laau cafe (ลาอูคาเฟ่) คาเฟ่กะทัดรัดในตึกแถวเก่าย่านบางขุนนนท์ เมื่อร่องรอยดั้งเดิมของอาคารหลอมรวมกับตัวตนใหม่ ก็กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นเปี่ยมเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมกาแฟรสชาติดี สินค้าจากธรรมชาติและมุมขายของสะสมน่ารัก ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แห่งการแบ่งปันความหลงใหล และจุดหมายใหม่สุดชิลของชาวฝั่งธนฯ
ธนาวุฒิ โชติประดิษฐ และจันทิมา แสงทองสุข เคยเป็นทั้งมนุษย์เงินเดือนในเมืองใหญ่ และเกษตรกรฝึกหัดที่บ้านสวนเชิงเขา การคำนึงถึงสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวคือจุดเปลี่ยนที่พาทั้งคู่ให้หวนกลับไปสู่วิถีชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ และคือจุดเริ่มต้นของ laau cafe ด้วยเช่นกัน
หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงมาหลายสิบปี เมื่อ 2 ปีก่อน ธนาวุฒิและจันทิมาย้ายไปเพชรบูรณ์ เพื่อพาครอบครัวไปอยู่กับธรรมชาติ ที่นั่น laau cafe เปิดตัวขึ้นครั้งแรกในอำเภอหล่มสัก เมืองเล็กๆ น่ารัก อากาศดี ไม่ไกลจากสวนเล็กๆ ของพวกเขา โดยมีแรงสนับสนุนจากครอบครัว นอกจากกาแฟ ยังมีผลไม้จากสวน และผลผลิตแปรรูปแบบโฮมเมดขายอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างเริ่มอยู่ตัว ลาอูคาเฟ่ก็ถึงคราวขยับขยาย พาความฝันและวัตถุดิบธรรมชาติของพวกเขากลับเข้ากรุง มาแฝงตัวอยู่ในคาเฟ่ของ “ร้านสวนเงินมีมา” บนถนนเฟื่องนคร ย่านเมืองเก่า ซึ่งขายสินค้าในแนวทางเดียวกัน มาถึงวันนี้ เมื่อพวกเขาเจอพื้นที่ที่เหมาะสม จึงได้เวลาขยับขยายมาสู่ร้านใหม่ที่มีพื้นที่มากขึ้นในแบบที่ตั้งใจไว้
“เรียกได้ว่าที่นี่คือพื้นที่ขายของตามใจเรา นำเสนอสิ่งที่เราชอบและเป็นตัวตนของเราจริงๆ โดยมีกาแฟมาเป็นตัวเชื่อม ชักชวนผู้คนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน มาเจอกัน”
ธนาวุฒิบอกกับเราว่าคาเฟ่นี้เกิดจากความเชื่อ…ความเชื่อในความตั้งใจ และความพยายามที่จะแบ่งปันแนวคิดและสินค้าดีๆ จากวิถีธรรมชาติให้กับทุกคน เหมือนกับที่เขาเคยแบ่งปันกับครอบครัว ฟังแล้วเราไม่แปลกใจ เพราะตั้งแต่ก้าวแรก ก็รู้สึกเหมือนได้เข้าไปเยี่ยมบ้านเพื่อนสักคนหนึ่ง
ตึกแถวเก่าขนาดหนึ่งคูหานี้ เดิมเคยเป็นคลินิกทางการแพทย์และได้รับการปรับโฉมใหม่เกือบทั้งหมด ส่วนหนึ่งด้วยฝีมือของช่าง แต่ส่วนมากจะด้วยสองมือของทั้งคู่ บนชั้น 1 เป็นพื้นที่คาเฟ่ ผนังสีเขียวอ่อนวินเทจถูกขัดลอกจนเกิดผิวสัมผัสใหม่น่าสนใจ แต่ยังคงบรรยากาศตึกแถวยุคเก่าไว้ด้วยพื้นปูนสีแดงดั้งเดิม เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์เก่าหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากเป็นคลินิกเก่า หน้าต่างบานใหญ่ด้านหน้าจึงเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาเต็มๆ ช่วยให้พื้นที่ภายในดูโปร่ง โดยเฉพาะแสงเงาจากแดดช่วงบ่ายทำให้สเปซภายในร้านเกิดมิติแปลกตา
นอกจากจะเป็นบาริสต้า ธนาวุฒิยังเป็นช่างภาพ และจันทิมาก็ยังเป็นกราฟฟิกดีไซเนอร์ ทั้งคู่ยังคงยึดอาชีพคนทำหนังสือควบคู่กันไป ห้องอ่านหนังสือบนชั้นลอยจึงเต็มไปด้วยสิ่งพิมพ์ และหนังสือมือสองที่ให้หยิบยืมอ่านระหว่างละเลียดกาแฟ อีกด้านคือมุมขายของสะสม แม้เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าไปจนถึงเครื่องประดับ แต่เรากลับรู้สึกถึงความเรียบง่ายกลิ่นอายบุปผาชน คอลเล็คชั่นสมบัติผลัดกันชมเหล่านี้ดูเหมือนจะบ่งบอกตัวตนและความหลงใหลของพวกเขาได้ดีที่สุด
มุมนั่งเล่นด้านหลังเขียวชอุ่มด้วยสวนกระถาง ผ้าม่านโปร่งบางเบาที่ปักด้วยดอกไม้แห้ง ดูละมุนด้วยแดดยามเช้า แต่ก็ร่มรื่นไปอีกแบบในช่วงเย็น และไม่บอกก็รู้ว่าตรงนี้คือมุมถ่ายรูปที่ตั้งใจเซ็ตไว้ให้ลูกค้าโดยเฉพาะ
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟ แต่ยังมีขนมอบโฮมเมด ผลิตผลธรรมชาติสดๆ จากบ้านสวน รวมถึงสินค้าปลอดภัยจากผู้ผลิตมิตรสหายของลาอู
“เรามั่นใจว่าเครื่องดื่มทุกแก้ว อาหาร ขนม สินค้าทุกอย่างที่นี่ปลอดภัย เพราะเราเห็นทั้งกระบวนการผลิตมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้วยฉาบ กล้วยตาก เราก็ทำเอง ใช้แต่น้ำผึ้ง ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม ทุกอย่างคือรสชาติจากธรรมชาติ หรือขนมปังสุขภาพ เราก็ร่วมมือกับผู้ผลิตที่ใช้ยีสต์ธรรมชาติ ซึ่งเราเห็นถึงความตั้งใจ และอยากส่งต่อให้ลูกค้าที่ชอบในแบบเดียวกัน”
ด้วยความเชื่อในวิถีธรรมชาติ ที่นี่จึงเชื่อในการดูแลธรรมชาติเช่นกัน ลาอูคาเฟ่รณรงค์ให้ลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มกลับบ้านนำแก้วมาเอง และงดใช้หลอดหรือถุงพลาสติกเพื่อลดขยะ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสีสันสำคัญของที่นี่คือ “มะขาม” แมวน้อยประจำคาเฟ่ ซึ่งถ้าอารมณ์ดีจะลงมาต้อนรับลูกค้าแบบน่ารักสุดๆ แวะไปเยี่ยมเยียนพวกเขาหรือติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 096-924-2071
ร้านหยุดวันจันทร์
วันอังคาร – วันพฤหัสบดีเปิด 11.00 – 20.00 น.
วันศุกร์ – วันอาทิตย์เปิด 10.00 – 20.00 น.
Facebook: laau.cafe
Instagram: cafe.laau
เรื่อง : MNSD
ภาพ : นันทิยา