ทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2018 จากเวทีเสวนา "ส่องอสังหาฯ 2018"

ทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2018 จากเวทีเสวนา “ส่องอสังหาฯ 2018”

นับว่าเป็นงานสัมนาเกี่ยวกับทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2018 เป็นครั้งแรก ในหัวข้อ ‘ส่องอสังหาฯ 2018’ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างแกรนด์โฮมและประชาชาติธุกิจ โดยรับเชิญวิทยากรที่รู้ลึกรู้จริงในวงการนี้มาคาดคะเนความเป็นไปได้ของวงการอสังหาฯ ในบ้านเราว่าจะมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางใดในปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้

 

“การลงทุนเเละพัฒนาโครงการอสังหาฯ กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมากกว่าภูมิภาค เเม้ว่าต่างจังหวัดจะมีการเติบโตขึ้นเเต่อยู่ในระดับต่ำ เเละกำลังซื้อยังไม่ดี โดยการขยายตัวในพื้นที่กรุงเทพเเละปริมณฑล อยู่ที่ราว 8 % ส่วนภูมิภาคอยู่ที่ 2.1 % เเละเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 6 %”

“ด้านซัพพลายและดีมานด์ทั้งประเทศโตกว่า 6% เติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าปี 2561 จะมีการจดทะเบียนจะเติบโตถึง 17% เพราะมีบ้านและคอนโดฯพร้อมโอนมากขึ้น โดยพื้นที่เขต กทม.และปริมณฑล จะเห็นการเติบโต 8.6% ใน กทม.จะมีการเติบโตของอสังหาฯดีกว่าในภูมิภาค มีมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์จะเติบโต 15% สินเชื่อเติบโต 3.9% ส่วนภูมิภาคปีหน้าโตต่ำ โตแค่ 2.1%”

“ปีหน้าซัพพลายในตลาดทั้งประเทศจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ถึงสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ 276,100 หน่วย กทม.และปริมณฑล แนวราบและคอนโดฯใกล้เคียงกัน ภูมิภาคจะมีคอนโดฯในเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขณะที่แนวราบจะมากกว่า การขายคอนโดฯจะเร็วอยู่ที่ 8 เดือน แนวราบอยู่ที่ 10-13 เดือน ดูแล้วภาคอสังหาฯจะสดใสในปีหน้า” คุณวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หรือ REIC

คุณวิชัย วิรัตกพันธ์

 “สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดอสังหาฯในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา มีเทรนด์ที่น่าสนใจเกิดขึ้น เช่น นักลงทุนต่างชาติมาซื้ออสังหาฯ และร่วมทุนกับนักลงทุนไทยมากขึ้น ทำให้รายใหญ่กินตลาดมากขึ้นต่อเนื่อง ส่วนทำเลการพัฒนายังเป็นแนวรถไฟฟ้า ขณะที่รูปแบบห้องจะมีดีไซต์เล็กลง ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดเป็นของรายใหญ่ 11 รายแรก ใน 2 ปีที่ผ่านมาเห็นการเติบโตของรายใหญ่ชัดเจน เนื่องจากมีความพร้อมมากกว่า ทั้งเงินทุน แบรนด์ และการทำตลาดโดยเฉพาะตลาดแนวราบ”

“ทิศทางตลาดอสังหาฯปีหน้า ตลาดยังเป็นของรายใหญ่ 11 รายแรกที่แข็งแรงมาก ๆ จะแข็งแรงไปอีก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย ตราบใดที่แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อให้รายกลาง ส่วนตลาดต่างจังหวัดจะให้ดีเหมือนเดิมก็คงไม่ได้ แต่มีช่องว่างให้ดีเวลอปเปอร์เข้าไป” คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย

คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม

“เราขยายตลาดต่างประเทศเพราะตลาดไทยค่อนข้างเล็ก จีดีพีโตปีหนึ่ง 2-3% ปีนี้คาดจะโต 4% ธุรกิจอสังหาฯโต 1.5 เท่าของจีดีพี คาดว่าปีนี้น่าจะอยู่ 6% ที่เราต้องหาตลาดต่างประเทศมา ปัจจุบันมีลูกค้า 25% จากฮ่องกง จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเรามีสำนักงานที่นั่นด้วย เริ่มคิดมา 4-5 ปีที่จะไปลงทุน ตปท” คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ

คุณเศรษฐา ทวีสิน

“ในเรื่องการขายอสังหาฯ ช้าหรือเร็วดีกว่ากันนั้น บางคนอาจมองว่าต้องขายช้าถึงจะมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ธรรมชาติของตลาดแต่ละตลาดต่างกัน ทาวน์เฮ้าส์มีช่วงที่แคบ ถ้าราคามากขึ้น ลูกค้าจะหนี นอกจากนี้ลูกค้ายังเปลี่ยนใจง่าย มีอัตราแบงก์แคนเซิลสูง ดังนั้นหากค่อยๆ ขายจะไม่เหลือลูกค้าที่สู้ราคาได้เลย ทำให้เวลาขาย โกลเด้นแลนด์จะมีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องมีมาร์จิ้นเท่าไหร่ มีกำไรเท่าไหร่ และจะไม่ทำให้ต่ำกว่านั้น เพราะยิ่งโครงการอยู่นานก็จะยิ่งไม่น่าสนใจ และราคาก็จะลดลง ยิ่งพอมีการแข่งขันสูงอีก ก็ทำให้ขายช้าไปอีกด้วย” คุณแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือโกลเด้นแลนด์

คุณแสนผิน สุขี

“ทรานส์ฟอร์เมชั่นของธนาคาร ต้องเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปไม่เพียงคนกลุ่ม Baby Boomer อายุ 58 ปีขึ้นไป เเละกลุ่มคน GenX อายุระหว่าง 38-57 ปี ยังต้องขยายมาสู่กลุ่มคน GenY อายุระหว่าง 22-37 ปีมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่ม Digital Adopter หรือเป็นกลุ่มที่ชอบสื่อสารหาข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัล”

“รูปแบบการใช้ชีวิตกลุ่มคน GenY พบว่า สนใจคอนโดมิเนียมมากที่สุดถึง 31% ส่วนกลุ่ม GenX กว่า 40% เเละกลุ่มคน Baby Boomer กว่า 42% ชื่นชอบบ้านเดี่ยว” คุณจามรี เกษตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์

คุณจามรี เกษตระกูล

“ประชากรกัมพูชาปัจจุบัน 16 ล้านคน เป็นช่วงเบบี้บูมมาก และมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ลงไปจำนวนมาก ในกัมพูชาเป็นคนกลุ่ม Young Age มาก และทุกคนแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย และขยายไปอยู่สร้างครอบครัวเยอะขึ้น ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดดีมานด์ของตลาดอาคารชุดและบ้านมาก”

“คนกัมพูชานอกจากชอบสินค้าไทยแล้ว ยังชอบงานออกแบบและดีไซน์จากไทย โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งกัมพูชายังนำเข้าจากต่างประเทศกว่าครึ่ง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทย” คุณเจีย คิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเฮง เอเชีย กัมพูชา

คุณเจีย คิน

สรุปว่า ในปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงวงการอสังหาฯ ในบ้านเราจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจไม่ได้เติบอย่างรวดเร็ว ในกทม. โดยเฉพาะเส้นรถไฟฟ้า อสังหาฯ ประเภทอาคารชุดจะยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ ดีกว่าในแนวราบ โดยตลาดแนวราบนั้นส่วนภูมิภาคจะยังคงเป็นเจ้าของตลาดส่วนนี้อยู่ และที่สำคัญคือส่วนแบ่งในตลาดยังคงเป็นของดีเวอร์ลอปเปอร์รายใหญ่ทั้ง 11 ราย เนื่องจากธนาคารพิจารณาการปล่อยกู้สำหรับผู้ประกอบกลางขนาดกลางและเล็กยากขึ้นนั่นเอง

ส่วนในเรื่องของราคานั้นผู้ประกอบการยังคงทำตลาดห้องชุดอยู่ที่ 2-4 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นราคาที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อไหว แต่เนื่องจากราคาที่ดินและค่าแรงงานขั้นต่ำปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นตาม ทางผู้ประกอบการจึงต้องปรับขนาดพื้นที่ห้องที่ขายให้เล็กลงเพื่อคงราคาขายให้ได้เท่าเดิม

ดังนั้นหากใครสนใจลงทุนอสังหาฯ ในปีหน้าก็ยังถือว่าน่าจะยังทำไรได้ โดยให้พิจารณาห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้าและทำเลกลางเมืองเป็นหลัก ส่วนในแนวราบโดยเฉพาะทาวน์เฮาส์นั้นให้ลองพิจารณาบ้านราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทก่อนในเบื้องต้น เพราะหากราคาสูงกว่านี้จะค่อนข้างขายต่อยากหากไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีจริงๆ หรือไม่ได้ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรในระยาว

เรื่อง : Ektida N.
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากประชาชาติธุรกิจ

http://www.baanlaesuan.com/85749/room/20-best-housing-designs-of-2017/