สำรวจ มาเก๊า จุดหมายที่ใช่ของผู้มีใจรักงานศิลป์และอินวัฒนธรรม - room

สำรวจ มาเก๊า จุดหมายที่ใช่ของผู้มีใจรักงานศิลป์และอินวัฒนธรรม

หลายคนรู้จัก ‘มาเก๊า’ ในฐานะแหล่งพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ครบเครื่องเรื่องร้านอาหารหลากเชื้อชาติ คาเฟ่สุดฮิป แหล่งช้อปปิ้ง ที่พักสุดหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็ม อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่สื่อถึงการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวของวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกสมากมาย จนได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกในชื่อว่า  ‘ศูนย์ประวัติศาสตร์มาเก๊า’ (The Historic Centre of Macao) เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูปและเรียนรู้อดีตของเมืองนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ไม่เพียงเท่านั้น มาเก๊า ยังเป็นอีกหมุดหมายที่รุ่มรวยด้วยอีเวนต์ศิลปะที่หมุนเวียนมาให้รับชมในแต่ละเดือน ดังเช่นไฮไลต์ที่ room นำเสนอในครั้งนี้ นั่นก็คือ Picasso: Beauty and Drama ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลก และ The Lisboa, Stories of Macau โดยทั้ง 2 นิทรรศการจัดแสดง ณ Grand Lisboa Palace Resort Macau

บทความนี้ room จะพาไปสำรวจ มาเก๊า ผ่านงานอาร์ตระดับโลกและสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม ที่ซ่อนตัวอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมือง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ชื่นชอบศิลปะและวัฒนธรรมอันรุ่มรวย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถสัมผัสความประทับใจของเมืองอันไม่หลับใหลนี้ได้แบบเต็มอิ่ม

Senado Square แลนด์มาร์กรวมหลากวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความหลากหลายของ มาเก๊า ที่รวมเชื้อชาติทั้งตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน คือสถาปัตยกรรมและงานศิลป์ที่มีอยู่ทั่วตัวเมือง หากใครได้ไปเยือนสถานที่แรกที่ต้องแวะไปคือ Senado Square แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลายคนมักไปช้อปไปชิมร้านเด็ดต่าง ๆ แล้วต่อด้วยไปดูสถาปัตยกรรมของตึก Leal Senado หรือปัจจุบันรู้จักกันในชื่ออาคารสำนักกิจการเทศบาล (Instituto para os Assuntos Municipais) ตัวอาคารมีความเรียบง่ายแต่งดงามตามสไตล์นีโอคลาสสิก ด้านในมีสวนดอกไม้เล็ก ๆ และศิลปะกระเบื้องเคลือบอาซูเลชูให้ได้ชม

ส่วนฝั่งตรงข้าม คือ อาคารไปรษณีย์กลาง ตึกทรงคลาสสิกสูง 3 ชั้น อายุเกือบหนึ่งศตวรรษ  มีจุดเด่นคือหอระฆังที่ติดตั้งอยู่ด้านบนสุดของอาคาร ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจีน José Chan อาคารอีกแห่งที่สวยงามและอยู่ไม่ไกลกัน คือ อาคารสำนักงานใหญ่ของบ้านเมตตาแห่งมาเก๊า (Santa Casa da Misericórdia) สถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกแฝงกลิ่นอายแมนเนอริสต์ (Mannerist) จำลองแบบมาจากองค์กรการกุศลเก่าแก่ในโปรตุเกส ทั้งยังเป็นโรงพยาบาลแบบตะวันตกแห่งแรกในมาเก๊าด้วย

หากเดินทะลุผ่านจัตุรัสแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอย Travessa de São Domingos จะมุ่งหน้าไปยัง Cathedral Square จุดนี้จะมีอาสนวิหารสไตล์นีโอคลาสสิกหลังสำคัญของมาเก๊าตั้งตระหง่านอย่างสง่างามใจกลางจัตุรัส ใกล้เคียงกันเป็น Travessa do Meio ตรอกเล็ก ๆ ที่ได้รับการขนานนามว่า Portuguese Tiles Murals ทั่วทั้งกำแพงประดับประดาด้วยศิลปะอาซูเลชู ผลงานของ George Chinnery ศิลปินชาวอังกฤษที่อาศัยในมาเก๊า ลวดลายสีน้ำเงินบนกระเบื้องเคลือบสีขาวถ่ายทอดวิถีชีวิตของชาวจีนและมาเก๊าในช่วงศตวรรษที่ 19

ท่ามกลางอาคารสไตล์ตะวันตก ยังมีสถาปัตยกรรมจีนโบราณซ่อนตัวอยู่ด้วย ออกจากตรอก Travessa do Meio เข้าสู่ซอย Travessa da Sé จะเจอกับคฤหาสน์หลู่เกา (Lou Kau Mansion) อาคาร 2 ชั้นสร้างด้วยอิฐสีเทา ด้านกว้างแบ่งเป็น 3 ตอนขนาดเท่ากัน ส่วนแนวลึกมีลานเพดานโปร่งรับแสงธรรมชาติและหมุนเวียนอากาศภายในบ้านจำนวน 2 แห่ง ซึ่งแบ่งโถงบ้านชั้นล่างออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Entrance Hall, Tea Hall และ Senior Hall โดยโถงสุดท้ายอยู่ด้านในสุด มีความเป็นส่วนตัว และสงวนไว้เฉพาะผู้อาวุโสของครอบครัว รายละเอียดการตกแต่งคฤหาสน์ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน มีทั้งงานแกะสลักปูนเหนือประตูที่ทำเป็นลวดลายสัตว์และดอกไม้ต่าง ๆ โลหะฉลุลายจีนบริเวณประตูและหน้าต่าง รวมถึงกระจกสีแบบตะวันตก

วัดซำไกวุยคุน (Sam Kai Vui Kun) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในย่านจัตุรัสเซนาโด รู้จักในอีกชื่อว่าวัดเทพเจ้ากวนอู นักท่องเที่ยวมักแวะมาสักการะขอพรในเรื่องการงาน โชคลาภทางการค้า และอำนาจบารมีในการปกครองบริวาร

มาเก๊า

Taipa ย่านที่เต็มไปด้วยสตรีทอาร์ตและตึกโคโลเนียลสีพาสเทล

จากจัตุรัสกลางเมือง ย้ายมาที่ฝั่งไทปา (Taipa) ย่านนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลที่น่าสนใจหลายแห่ง เริ่มด้วย Taipa Houses Museum กลุ่มบ้านโบราณสไตล์โปรตุเกสสีเขียวพาสเทลจำนวน 5 หลัง ซึ่งจะมีบ้านหลังหนึ่งที่จำลองให้เห็นถึงวิถีชีวิตครอบครัวที่เคยพักอาศัย ณ ที่แห่งนี้ในยุคอาณานิคม หลังจากนั้นหากเดินไปตามถนน Avenida de Carlos da Maia จนสุดทาง จะพบกับตรอกเล็ก ๆ ชื่อ Calçada do Quartel ที่มีสตรีทอาร์ตและกราฟิตี้บนผนังตึกสีสันสดใสของร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกและสินค้ามือสอง จากนั้นเดินลงบันไดเลี้ยวซ้ายและเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงตึกโคโลเนียลสีเขียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณท์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโลอาน ที่นี่นอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะไทปาและเกาะโคโลอานแล้ว ยังสามารถสัมผัสความงดงามยามบ่ายที่แสงอาทิตย์ส่องกระทบผนังตึก ให้มิติของแสงเงาและฉายภาพความงามของสถาปัตยกรรมอันกลมกลืนของสองซีกโลกไว้อย่างสวยงาม

Grand Lisboa Palace Resort Macau สถาปัตยกรรมและดีไซน์ตะวันตกพบตะวันออกสุดอลังการ

หนึ่งในสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับเดินอยู่ในยุโรป คือความอลังการของ Grand Lisboa Palace Resort Macau ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุโรปในยุคนีโอคลาสสิก (Neo-Classicism) และยุคสวยงาม (Belle Époque) ที่มีการสอดแทรกรายละเอียดของสัตว์และดอกไม้มงคลตามวัฒนธรรมจีนเข้าไปในการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นมังกร นกเฟิ่งหวงหรือฟินิกซ์จีน และดอกบัว สะท้อนเอกลักษณ์ของมาเก๊าที่ผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างกลมกลืน

อาณาจักร Grand Lisboa Palace Resort Macau ประกอบไปด้วย 3 โรงแรม ได้แก่ THE KARL LAGERFELD MACAU, Palazzo Versace Macau และ Grand Lisboa Palace Macau มี Jardim Secreto ตั้งอยู่ใจกลางอาคารของทั้ง 3 โรงแรม เชื่อมต่อกับทางเดินสไตล์โคลอนเนด (colonnade) ที่ขนาบด้วยสระน้ำ เป็นสวนสไตล์ยุโรปที่ตระการตาด้วยพุ่มไม้ตัดแต่งเป็นรูปวงกตสไตล์บาโรกได้อย่างสมมาตร อีกทั้งยังล้อมรอบโดมยักษ์ที่ส่องประกายล้อแสงแดดและเปิดแสงไฟหลากสีสันในยามค่ำคืน ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน ไม่ว่าจะมองในมุมสูงจากบนห้องพักหรือลงมาเดินสัมผัสแบบใกล้ชิด

พื้นที่ภายใน Grand Lisboa Palace Macau ออกแบบอย่างประณีตด้วยดีไซน์ร่วมสมัยในสไตล์ ‘Chinoiserie’ ที่ประยุกต์ศิลปวัฒนธรรมจีนเข้ากับสุนทรียศาสตร์แบบยุโรป ซึ่งนิยมกันในศตวรรษที่ 17-18 สร้างบรรยากาศหรูหราโอ่อ่า ภายในห้องพักที่มีมากถึง 1,350 ห้อง ประดับไปด้วยภาพวาดและของตกแต่งที่ผสานความเป็นตะวันออกร่วมกับตะวันตก อาทิ ภาพโคมจีนลวดลายกระเบื้องเคลือบโปรตุเกส มีห้องพักหลายรูปแบบและขนาดให้เลือก มาพร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงวิวฝั่งตัวเมือง และวิวสวน Jardim Secreto ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมาะแก่การพักผ่อน

The Art Collection ชิ้นงานศิลปะน่าชมที่เข้าถึงได้ในล็อบบี้โรงแรม

ภายในโถงทางเดินและล็อบบี้ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของ Grand Lisboa Palace Macau ยังมีคอลเลกชันงานอาร์ตที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินจากหลายเชื้อชาติที่พำนักอยู่ในมาเก๊ามาร่วมกันตีความและถ่ายทอดอัตลักษณ์เฉพาะตัวของมาเก๊าทั้งในอดีตและสมัยใหม่ผ่านศิลปะหลากแขนง และจัดแสดงให้ชมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

อาทิ ผลงานชื่อ Macau Glory โดย Carlos Marreiros สถาปนิกและศิลปินผู้มีความผูกพันและใช้ชีวิตในมาเก๊ามายาวนาน สร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ด้วยการนำ ‘อาซูเลชู’ (azulejo) หรือกระเบื้องเคลือบเขียนลายสไตล์โปรตุเกส มาจัดเรียงเพื่อนำเสนอวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมในมาเก๊าตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกว่าด้วยช่วงเริ่มต้นของการเผชิญหน้ากันระหว่างชาวจีนและโปรตุเกส อีกส่วนแสดงภาพความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของกลุ่มคนต่างเชื้อชาติในเมืองนี้ 

การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเทคนิค ‘อาซูเลชู’ (azulejo) หรือกระเบื้องเคลือบเขียนลายสไตล์โปรตุเกส เริ่มเป็นที่รู้จักในมาเก๊าตั้งแต่สมัยที่ชาวโปรตุเกสเข้ามาตั้งรกราก และได้รับการส่งต่ออย่างแพร่หลาย โดยเทคนิคนี้มักถูกนำไปใช้ตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมเมือง มีทั้งในรูปแบบของลวดลายธรรมดาไปจนถึงบันทึกภาพประวัติศาสตร์ เรื่องราวทางศาสนา หรือสภาพสังคมและวิถีชีวิตต่าง ๆ

อีกหนึ่งผลงานสะดุดตาคือ Paradise – Ships on the Oriental Coast ฝีมือการรังสรรค์ของ Eric Fok ใช้เทคนิคลายเส้นปากกาหมึกสีน้ำเงินบนกระเบื้องเคลือบที่ลงรายละเอียดคมชัด ทรงพลัง สื่อถึงมาเก๊าในฐานะศูนย์กลางค้าขายสินค้าอันก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดดเด่นด้วยรูปตรงกลางที่เป็นกลุ่มอาคาร Grand Lisboa Palace Resort Macau

Picasso: Beauty and Drama ผลงานต้นฉบับที่สะท้อนชีวิตและแนวคิดของศิลปินดังระดับโลก

ไฮไลต์ของอาร์ตซีนที่น่าหาโอกาสไปชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง คือนิทรรศการ ‘Picasso: Beauty and Drama’ นำผลงานออริจินัลมาสเตอร์พีซกว่า 140 ชิ้นของปาโบล ปิกัสโซ (Pablo Picasso) เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจาก Museo Casa Natal Picasso เมืองมาลากา (Málaga) ประเทศสเปน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อก้องโลกผู้นี้ มาจัดแสดงที่ Grand Lisboa Palace Resort Macau

ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับจิตวิญญาณของศิลปินชื่อก้องโลกผู้นี้ตั้งแต่ด้านหน้างาน ผ่านคำพูดอันโด่งดัง “Art is the most beautiful of all lies” (ศิลปะงดงามที่สุดในบรรดาคำลวง) ก่อนจะเดินผ่านเส้นทางทอดยาวเข้าสู่โลกของศิลปินทรงอิทธิพลในศตวรรษที่ 20 ผู้นี้ ท่ามกลางภาพนกที่กำลังโบยบินพร้อมเสียงร้องระงม บอกเป็นนัยถึงความรักสัตว์ของเขา โดยมีรูปเด็กชายปิกัสโซวัย 4 ขวบรอทักทายที่ปลายทางเพื่อเข้าสู่ห้อง Málaga 1881 ที่โชว์ของใช้ส่วนตัวและโมเดลจำลองสถานที่ในวัยเด็กในเมืองมาลากา รวมถึงแผนผังครอบครัวของปิกัสโซ และเมื่อออกจากห้องนี้ ก็จะพบกับลานกว้างที่ให้บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองบ้านเกิดของปิกัสโซที่มีต้นส้มบริเวณลานกว้างและตรอกซอกซอยมากมาย โดยแต่ละเส้นนำไปสู่พื้นที่จัดแสดงที่แบ่งออกเป็น 7 ห้อง 7 ธีม ซึ่งอัดแน่นด้วยเรื่องราวชีวิต แนวคิด ความหลงใหล และฝีมือด้านศิลปะของชายผู้นี้

แม้ปิกัสโซมักถ่ายทอดผลงานผ่านภาพผู้หญิงที่เขารัก แต่ในห้องจัดแสดงที่ชื่อ ‘Women’ จะโฟกัสเฉพาะผลงานที่ได้แรงบันดาลใจจากหญิง 2 คนในชีวิต นั่นคือ Françoise Gilot และ Jacqueline Roque ส่วนห้องต่อมาชื่อ ‘Ceramic’ จะรวบรวมผลงานเซรามิกทั้งจานและแจกันรูปทรงต่าง ๆ เพนต์เป็นลวดลายที่หลากหลายโดยเฉพาะรูปสัตว์ ซึ่งผลงานเหล่านี้ได้รับการพัฒนาฝีมือและแรงบันดาลใจไปพร้อมกับการสานสัมพันธ์กับ Jacqueline ภรรยาคนที่สองของเขา

ในห้องชื่อ ‘Beauty’ สะท้อนแนวคิดของปิกัสโซที่ต้องการท้าทายขนบและนิยาม ‘ความสวย’ ของสังคมต่อศิลปะ ห้องนี้จึงนำเสนอผลงานที่เขา ‘จงใจ’ สร้างสรรค์ในลักษณะครึ่ง ๆ กลาง ๆ ระหว่างส่วนที่เหมือนภาพร่างในสายตาคนทั่วไปกับส่วนที่ดูงดงามสมบูรณ์แบบ 

โลกยุคคลาสสิกเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ปิกัสโซนำมาดัดแปลงและผสานเข้ากับความร่วมสมัย ซึ่งเป็นที่มาของห้อง ‘Myths’ กับการนำเสนอภาพเหล่าเทพและสิ่งมีชีวิตในปกรณัมกรีกโรมัน เช่น รูปวีนัสกับคิวปิด และฟอน (Faun) สิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งแพะ ส่วนห้อง ‘Bulls’ อุทิศให้ความใฝ่ฝันของปิกัสโซที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า “หากไม่ได้วาดภาพ ฉันก็คงจะเป็นพิคาดอร์ (หนึ่งในตำแหน่งนักสู้วัวกระทิงที่ใช้หอกแทงให้วัวกระทิงอ่อนแรงจากบนหลังม้า)” นอกจากภาพหมายเลข 6 และ 7 จากซีรีส์ Bulls และงานเซรามิกที่สื่อถึงความชื่นชอบสัตว์ชนิดนี้แล้ว ยังมีภาพถ่ายตอนที่เขาไปชมการต่อสู้วัวกระทิงจัดแสดงอยู่โดยมีการเปิดเสียงจากในสนามควบคู่ไปด้วยเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมให้แก่ผู้ชม

ในผลงานจัดแสดงทั้ง 5 ห้อง จะนำเสนอผลงานอันหลากหลายของปิกัสโซที่แม้จะมีรายละเอียดแตกต่างกัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคล้ายคลึง เนื่องจากเหล่านี้คือผลงานภาพพิมพ์ที่ปิกัสโซผลิตออกมาครั้งละหลายชิ้น เพื่อนำมาสร้างสรรค์ให้แตกต่างด้วยการแต่งเติมเทคนิคและสีสันที่ไม่เหมือนกันตามการตีความและต่อยอดหัวข้อนั้น ๆ โดยห้อง ‘Techniques’ จะพาไปเรียนรู้เทคนิคภาพพิมพ์ต่าง ๆ ที่ศิลปินผู้นี้ใช้ อาทิ ภาพพิมพ์หิน (lithograph) ภาพพิมพ์โลหะทองแดง (etching on copper) พร้อมโชว์อุปกรณ์และวิธีสร้างสรรค์ให้ชมด้วย

ในห้องสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘Top 10’ เป็นเหมือนบทสรุปของทุกห้องก่อนหน้า เป็นการรวบรวม 10 ผลงานชั้นยอดอันโดดเด่น ทั้งในแง่การแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านศิลปะและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ รวมถึงบุคลิกเฉพาะตัว แรงบันดาลใจ เรื่องราวที่สนใจ แนวคิดที่ชื่นชอบ และบุคคลที่เขารัก ตัวอย่างเช่น Figure with a Striped Bodice, Bust of Woman with White Bodice (Jacqueline in Profile), The Great Bullfight, Paloma with Her Doll, Black Background และ Cavalier and Horse 

การเข้าชมนิทรรศการ Picasso: Beauty and Drama จึงไม่เพียงได้ชื่นชมผลงานต้นฉบับอันล้ำค่าผ่านการคัดสรรและเล่าเรื่องอย่างตั้งใจโดยไม่ต้องบินไปไกลถึงสเปน แต่ยังทำให้เข้าใจหลากหลายแง่มุมของศิลปินผู้โด่งดังของศตวรรษที่ 20 อย่างปิกัสโซ มากยิ่งขึ้นด้วย โดยสามารถรับชมผลงานระดับโลกของปิกัสโซได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ห้องจัดแสดงหมายเลข 220 ชั้น 2 Grand Lisboa Palace Resort Macau ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองบัตรได้ที่ https://art.sjmresorts.com/en/exhibitions-and-events/picasso-beauty-n-drama

The Lisboa, Stories of Macau เล่าประวัติศาสตร์กว่า 500 ปีของ มาเก๊า ผ่านศิลปะจัดวางและเทคโนโลยีสุดล้ำ

อีกหนึ่งนิทรรศการที่น่าสนใจในแง่ของประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวมาเก๊าที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดและจัดแสดงใน Grand Lisboa Palace Resort Macau คือ The Lisboa, Stories of Macau เล่าเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลากว่า 500 ปีของมาเก๊า โดยเริ่มจากคลิปความยาว 5 นาทีที่พาไปดูประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของเมืองนี้จากการเป็นเมืองท่าการค้าและจุดแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเมืองต่าง ๆ ในดินแดนตะวันออกและตะวันตกสมัยราชวงศ์หมิง ผ่านสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ควบสงครามโลกครั้งที่ 2 และก้าวสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจ จนกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและพักผ่อนระดับโลกดังเช่นปัจจุบัน 

โดยโซนหลักของนิทรรศการ ดึงดูดสายตาด้วยเรือมังกรทองอันเป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊า ที่นี่ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้เรื่องราวของ 8 แลนด์มาร์กสำคัญ ได้แก่ วัดเจ้าแม่กวนอิม วัดอาม่า ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล จัตุรัสแท็ปเซี้ยค (Tap Seac) สวนคาซา (Casa Garden) ซันหมาโหล่ว (San Ma Lo) โรงละครดอมเปโดรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre) และโรงแรม Lisboa Macau ผ่านงานสื่อหลากหลาย ทั้งอาร์ตอินสตอลเลชัน แอนิเมชัน วิดีโอสัมภาษณ์ และกิจกรรมอินเทอร์แอ็กทีฟสร้างสรรค์จากเทคโนโลยีทันสมัย ที่ทั้งสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจ

โซนสุดท้ายจัดแสดงวัตถุโบราณ The Lisboa Collection นำเสนอผลงานศิลปะและข้าวของเครื่องใช้ในพระราชวังสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนความรุ่งโรจน์ของศิลปวัฒนธรรมจีน อาทิ บัลลังก์มังกรลงรักปิดทองในสมัยจักรพรรดิคังซี พร้อมวิดีโอบอกเล่าขั้นตอนการบูรณะ

ชิ้นต่อมาคือเตาเผายาสมุนไพรหยกมังกร สร้างขึ้นจากหยกสีเขียวเข้ม ฐานแกะสลักเป็นรูปมังกรคู่ ชั้นที่สองและสามประดับด้วยหัวหมูและแพะ ส่วนชั้นบนสุดออกแบบเป็นรูปไก่และงู 3 ตัว ตกแต่งด้วยสัตว์มงคลประจำนักษัตรจีนรอบตัวงาน โดยรูปแบบของเตาเผานี้เป็นที่นิยมในยุคพระนางซูสีไทเฮา

อีกชิ้นที่ล้ำค่าไม่แพ้กัน นั่นคือ ถ้วยลายคราม (Eggshell Porcelain Glazed Bowl) สมัยจักรพรรดิเฉียนหลงที่บางเฉียบราวเปลือกไข่ โดดเด่นด้วยลวดลายมังกรห้าเล็บที่เคลื่อนตัวพลิ้วไหวไปกับมวลหมู่เมฆและลูกไฟที่วาดและลงสีอย่างวิจิตรบรรจงทั้งด้านนอกและด้านในถ้วย สื่อถึงพลังอำนาจของจักรพรรดิและความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ชิงในยุครุ่งเรือง

The Gastronomy of Excellence สวรรค์ของนักชิมที่รวมอาหารชั้นเลิศไว้ในรีสอร์ทเดียว

สิ่งที่แสดงถึงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของมาเก๊า ไม่ใช่เพียงสถาปัตยกรรมและงานศิลปะเท่านั้น แต่เรื่องของอาหารยังมีความหลากหลายและผสมผสานกลิ่นอายของตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนจนกลายเป็นรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดยโรงแรมทั้ง 3 แห่งของ Grand Lisboa Palace Resort Macau เป็นแหล่งรวมอาหารชั้นเลิสที่อยากให้ลิ้มลอง และนี่คือลิสต์ที่หากใครมีโอกาสไปเยือนจะต้องแวะไปชิม

The Grand Buffet –  เลือกอิ่มอร่อยได้ไม่อั้นกับเมนูมื้อเช้าจากทั่วทุกมุมโลก เริ่มบริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 10.30 น. ละลานตากับอาหารนานาชาติ ทั้ง เบรกฟัสต์สไตล์ตะวันตก ซีเรียล โอ๊ตมีล ติ่มซำ บะหมี่ โจ๊ก โอเด้ง ปาท่องโก๋-น้ำเต้าหู้ ขนมปังและเพสทรีนานาชนิด สลัดบาร์ โคลด์คัตและชีส พร้อมเครื่องดื่มและผลไม้ ผู้ใช้บริการสามารถเลือกนั่งรับประทานอาหารบริเวณเฉลียงด้านนอก พร้อมรับชมวิวสวน Jardim Secreto เพื่อสร้างบรรยากาศพิเศษให้กับมื้อแรกของวัน

Chalou – สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรม ‘หยำฉ่า’ หรือการกินติ่มซำคู่กับชาจีนแบบดั้งเดิม ผ่านการสั่งจากรถเข็นที่พนักงานภูมิใจนำเสนอ ภายใต้การตกแต่งร้านสไตล์โรงน้ำชากวางตุ้งในดีไซน์โมเดิร์นเรียบหรู (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน ‘ฉาโหลว’ ที่แปลว่าโรงน้ำชา) ดึงดูดสายตาด้วยกล่องบรรจุชาหลากหลายชนิดจากท้องที่ต่าง ๆ ในจีน และถ้วยชาที่ประดับอยู่บนเพดาน ผลงานการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฮ่องกง Alan Chan 

เมนูชามีให้เลือกถึง 16 ชนิด ส่วนจานติ่มซำที่ห้ามพลาดเลยคือฮะเก๋ากุ้ง ฮะเก๋าปู แป้งกรอบห่อกุ้ง รวมถึงอาหารแนะนำอื่น ๆ เช่น ซุปปลาและผักฉบับเมืองชุ่นเต๋อ และกุ้งผัดซอสเผ็ดสไตล์ฉาโหลวกินคู่กับหมั่นโถวทอด ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่างรังนกและเยลลี่มะพร้าวรูปปลาในครีมมะม่วงส้มโอ และแพนเค้กไข่รูป Sam the Rooster ซึ่งเป็นมาสคอตของโรงแรม มีให้เลือกทั้งไส้ชีสและทาร์ตไข่ เป็นร้านที่เหมาะมากสำหรับการนั่งกินมื้อกลางวันกับครอบครัว

Mesa by José Avillez – ร้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยที่ให้บรรยากาศน่าค้นหาด้วยการใช้โทนสีดำ ขาว และทอง อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ Karl Lagerfeld ควบคู่กับการตกแต่งที่ผสานลวดลายจีนและโปรตุเกส พร้อมจอ LED บนเพดานที่ฉายภาพแอนิเมชันฝูงนกสาลิกา (magpie) ท่ามกลางหมู่มวลแมกไม้

เมนูแนะนำของร้านนี้ เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง Tuna Tartare Cone และ Codfish Cake ตามด้วยจานหลัก Roasted Duck with Rice เนื้อเป็ดบ่มกับเครื่องเทศและซีตรัสนานถึง 5 วันจนเข้าเนื้อ แล้วจึงนำไปย่าง ให้ความนุ่มชุ่มฉ่ำพร้อมหนังที่กรอบ กินคู่กับข้าวผัดน้ำสต็อกเป็ดและเห็ดนานาชนิด อีกจานคือ Our Chicken with Piri Piri Sauce ไก่ย่างเนื้อนุ่มเสิร์ฟคู่กับอาร์ติโชกอบกรอบ เติมรสให้โดดเด่นขึ้นด้วยซอสใบมัสตาร์ดและซอสพิริพิริ จบมื้อด้วยของหวาน One of the Three Little Pigs คุกกี้ไส้ครีมผสมแฮมอิเบริโก โรยด้วยหนังหมูกรอบและแฮม ให้รสชาติหวานนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ

Wulao – ร้านฮอตพอตชื่อดังจากไต้หวันที่มาเปิดสาขาแรกในมาเก๊าและฮ่องกง ณ รีสอร์ตแห่งนี้ ตกแต่งภายในร้านด้วยแรงบันดาลใจจากบทกวีจีนเรื่อง ‘ตำนานธารดอกท้อ’ (Fairy Peach-blossom Village) ของเถายวนหมิง เมนูที่ต้องสั่งคือ Creamy Tofu, American Boneless Short Rib หรือเนื้อส่วนซี่โครง, Seafood Platter ที่ประกอบไปด้วยหอยเป๋าฮื้อ หอยเชลล์ กุ้ง และปลาเฉา รวมถึงเมนูพิเศษจากมณฑลยูนนาน อย่าง เนื้อไก่ป่า และ Yunnan Wild Mushrooms and Vegetables Platters หรือรวมเห็ดป่าและผักจากยูนนาน ซึ่งจะมีเสิร์ฟถึงวันที่ 14 กันยายนนี้เท่านั้น

มาเก๊า

ถ้ากำลังมองหาจุดหมายสำหรับวันพักผ่อนของคุณและครอบครัว มาเก๊า เป็นอีกเมืองที่สามารถเดินทางไปสะดวก และใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ท่องเที่ยวได้สนุก ครบรสทั้งความบันเทิง ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหารการกิน รวมทั้งสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะเดินทางคนเดียว ไปกับเพื่อนรู้ใจ หรือท่องเที่ยวไปกับครอบครัว ก็มีสิ่งน่าสนใจให้เลือกชมมากมาย ภายในเมืองเดินทางสะดวก มีที่พักบรรยากาศสบายให้เลือกสรรหลายรูปแบบ เป็นอีกประสบการณ์ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำให้คุณลองไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง