10 11 HOUSE บ้านเดี่ยว และ โฮมออฟฟิศ ที่ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ

10 11 HOUSE บ้านและโฮมออฟฟิศ ที่เอื้อให้ธรรมชาติสร้างสุขภาวะที่ดีในการใช้ชีวิต

บ้านเดี่ยวและ โฮมออฟฟิศ ที่สร้างสุขภาวะการอยู่อาศัยด้วยการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ โดยให้ทุก ๆ พื้นที่หันหน้าเข้าหาสวนกลางบ้าน อันมาจากแนวคิดที่อยากให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

DESIGNER DIRECTORY
ออกแบบ: S Pace Studio

ภายนอกของบ้านพักอาศัย ที่ใช้เป็น โฮมออฟฟิศ ในตัว ดูเป็นส่วนตัวตัดขาดจากบริบทด้วยอิฐบล็อกที่ก่อเป็นผนังสูง ซ้อนกันเป็นแพตเทิร์นอย่างง่ายแต่ดูเป็นเอกลักษณ์ ตัดกับต้นไม้สีเขียวที่แทรกไปตามแนวอิฐสร้างบรรยากาศกลมกลืนกับธรรมชาติ สร้างบรรยากาศเป็นมิตรกับผู้คนที่ผ่านไปมา แต่พอค้นพบกับพื้นที่ด้านใน กลับสะท้อนถึงหัวใจของบ้านที่ต้องการสร้างสุขภาวะให้กับผู้อาศัยได้อย่างดี

ด้านหน้าบ้านสร้างความเป็นส่วนตัวด้วยต้นไม้สีเขียวตัดกับผนังอิฐบล็อกสูง วางเรียงเป็นแพตเทิร์นสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้านตั้งแต่แรกเห็น
แยกพื้นที่จอดรถและทางเข้ากับออกจากกัน เพื่อแยกพื้นที่การใช้งานระหว่างโฮมออฟฟิศที่มีทางเข้าเดียวกับบ้าน และพื้นที่จอดรถของเจ้าของ
มุมมองจากในบ้านหันออกไปสู่เส้นทางออกจากบ้านที่ยังมีความเป็นส่วนตัวจากกำแพงอิฐบล็อกที่ก่อเป็นผนังสูง
บ่อน้ำข้าง ๆ โฮมออฟฟิศช่วยสร้างความเย็นสบายร่วมกับต้นไม้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
เจ้าของบ้านและนักออกแบบ คุณปาล์ม – ทวิชากร เหล่าไชยยงค์ (ขวา)และคุณท็อป – ปัณณพัฒน์ เพ็ชรจรัส แห่ง S Pace Studio (ซ้าย)

‘10 11’ คือชื่อของบ้านที่ดีไซน์โอบรับธรรมชาติและยกระดับความเป็นอยู่หลังนี้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของอำเภอเมืองฯ จังหวัดขอนแก่น มีทำเลสะดวกสบายใกล้กับใจกลางเมือง แต่ไม่พลุกพล่านมากนัก โดยก่อนที่จะมาเป็นบ้านเดี่ยวหลังนี้ เจ้าของบ้านและนักออกแบบ คุณปาล์ม – ทวิชากร เหล่าไชยยงค์ และคุณท็อป – ปัณณพัฒน์ เพ็ชรจรัส แห่ง S Pace Studio เดิมทีทั้งตัวพวกเขาและครอบครัวเคยอาศัยอยู่ในทาวน์โฮมซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองมาเป็นเวลา 15 ปี กระทั่งเมื่อคุณแม่ได้ล้มป่วยและต้องการการช่วยเหลือเป็นพิเศษ จึงนำมาสู่การมองหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ โดยมีโจทย์การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของคุณแม่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญลำดับแรกของการออกแบบ

หน้าต่างบนผนังทึบ เปิดออกสู่ภายนอกให้อากาศสามารถไหลเวียนเข้ามายังพื้นที่ภายในอาคาร สร้างสภาวะอยู่สบายให้กับการใช้ชีวิต
ทางเข้าบ้านในลักษณะโถงสูงจากผนังก่ออิฐที่ทำหน้าที่เป็นทั้งกำแพงของบ้านและผนังของอาคารไปในตัว
พลิกก้อนอิฐแล้ววางก่อซ้อนกันในแนวนอน ทำให้เกิดช่องว่างและช่องอากาศ ช่วยให้อากาศและแสงธรรมชาติเข้ามาถึงพื้นที่บ้านด้านใน

ที่ดินขนาด 1 งาน ที่พอดีกับขนาดพื้นที่ใช้สอยอันประกอบไปด้วยทั้งออฟฟิศสถาปนิก และพื้นที่อาศัยส่วนตัว เชื่อมโยงกับอีกองค์ประกอบสำคัญคือพื้นที่สีเขียวใจกลางบ้าน มาจากความต้องการให้คุณแม่ได้ใกล้ชิดและใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด เมื่อการเดินทางออกไปนอกบ้านเป็นเรื่องยาก ประกอบกับสภาพที่ดินเดิมมีต้นไม้ใหญ่ 1 ต้นอยู่กลางบ้าน ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกที่ดินผืนนี้เป็นที่ตั้งบ้านหลังใหม่ของครอบครัว ปัจจัยเหล่านี้ได้เกิดเป็นแนวคิดของการออกแบบที่สร้างตัวบ้านให้ล้อมคอร์ตสีเขียวไว้ภายใน เพื่อให้พื้นที่สวนสร้างความสบายให้ผู้อยู่อาศัย ขณะเดียวกันพื้นที่ใช้งานยังต้องพอดีไม่มากจนเกินไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง

บ้านขนาด 2 ชั้น หันหน้าเข้าหาสวนกลางบ้าน มาจากแนวคิดที่เจ้าของอยากให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

การวางผังแบบ L-Shape จึงนำมาใช้เพื่อรักษาต้นไม้เดิมที่อยู่กลางบ้าน และรักษาความเป็นส่วนตัว ด้วยการใช้แนวรั้วอิฐบล็อกทำหน้าที่เป็นรั้วบ้านและผนังอาคารในทีเดียว วิธีนี้ช่วยให้ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอและสามารถขยายได้เต็มพื้นที่ เพื่อชดเชยให้กับพื้นที่สวนกลางบ้านที่โอบล้อมต้นไม้เดิมไว้ โดยจะได้ประโยชน์ด้านความเป็นส่วนตัว เพราะมีรั้วสูงใหญ่คอยกั้นสายตาจากภายนอก แต่ก็ยังมีช่องว่างจากการวางแพตเทิร์นของอิฐให้หันด้านที่เป็นรูออก ช่วยให้อากาศและแสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามาได้

ภายในโฮมออฟฟิศมีการออกแบบให้ด้านหนึ่งเป็นผนังกระจกเปิดรับสวนกลางบ้าน สร้างความผ่อนคลายขณะทำงาน
บานเฟี้ยมกระจกของโฮมออฟฟิศ สามารถเปิดออกได้อย่างกว้างขวางเพื่อรับธรรมชาติ

ในแง่ของพื้นที่ใช้สอย แบ่งด้านหน้าเป็นอาคารออฟฟิศไว้ด้านนอกสุดของตัวบ้านที่ติดกับโถงทางเข้า ซึ่งโถงนี้นอกจากจะเป็นส่วนตัวเนื่องที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงอิฐแล้ว ยังมีลักษะเป็นทางลาดเพื่อรองรับการใช้งานวีลแชร์ของคุณแม่ ทางลาดนี้จะนำเข้าสู่พื้นที่ภายในที่ต้อนรับด้วยความโปร่งโล่งของคอร์ตกลางบ้านที่เติมเต็มด้วยเหล่าพันธุ์ไม้ซึ่งเชื่อมต่อกับก้อนอาคารที่อยู่อาศัยส่วนตัวของเจ้าของ

โถงนั่งเล่นแบบดับเบิ้ลสเปซช่วยให้ภายในโปร่งสบายแม้มีข้อจำกัดเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และมีการใช้กระจกช่วยสร้างมิติให้ภายในกว้างขวางขึ้น
ออกแบบพื้นที่ภายในให้เป็นโอเพ่นแปลน เชื่อมต่อระหว่างส่วนนั่งเล่นกับบริเวณรับประทานอาหาร มีบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เปิดออกได้สุด เพื่อให้เกิดความโปร่งโล่งรับกับสวนภายนอก

พื้นที่ส่วนตัวนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น มีโถงนั่งเล่นแบบดับเบิ้ลสเปซ โซนรับประทานอาหาร และห้องนอนคุณแม่อยู่ในชั้น 1 จากนั้นจึงเป็นห้องนอนของเจ้าของบ้านอยู่บนชั้น 2 ซึ่งทุกพื้นที่ใช้สอยต่างก็หันหน้าเข้าหาพื้นที่สีเขียวใจกลางบ้าน ทั้งยังมีการออกแบบพื้นที่ภายในให้โปร่งสบายด้วยผังแบบโอเพ่นแปลนรับกับประตูบานเลื่อนกระจก โดยเฉพาะในชั้น 1 ที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ล้อไปกับแนวยาวของอาคาร ในขณะที่ชั้น 2 นั้นถึงแม้จะเป็นห้องนอนที่ให้ความเป็นส่วนตัว แต่ยังมีระเบียงยื่นออกมาสัมผัสธรรมชาติภายนอกได้ ทำให้ทุกพื้นที่ใช้สอยในบ้าน เชื่อมโยงกับสวนในใจกลางบ้านอย่างแท้จริง

โซนห้องรับประทานอาหาร ใช้ที่นั่งแบบสตูลบาร์ให้ความรู้สึกกะทัดรัด พร้อมๆ กับใช้ห้องนี้เป็นห้องประชุมสำหรับส่วนสำนักงานไปด้วยในตัว
ห้องนอนชั้น 2 ใช้สีดำทาทั้งหมด เพื่อสร้างบรรยากาศของความสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนในเวลากลางคืน
ระเบียงชั้น 2 ขนาดพอเหมาะเป็นกิมมิกของงานออกแบบในการสร้างเสปซพิเศษให้เชื่อมจากห้องนอนออกไปยังสวนกลางบ้าน

‘10 11’ จึงเป็นบ้านที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตของคุณแม่และให้ลูก ๆ ได้อยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด ผ่านการผสมผสานกันระหว่างชีวิตการทำงานในโฮมออฟฟิศ และชีวิตส่วนตัวในอาคารที่อยู่อาศัยขนาดพอดี บนที่ดินซึ่งเชื่อมโยงสองพื้นที่นี้ด้วยธรรมชาติที่เติบโตในใจกลางบ้าน ตอบโจทย์เรื่องสุขภาวะสำหรับคนทำงานและคนป่วยได้ในระยะยาว เพราะเป็นบ้านที่เอื้อพื้นที่ให้กับธรรมชาติอย่างแท้จริง

เจ้าของ: คุณทวิชากร เหล่าไชยยงค์ และคุณปัณณพัฒน์ เพ็ชรจรัส
ออกแบบ: S Pace Studio
เรื่อง: Kangsadan K.
ภาพ: กรานต์ชนก บุญบำรุง, อภินัยน์ ทรรศโนภาส


The Oasis House บ้านล้อมคอร์ต กลางชุมชนพลุกพล่าน ที่มีโอเอซิสเป็นส่วนตัว