สิ่งนี้จึงนำมาสู่ความสงสัยที่ว่า ใครคือคนสร้างกี่ขึ้นในแต่และแห่งมาตั้งแต่อดีต ก่อนจะได้รับคำตอบจากคนในชุมชนว่า คนที่สร้างกี่ก็คือคนเดียวกับคนที่สร้างบ้าน โดยใช้เทคนิคที่เหมือนกัน นั่นคือการก่อสร้างจากโครงสร้างวัสดุไม้ ในจุดนี้เองที่นำเขามาสู่แนวคิดของการออกแบบสถาปัตยกรรมกลางพื้นที่ชุมชนว่า หากนำตัวเรือนของบ้านและรูปแบบของกี่ทอผ้ามาผสานกัน จะนำไปสู่สถาปัตยกรรมในรูปแบบใด ท้ายที่สุดจึงนำมาซึ่งอาคารที่ออกแบบจากเสา 4 เสา ในระบบโมดูลาร์ที่สามารถรองรับกิจกรรมทั้งหมดของผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่น หรือนอนพักผ่อน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพทอผ้า โดยกิจกรรมทั้งหมดได้รวมอยู่ในพื้นที่การใช้ชีวิตที่เรียกว่า “บ้านกี่คราม” หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า The Indigo Loom House แห่งนี้

โลเกชั่นของบ้านตั้งอยู่ท่ามกลางสวน Man Gardens ท่ามกลางวงล้อมของธรรมชาติของบ่อบัว

วิถีชีวิต ธรรมชาติ ท้องถิ่น

โลเกชั่นของบ้านตั้งอยู่ท่ามกลางสวน Man Gardens ของศิลปินผ้าครามคุณแมน – ปราชญ์ นิยมค้า ผู้ทำงานทอผ้าโดยใช้สีย้อมผ้าจากธรรมชาติที่ได้จากดอกไม้ ใบไม้ หรือรากจากต้นไม้ อันเป็นกิจกรรมการฟื้นฟูผ้าทอพื้นถิ่นของคุณแมน ที่นี่ใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติที่ใกล้ชิดกับชุมชน โดยอาคารของ The Indigo Loom House ได้กำหนดให้ตั้งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของธรรมชาติ ฝั่งหนึ่งเป็นบ่อบัว ฝั่งหนึ่งเป็นนาข้าว จึงจำเป็นต้องออกแบบให้สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับบริบทรอบตัวตัวอาคารประกอบขึ้นจากไม้ โดยใช้ฝีมือและองค์ความรู้ของช่างท้องถิ่น มีจุดพิเศษคือการผสานโครงสร้างการใช้งานของเครื่องกี่ทอผ้าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างไม้ของบ้านให้เป็นสถาปัตยกรรมเดียวกัน และประกอบทุก ๆ กระบวนการงานทอ ตั้งแต่การปั่นด้าย ย้อมผ้า ไปจนถึงการทอให้ผสานอยู่ในตัวอาคารอย่างครบวงจร

วัสดุไม้ที่นำมาสร้างบ้านหลังนี้ ทั้งหมดเป็นชิ้นส่วนไม้เก่าจากบ้านที่ถูกรื้อแล้วนำมาใช้ซ้ำ เสาของบ้านจึงมีขนาดที่แตกต่างกันไปบ้าง ตั้งแต่ขนาด 6 x 6 นิ้ว จนถึง 8 x 8 นิ้ว นอกจากขนาดที่หลากหลายตัวบ้านยังปรากฏร่องรอยการบากและการใช้งานไม้ในจุดต่าง ๆ อยู่ทั่วไป โดยร่องรอยบนบรรดาเสาหล่านี้ คุณฉัตรพงษ์กลับมองว่าเป็นคุณค่าและเป็นความงามทางสถาปัตยกรรมรูปแบบหนึ่งเพราะเป็นร่องรอยของอดีตที่สื่อสารการใช้งานที่จับต้องได้ ก่อนนำมาสู่การใช้งานใหม่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งไม่สามารถจำลอง หรือผลิตขึ้นได้เอง

สถาปัตยกรรมที่ถูกใช้งานได้อย่างยั่งยืน

บ้านที่ผสานเครื่องกี่ทอผ้าเข้าด้วยกันนี้ประกอบด้วยพื้นที่การใช้งาน ได้แก่ บริเวณด้านล่างใต้ถุนเป็นพื้นที่สำหรับการใช้งานแบบเปียก (Wet Area) ของการย้อมผ้า ส่วนขั้นตอนของการปั่นฝ้ายและการทอผ้าจะถูกยกขึ้นไปใช้ในพื้นที่บริเวณชั้นบนของบ้าน โดยชั้นนี้ยังจะมีพื้นที่เก็บด้ายที่กระจายอยู่โดยรอบอาคาร เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นการผสานกันระหว่างตัวกี่กับตัวบ้านเป็นสถาปัตยกรรมในรูปแบบพิเศษอีกทั้งเพิ่มความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของสีครามจากสวน Man Gardens โดยตั้งใจให้เป็นสีครามเดียวกันกับที่ใช้กับผ้า โดยผ่านกรรมวิธีพิเศษต่างจากกรรมวิธีสีย้อมผ้าทั่วไปเพื่อให้ทาสีอาคารแล้วติดคงทนถาวรขึ้น

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าสนใจ คือโครงสร้างตงไม้ที่ใช้รองรับพื้นชั้นสอง เป็นการนำไม้เก่าขนาดยาวมาใช้งานโดยตั้งใจไม่ตัดปลายให้เท่ากันทั้งหมด แต่ตั้งใจเหลือความยาวตามธรรมชาติของไม้เดิมไว้ ทำให้แต่ละชิ้นที่ยื่นพ้นตัวบ้านออกไปมีความยาวที่แตกต่างหลากหลาย นอกจากจะสร้างความแปลกตาให้ผู้พบเห็นแล้ว ยังมาจากความตั้งใจที่ว่าหากในท้ายที่สุดชุมชนจำเป็นต้องรื้อบ้านหลังนี้ลงในอนาคต ไม้ที่ยังคงความยาวเท่าเดิมไม่ถูกตัดและแปรรูปไป จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นความงามตามธรรมชาติโดยไม่ดัดแปลง แถมยังคิดต่อไปถึงอนาคตนับเป็นการใช้งานวัสดุอย่างยั่งยืนอีกรูปแบบหนึ่ง

The Indigo Loom House จึงเป็นสถานที่ที่ผสานการประกอบอาชีพของการทอผ้าของคนในชุมชนอย่างแนบแน่นกับสถาปัตยกรรมชิ้นใหม่ จากที่เคยทำงานใต้ถุนบ้านที่ปิดทึบและอาจมีแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ บ้านหลังนี้ได้ชวนให้คนในพื้นที่ได้ออกมาทำงานร่วมกันท่ามกลางธรรมชาติ นอกเหนือจากจะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพในชุมชนแล้ว ที่นี่ยังตั้งใจให้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับการเวิร์กชอปแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดภูมิปัญญาและทักษะการทอผ้าแก่คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหัตถกรรมในท้องถิ่น หรือผู้มาเยือนจากต่างถิ่นก็ตาม ทั้งหมดก็เพื่อสร้างแนวโน้มดึงคนรุ่นใหม่ให้กลับเข้ามาทำงานและพัฒนาเมืองสกลนครมากขึ้น ยืนหยัดวิถีชีวิตเดิมในมุมมองที่ร่วมสมัยมากขึ้น แทนที่การออกไปทำงานต่างถิ่นเหมือนที่เคยเป็นมา

ออกแบบ: Chatpong Chuenrudeemol ( CHAT architects)
Lead Researcher/Project Coordinator: Woranooch Chuenrudeemol
Project Architect: Dalia Schwarzbaum
On-Site Architect: Tat Tidtee Wattanamethee
Conceptual Design: Krittee “Gain” Meemongkol and Thanat “Atta” Attapibaln
Design Development: Chula INDA Indigo Loom House Studio

ภาพ: W Workspace, Kittiphat Phaited, Chat Chuenrudeemol
เรื่อง: Lily J.


ANGSILA OYSTER SCAFFOLDING PAVILION 2 กระชังหอยอ่างศิลา เชื่อมธรรมชาติเข้ากับสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืน