เมื่ออดีตโปรแกรมเมอร์ที่หลงใหลในกาแฟ ผันตัวมาเอาจริงจังเอาจังด้านการคั่ว ชง ดื่ม ไปจนถึงการหาเมล็ดพันธุ์เอง จึงเป็นที่มาของ Hacking Coffee Flagship คาเฟ่สีดำเข้มขรึมสุดดิบเท่แห่งนี้
Hacking Coffee Flagship ตั้งใจพิสูจน์ให้เห็นว่า Specialty Coffee จริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร โดยมีแนวคิดคือการเฟ้นหาเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงมาให้คนทั่วไปได้ลิ้มชิมรส เหมือนกับเหล่าแฮกเกอร์ที่ขโมยของดีมาให้สัมผัสในราคาที่เอื้อมถึง
โปรเจ็กต์รีโนเวตคาเฟ่เดิมให้กลายเป็นคาเฟ่ใหม่ที่ให้อาคารหรือ “สถาปัตยกรรม” ทำหน้าที่เป็น “เครื่องจักร” ขนาดใหญ่ที่สามารถตอบสนอง เคลื่อนไหว และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ลึกลับ ชวนค้นหาในความเป็นแฮกเกอร์อยู่ ทำให้หากดูจากภายนอกจะเห็นเป็นเพียงกำแพงสีดำทะมึน ที่มีเพียงช่องเปิดขยับขึ้น-ลงในบางจังหวะ แล้วให้ทางเข้าร้านซ่อนอยู่ด้านข้างแทน ต้องเดินผ่านตรอกแคบมืดด้วยกำแพงสูงกรุไม้เผาผิวที่ขนาบตลอดทางเดิน
โดยตัวอาคารยังคงใช้โครงสร้างเดิมทั้งหมดแล้วใช้การตกแต่ง การเลือกใช้วัสดุ มู้ดแอนด์โทน และเฟอร์นิเจอร์ขับให้ได้บรรยากาศดิบ ดาร์ค กลิ่นอาย Cyberpunk ราวกับโลกอนาคตสุดล้ำที่เพิ่มความ Sci-fi ด้วยมุมแหลม และเส้นเฉียง ซึ่งเมื่อก้าวเข้ามาในร้านจะผ่านห้องคั่วกาแฟที่กรุด้วยกระจกใส ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกสัมผัส ก่อนจะดื่มด่ำไปความขมของกาแฟที่ถูกขับให้ชวนค้นหาด้วยแสงไฟสุดสลัวที่เคาน์เตอร์บาร์กลางร้าน ซึ่งเป็นเสมือนหัวใจของพื้นที่
ตัวบาร์เปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ (Processor) ที่ท่อสายไฟแบบเดินลอยจะเดินมารวมกันที่นี่ และเพื่อสร้างความคอนทราสต์กับความไฮเทคที่เกิดขึ้นจึงเลือกกรุเคาน์เตอร์ด้วยหินอินเดียสีดำ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่เหลือจากการตัดหินส่วนตรงกลางที่เป็นแผ่นเรียบไป เหลือหน้าหินที่มีผิวสัมผัสและร่องรองความเป็นหินธรรมชาติจริงให้เห็น โดยอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ในส่วนของสโลว์บาร์ ใช้หินที่เห็นร่องแนวตั้งอันเกิดจากการเจาะหินเพื่อให้ดันออกง่ายมาประติดประต่อกันจนเป็นผืนใหญ่ ทำการบากหินแล้วสอดแผ่นเหล็กเพื่อทำเป็นโต๊ะแบบบาร์
ฝั่งซ้ายของเคาน์เตอร์ยกพื้นขึ้นเล็กน้อยอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพิ่มเติมไฟ LED แบบ Indirect Light ขับให้สเปซดูล้ำสมัย โซนด้านบนออกแบบที่นั่งคอนกรีตหล่อความยาวตลอดแนว โดยมีความลึกของที่นั่งมากกว่าปกติให้คนได้ทดลองออกแบบท่านั่งของตัวเอง จะนั่งขัดสมาธิ หรือเอาคอมพิวเตอร์หันไปวางทางขอบหน้าต่างเพื่อมองไปยังถนนด้านนอก ผ่านตะแกรงเหล็กปั๊มรูที่ออกแบบเป็นบานเปิด ที่สามารถหมุนเปลี่ยนองศาได้ตลอด สามารถมองทะลุ กรองแสงได้ และสร้างเอฟเฟ็กต์ของความเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนกันในแต่ละวัน ให้ช่องเปิดของอาคารนี้ทำหน้าที่เหมือนช่องระบายความร้อนของคอมพิวเตอร์ เข้าชุดกับโต๊ะเหล็กสั่งทำ ที่แรงบันดาลมาจาก Case Computer
นอกจากภาพรวมของการอุปมาเป็นเครื่องจักรเครื่องยักษ์แล้ว การตกแต่งและดีเทลเล็กน้อยก็ไม่ถูกมองข้าม ในส่วนของผนังคอนกรีตบริเวณหลังเคาน์เตอร์และเสาถูกซ่อนไว้ด้วยแผงวงจรคอมพิวเตอร์ที่พังแล้ว โดยทำการฝังแผงวงจรก่อน แล้วหล่อคอนกรีตทับ จากนั้นค่อย ๆ ทุบและกระเทาะ ให้ได้เส้นสายตามที่วางแบบไว้ แทนการฉาบปูนทับที่จะดูไม่สมจริง เส้นสายที่เกิดขึ้นดูเหมือนเป็นผังเมือง หรือเป็นสถาปัตยกรรมในจินตนาการ ซึ่งร่องรอยที่เกิดขึ้นประหนึ่งคอนกรีตที่ค่อยๆ แตกจากกาลเวลา เผยให้เห็นเนื้อแท้ด้านใน ชวนให้คนสนใจและสงสัยว่าหากคอนกรีตหลุดออกหมดแล้ว ภายในนั้นจะเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งหลังกำแพงนี้เองที่ซ่อนห้องลับที่ต้องผ่านประตูตู้เซฟเข้าไป จะพบกับเซอร์ไพร้ส์สเปซที่เสิร์ฟกาแฟแบบโอมากาเสะโดยเจ้าของร้านเอง
สุดท้ายกับพื้นที่เอ๊าต์ดอร์หลังร้านกับสวนขนาดย่อม ที่มีแนวคิดเป็นสวนแห่งอนาคต ซึ่งในวันข้างหน้าอาจจะไม่มีต้นไม้หลงเหลืออยู่แล้ว จึงเป็นสวนคอนกรีตเปลือยที่ทิ้งร่องรอยของไม้แบบไว้ให้เห็นต่างหน้า กับที่นั่งคอนกรีตที่มีรูปฟอร์มเหมือนสุสาน หรืออีกมุมหนึ่งคือเส้นสายบนแผงวงจรที่ค่อยๆ ไหล ที่ใช้น้ำไหลผ่านพื้นที่นั่งทั้งหมดแทนข้อมูล (Information) บนแผงควบคุมการทำงาน (Processing) สำหรับฟาซาดด้านหลังของอาคาร นอกจากทำหน้าที่ในเชิงการใช้งานแล้ว ยังเป็นความงามที่บรรจงคัดสรรของเก่าอย่างมิเตอร์ไฟฟ้ามาจัดเรียงเป็นกิมมิค ล้อไปกับท่อระบายความร้อน และพัดลมระบายความร้อน ซึ่งการหาของเก่าที่ไม่สามารถกำหนดหรือคาดการณ์ก่อนได้ ก็เหมือนกับงานคราฟต์ที่ต้องค่อยๆ ค้นหา บรรจงรังสรรค์ จนออกมาเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย
ที่ตั้ง
ซอยลาดพร้าววังหิน 63 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
พิกัด https://goo.gl/maps/9AnzmuioAxGL5zN66
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7.00 – 20.30 น.
โทร.064 606 5947
ออกแบบ: Context Studio
ภาพ: DOF SKY|GROUND Photography
เรื่อง: BRL
COFFEE J & HOSTEL คาเฟ่ของคนรักรถคลาสสิก เท่กลมกล่อมด้วยสไตล์อินดัสเทรียล
